แม่กระต่ายน้อยกับเจ้าชายสองบุคลิก

143.0K · จบแล้ว
Manna GBU
99
บท
4.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีค ราฟาเอล ฟาซาอามาบรีเอล แห่งอาบูดาบี้ ปกติเป็นสุภาพบุรุษสุขุม เยือกเย็น แต่เวลาแอลกอฮอลล์เข้าปาก จะกลายเป็นหนุมเพล์บอย ปากหวาน เจ้าคารมณ์ คุมตัวเองไม่อยู่ เสพติดอ้อมกอดผู้หญิง เมย์จัง อัยลดา อาเนียเซีย ที่ปรึกษาสูงสุดทางด้านธรุกิจนานาชาติ คุณแม่เลี้ยงเดียว สาวหวาน ซื่อตรง จริงใจรักเดียวใจเดียว ลูกบุญธรรมของ สตีเว้นและเจนนี้ อาเนียเซีย มิชชันนารีชาวอังกฤษ ที่รับเลี้ยงดูเธอตอนสมัยเรียนมหาลัย เพราะประทับใจในความซื่อสัตย์และความรักที่เธอมีต่อตายายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เด็กชาย แม็คกี้ อาเนียเซีย หรือน้องแม็ค และเด็กชาย มิ๊กกี้ อาเนียเซีย หรือน้องมิ๊ก แก้วตาดวงใจของครอบครัวอาเนียเซีย

นิยายรักโรแมนติกเลขาพลิกชีวิตประธานพันล้านสัญญาทางรักรักแรกพบเศรษฐีโรงแรม/มหาลัยโรแมนติก

บทที่ 1 Come back

กรุงเทพ

ที่ปรึกษาสูงสุดเมย์จังคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ตอนนี้กำลังรีบสรุปงานให้กับทางบริษัทที่ว่าจ้างให้ช่วยดูแลพร้อมทั้งคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทนำเข้าสินค้าแบรนด์ดังให้มาขยายการตลาดที่ไทยให้มากที่สุด เธอต้องรีบประชุมแบบเร่งด่วน หากยังสรุปไม่จบเธอจะขอเป็นวิดีโออินฟอเรน เพราะเธอต้องรีบไปรับสองหนุ่มที่ใกล้จะเลิกเรียนแล้ว เพราะวันนี้ครอบครัวเรามีงานปาร์ตี้ครบรอบ 5 ปีของครอบครัวเราทั้งเป็นวันสำคัญสำหรับสองหนุ่มด้วย เพื่อพูดคุยกับพ่อแม่เรื่องงานมิชชันนารีของท่านทั้งสองด้วยและเรื่องหลานชายทั้งสองด้วยเลยที่เดียวครบจบในวันเดียว

"เรามาเริ่มประชุมกันเลยคะ สำหรับโปรเจคและการทำการตลาดนั้น ทางเราได้ทำสรุปรายละเอียดไว้ในชีสที่ให้ทุกคนไว้แล้ว หากสงสัยหรืออยากให้เพิ่มหรือลดตรงส่วนไหนสามารถแจ้งทางเราได้เลยคะ "

"พวกเราไม่มีอะไรจะขัดคาน เพราะพวกเราไว้ใจการบริหารงานของบริษัทคุณเมย์จัง และยินดีที่พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารที่คุณเมย์จัง ที่เป็นคนทำการตลาดด้วยตัวเองทั้งยังทุ่มสุดตัวกับบริษัทของเรา หากมีอะไรที่ทางคุณต้องการให้ทางเราปรับปรุงแก้ไข หรือช่วยเหลือสามารถแจ้งได้เลย พวกเรายินดีทำตามที่คุณต้องการ"

"ขอบคุณคะ ถ้าไม่มีอะไรขัดคานก็ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้คะ ในชีสได้ระบุหน้าทีของทุกคนไว้หมดแล้ว ขอความร่วมมือในการทำตามที่แจ้งไว้ในเอกสารการประชุมนี้ด้วยนะค่ะ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะค่ะ "

"ครับ/คะ"

จากนั้นฉันก็รีบขับรถมาที่โรงเรียนของลูกชายทั้งสองคน เพื่อที่จะพาพวกเขาไปหาคุณปู่คุณย่า ที่รออยู่แล้วที่บ้านของพวกเรา สองหนุ่มดูจะตื่นเต้นเพราะตรงกับวันเกิดเขาด้วยวันนี้ 14 กุมภาพันธ์ อายุครบ 9 ขวบพอดี ยิ่งโตพวกเขายิ่งเหมือนพ่อของพวกเขาเลย จนทำให้ฉันกลัวว่า ถ้าเขามาที่ไทยอีกครั้ง เขาคงรู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นลูกเขาที่ฉันพยายามปิดปังเขาไว้ หวังว่าเขาคงไม่มาตอนนี้หรอกมั่ง ตั้งห้าปีแล้วเขาคงลืมฉันไปแล้ว คงแต่งงานไปแล้วหละ คงลืมคำสัญญาที่เขาพูดกับฉันแล้ว เพราะเขาพูดตอนที่เขาเมานี้นะ พอหยุดคิดถึงเขาสักที

"ไงหนุ่มๆรอมามี้นานไหมครับ"

"ไม่ครับ พวกเรารอได้ เพราะพวกเรารู้ว่ามามี้ของพวกเรากำลังทำงานอยู่"

"รู้ดีจริงนะ เจ้าตัวน้อยของแม่"

"ก็มั่นแน่อยู่แล้ว เพราะพวกเราเป็นลูกของมามี้นี้ครับ"

"เอาหละ รีบขึ้นรถดีกว่า ปู่กับย่าทำของอร่อยๆรอพวกเรา และของขวัญให้พวกเราด้วยนะ"

"เย้ๆ พวกเราจะได้อะไรนะปีนี้ พี่แม็คคิดว่าปู่กับย่าจะซื้ออะไรให้พวกเรากัน"

"พี่คิดว่าคงเป็นหนังสือ และของเล่นมั่ง"

"งั้นรีบเราไปลุ้นกันดีกว่า มามี้ก็มีของขวัญให้พวกเราสองคนนะ เป็นของตัวต่างหน้าพ่อของพวกไงอยากได้ไหม"

"ของพ่อเหรอครับ พวกเราอยากรู้ว่าพ่อของพวกเรา หล่อเหมือนพวกเราไหม และใจดีไหม เขาอยู่ที่ไหน"

"เมื่อถึงเวลาเดี่ยวมามี้จะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้เราต้องรีบไปหาปู่กับย่าก่อนนะ"

"ครับแม่"

จากโรงเรียนมาถึงบ้านของพวกเราใช้เวลาไม่นาน เพราะอยู่ใกล้ๆกันเลยทำให้ไปมาสะดวก ทั้งที่ทำงาน โรงเรียนหรือบ้านก็อยู่ย่านเดียวกันคือย่านสาทรนั้นเอง แค่รถติดมากกว่าทุกที่ในกรุงเทพก็เท่านั้นเอง โดยรวมถือว่าทำเลที่นี้ดีที่สุด และน่าอยู่ที่สุดสำหรับการเรียนการสอนเด็กให้สามารถใช้ชีวิต และดูแลกันและกันได้

"คุณปู่คุณย่าครับ พวกเรากลับมาแล้ว คิดถึงพวกเราไหมครับ"

"คิดถึงสุดๆเลย มาให้ปู่กับย่าหอมให้ชื่นใจหน่อยสิ"

"ครับ"

"ให้คุณปู่คุณย่าหอมเสร็จแล้ว ก็ไปอาบนำ้เปลี่ยนชุดใหม่กันด้วยนะ เดี่ยวแม่จะไปทำของโปรดของทุกคนให้ทานกันวันนี้ ห้ามแกล้งกันตอนอาบน้ำเข้าใจนะ ไม่งั้นจะอดกินของโปรด และแม่จะไม่ให้ของขวัญด้วย"

"ครับ"

"ลูกจะกะเกณฑ์ให้เด็กๆทำแบบนี้ไม่ดีนะ เดียวเขาจะกดดันจนเครียดไปนะ"

"คะแม่ เมย์แค่อยากให้พวกเขาดูแลตัวเองกันได้คะ"

"พ่อเข้าใจนะว่ามันเหนื่อยที่ต้องดูแลเด็กๆ และทำงานไปด้วย เราไม่บอกพ่อของเด็กแบบนี้จะดีเหรอ พ่อว่ามันถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงให้พ่อกับแม่ฟังสักที เพราะพวกเราเป็นห่วงพวกเราแม่ลูกมากๆนะรู้ไหม พ่อกับแม่ก็ต้องเดินทางไปหลายประเทศไม่ค่อยได้อยู่ช่วยเลี้ยงหลานกันเลย "

"เมย์ขอเวลาอีกสักนิดได้ไหมคะ วันนี้พวกเราไม่คุยถึงพ่อของเด็กได้ไหมคะ เรามาคุยเรื่องงานของพ่อกับแม่ดีกว่า และเดียวเมย์ก็จะต้องรับช่วงงานมิชชันนารีต่อด้วย เมย์เลยอยากขอคำปรึกษาเรื่องนี้ด้วยคะ ได้ไหมคะคุณพ่อคุณแม่"

"เรานี้นะหาทางเลี่ยงเรื่องพ่อของเด็กได้ตลอดเลยนะ พ่อกับแม่ไม่อยากให้ใครมาว่าเราเป็นคนใจง่าย ปล่อยตัวเองท้องกับใครก็ไม่รู้แบบนี้นะ ถึงมันจะผ่านมาแล้วพ่อกับแม่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจการตัดสินใจของเราสักที"

"ไม่เป็นไรคะ เมย์ไม่คิดมากหรอกคะ เพราะเมย์รู้ว่า ทำถูกแล้วพ่อกับแม่ร่วมทั้งพระเจ้าเข้าใจเมย์ก็พอแล้วคะ"

"เราก็เป็นซะแบบนี้ พ่อพอจะเดาออกว่าพ่อของเด็กทั้งสองคน ต้องเป็นที่พวกเราไม่ควรพูดถึง และคงเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยของลูกใช่ไหม คงเป็นหนุ่มคนนั้นที่เราเคยพามาบ้านใช่ไหม"

"พ่อจำเขาได้ด้วยหรือคะ "

"พวกเราจำได้เพราะ เขาหน้าตาเหมือนเด็กทั้งสองคนมาก เลยทำให้พวกเรานึกออกว่าเคยพบเขานะ"

"คราวนี้พอจะบอกแม่กับพ่อได้ไหม หรือยังไม่พร้อมที่จะเล่า"

"เมย์ขอเวลาอีกสักนิดนะค่ะ เมย์อยากมีชีวิตที่สงบสุขอยู่กับครอบครัว ไม่อยากพูดถึงเขาเดียวเขาจะโพล่มา หรือกลับมาชีวิตของเมย์คงวุ้นวายแน่นอนคะ ยิ่งถ้าเขารู้เรื่องของลูกๆอีกเมย์ไม่อยากอ้างลูกเพื่อให้เขามารับผิดชอบพวกเรา เพราะเมย์ตัดสินใจแล้วว่า เมย์จะดูแลของขวัญที่เขามอบให้เมย์อย่างดีที่สุด นั้นคือเด็กสองคนนี้ที่เป็นความรักที่เมย์มีให้เขา แม้เขาจะรักเมย์หรือไม่รักเมย์ก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ หรือเดือดร้อนเพราะเมย์เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียชื่อ ซึ่งมันจะทำให้ผู้คนดูถูกเขา ซึ่งพ่อกับแม่ก็น่าจะรู้ดีว่าเมย์ไม่อยากทำให้ใครเสียใจ"

"ก็เพราะแบบนี้เด็กสองคนถึงได้นิสัยเหมือนแม่ พวกเขาทั้งสองถึงไม่เคยถามหรือพูดถึงเรื่องพ่อให้เราเสียใจ แม้ว่าพวกเขาจะถูกล้อว่า ไม่มีพ่อเพราะแม่ใจแตก พวกเขามักจะปกป้องเราอยู่เสมอ จนพ่อกับแม่กลัวว่าพวกเขาจะอดทนได้ไม่นาน และเผลอไปต่อยตีกับเด็กที่มาล้อพวกเขาเรื่องของเรานะ"

"เมย์ขอโทษที่บอกไม่ได้จริงเรื่องพ่อของเขา เมย์บอกพวกเขาได้ว่าพ่อของเขารักพวกเขา เพราะเขามอบของขวัญไว้ให้ลูกของเขา หากพวกเราได้แต่งงานหรือมีลูกด้วยกัน เขาบอกว่าลูกคือของขวัญจากพระเจ้าที่มอบให้เขาทำให้เขาสั่งทำสิ่งนี้ไว้เพื่อมอบให้ลูกของเขาทั้งสองคนคะ"

"เอาเป็นว่าพ่อกับแม่รู้ว่า พ่อของเด็กทั้งสองเป็นใคร เพราะจำหน้าเขาได้เลยลองไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง พ่อกับแม่ไม่โทษเราที่ปิดปัง เพราะถ้าเป็นพวกเราก็ต้องปิดปัง เพราะเขาเป็นคนที่เราไม่อาจเอื้อมถึงหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้"

"ขอบคุณคะที่พ่อกับแม่เข้าใจเมย์เสมอ และอภัยให้ลูกคนนี้ที่ทำให้พ่อกับแม่เสียชื่อเสียง เพราะเมย์"

"เด็กโง่ ใครว่าพ่อกับแม่เสียชื่อเสียง พวกเราภูมิใจมากกว่าที่ลูกไม่ทำร้ายพวกเขา หรือทำร้ายตัวเองนะ"

"เอาเป็นว่าเราก็ต้องอธิบายให้เด็กๆฟัง พวกเขาจะได้ไม่โกรธพ่อของเขา หรือเพลอไปต่อยตีกับเพื่อนเรื่องของเรานะกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่าพ่อว่า"

"คะพ่อ เมย์จะบอกเรื่องพ่อของพวกเขาวันนี้ เพราะพวกเขาต้องรับรู้และคิดด้วยตัวเองว่า พวกเขาจะทำอย่างไรกับคำพูดของคนที่มาต่อว่าพวกเขา เมย์อยากให้พวกเขารักและอภัยให้พ่อและคนอื่นๆที่ต่อว่าพวกเรา"

"ดีมากพ่อกับแม่ค่อยหายห่วง เพราะพ่อกับแม่ต้องบินกลับอังกฤษเดือนหนึ่ง เพื่อทำเรื่องเอกสารของครอบครัวเรา พ่อต้องไปธุระเรื่องที่บ้านกันด้วย เลยอยากคุยเรื่องของลูกและถามลูกเพื่อจะได้หมดห่วงนะ"

"ขอบคุณคะคุณพ่อคุณแม่ เด็กๆคงคิดถึงปู่กับย่าน่าดู ถ้าไปด้วยได้คงร้องไปด้วยแน่เลย"

"เอาไว้ปิดเทอมก่อนเราค่อยไปกัน พ่อฝากเราดูแลบริษัทและโบสถ์พวกเราด้วยก็แล้วกัน ถือเป็นการเตรียมตัวก่อนรับช่วงงานต่อจากพวกเรานะ ตกลงไหม"

"ได้คะ เรื่องงานกับเรื่องโบสถ์ไม่ต้องห่วงคะ พวกเราแม่ลูกจะช่วยกันดูแลอย่างดีคะ กับข้าวเสร็จหมดแล้ว เด็กๆยังไม่ลงมาเลย สังสัยคงกำลังพากันเลือกชุดใส่แน่นอน นานขนาดนี้คงตัดสินใจเลือกสีกันไม่ได้แน่เลย เดียวเมย์ขอตัวไปจัดการกับสองหนุ่มก่อนค่ะ"

"จ้า ไปเถอะ เดี่ยวที่เหลือแม่จัดการต่อเอง รีบพาเจ้าสองแสบลงมาก่อนที่อาหารจะเย็นหมดนะ"

"คะแม่"

"สีไหนดีน่าวันนี้ เป็นวันพิเศษของพวกเราด้วย พี่ว่าพวกเราใส่แบบไหนถึงจะทำให้ทุกคนประทับใจดี"

"พี่ว่าสีฟ้ากับสี่น้ำเงินเข้มเข้ากับพวกเราที่สุด และแม่ต้องชอบมากๆแน่"

"ถ้าพี่ว่าแบบนั้น งั้นพวกเราเลือชุดนี้ก็ได้ ผมหิวแล้วด้วย"

"เรานี้ไม่อดทนเลย เป็นน้องชายพี่ต้องอดทนสิ"

"ก็มันหิว พี่ก็หิวใช่ไหมละ ถึงรีบเลือกชุดให้ได้เร็วๆ เพราะอยากกินอาหารที่แม่ทำ เพราะอาหารที่แม่ทำอร่อยกว่าในโรงเรียนของพวกเรา อยากขอให้คุณแม่ทำอาหารให้เราไปทานที่โรงเรียนจัง แต่ที่โรงเรียนไม่ให้ทำไปเองเลยอดกินของอร่อยๆที่แม่ทำเลย"

"เราก็รู้ว่าแม่ต้องทำงานหนักเพื่อพวกเรา ไหนจะต้องช่วยงานปู่กับย่าที่โบสถ์อีก พวกเราต้องรีบโตจะได้ช่วยแม่อีกแรงรู้ไหมต้องไม่ทำตัวเหมือนเด็กนะ วันนี้พวกเราก็โตขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว 9 ขวบแล้วนะ"

"ครับผม พวกเราก็ตั้งใจเรียนจนได้เกรด 4 และได้รางวัลนักเรียนเรียนดี มารยาทดี กีฬาเด่น ภาษาเด่นจนทุกคนเลิกว่าแม่ของพวกเราแล้วไง มิ๊กดีใจที่พวกเราทำให้แม่ไม่คิดมากเรื่องเรียนของพวกเรา"

"หนุ่มๆเสร็จยังจะ แม่ทำของอร่อยเยอะเลยนะ เดี่ยวจะเย็นหมดออกมากันได้แล้ว อยากให้แม่ช่วยเลือกเสื้อผ้าหรือช่วยแต่งตัวไหมเอ๋ย"

"พวกเราแต่งตัวเสร็จแล้ว แม่ไม่ต้องช่วยพวกเราแต่งตัว เพราะพวกเราโตเป็นหนุ่มแล้ววั้นนี้"

"ตัวแค่นี้เขาเรียกโตแล้วใช่ไหม ต้องกินและนอนพร้อมทั้งออกกำลังกายให้เยอะกว่านี้ถึงจะโตกว่านี้รู้ไหม"

"พวกเราหล่อไหมครับ วันนี้พวกเราก็มีของขวัญให้แม่กับคุณปู่คุณย่าเหมือนกันครับ แต่ต้องกินข้าวก่อนนะ"

"อะไรน่า แม่อยากรู้จัง บอกแม่ก่อนได้ไหมจะ"

"ไม่ได้ ต้องรอพร้อมกันถึงจะเซอร์ไพรส์"

"พวกเรานี้นะ แก่แดดไปแล้วใช้คำพูดไม่เมือนเด็กเลย ใครเขาสอนนะ"

"ไม่มีพวกเราเก่ง เลยเข้าใจครับแม่"

"จ้าๆ แม่ยอมแพ้ เรารีบลงไปกินข้าวกันดีกว่า"

จากนั้นพวกเราก็ฉลองวันเกิดของสองหนุ่ม และมอบของขวัญให้กับเด็กๆ พวกเขาดูเหมือนจะชอบของขวัญจากปู่กับย่าเอามากๆเลย พวกเขาทั้งสองคนถึงจะเป็นฝาแฝด แต่ก็มีความแตกต่างเรื่องนิสัยเล็กน้อย แต่โดยรวมนิสัยจะได้จากแม่มากกว่าพ่อ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพ่อของพวกเขานิสัยใจคอแบบไหน มีแต่แม่เท่านั้นที่รู้ว่าเด็กทั้งสองนิสัยได้จากใครมากกว่ากัน และก็ถึงเวลาสำหรับของขวัญที่แสนสำคัญที่สุดที่พวกเขารอคอย นั้นคือของขวัญที่แม่เตรียมไว้ให้พวกเขา ที่เป็นของดูต่างหน้าพ่อของเขา และเป็นวันที่พวกเขาจะได้รู้เรื่องของพ่อของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่เคยรู้เลย เพราะไม่อยากถามแม่เดียวแม่จะร้องให้เสียใจ ไม่อยากให้แม่เสียใจ

"ใครอยากได้ของขวัญจากแม่บ้างนะ"

"พวกเราอยากได้มากๆ ขอๆอยากรู้ว่ามันคืออะไระนะ"

"สัญญากับแม่ก่อนว่าจะดูแลของสิ่งนี้อย่างดี จะไม่ทำหายและต้องไม่ให้ดูหรือถอดออกเด็ดขาดตกลงไหม"

"ครับ"

"สัญญาแล้วนะ ห้ามผิดคำพูดกับแม่รู้ไหม"

"ครับแม่"

"งั้นเข้ามาหาแม่ใกล้ๆ เดี่ยวแม่จะช่วยใส่ให้พวกเราทั้งสองคน ของสองอย่างนี้เป็นของที่แม่รักพอๆกับลูกทั้งสองคน เพราะมันเป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักของพ่อที่มีต่อพวกเราสองคนนะ แม่เอาไปสลักชื่อของพวกเราไว้ในสิ่งนี้ เมื่อเผลอตกหายหรือถูกขโมยไปมันจะหาเจอแน่นอน อันนี้ของน้องแม็ค ส่วนอันนี้ของน้องมิ๊ก ชอบไหม"

"ชอบมากครับ มันเข้ากับชุดเลย ทางโรงเรียนจะไม่ว่าใช่ไหมที่พวกเราใส่เครื่องประดับแบบนี้นะครับ"

"เรานี้ช่างสงสัยเก่งเหมือนพ่อเราเลยนะแม็ค ไม่จ้าแม่ขอทางโรงเรียนไว้แล้วจ้า และทางโรงเรียนเขาอนุญาตให้ใส่ได้ เพราะมันเป็นสร้อยคอที่ใส่ข้างไหนชุดนักเรียนไม่มีปัญหาจ้า มีอะไรจะถามแม่อีกไหม วันนี้แม่ให้ถามทุกเรื่องเท่าที่แม่จะตอบได้จ้า"

"'งั้นน้องมิ๊กส์ อยากถามมว่า มิ๊กส์นิสัยเหมือนพ่อบ้างไหมครับ"

"ทั้งสองคนมีนิสัยเหมือนพ่ออยู่บ้างจ้า ตรงที่เรียนเก่ง เข้าใจอะไรเร็ว ฉลาดและหล่อเหมือนๆกันนะ"

"เย้ๆ พวกเราหล่อเหมือนพ่อเลย แต่พวกเขาว่าพ่อพวกเราไม่ใช่คนไทย เขาว่าเป็นคนอาหรับนี้คืออะไรครับแม่"

"น้องมิ๊กส์ของแม่นี้ช่างมีความจำที่เก่งจัง ถูกต้องพ่อของเราเป็นคนอาหรับหรอก็คือคนต่างชาติ ไม่ใช่คนไทย"

"แล้วทำไมเขาถึงเรียกว่า พวกแขกครับ พวกเราไม่ใช่แขกของบ้านพวกเขาเลยสักคน"

"เราก็ช่างสงสัยพอกันเลยนะน้องแม็ค คำว่าแขกเขาเอาไว้เรียก ชาวต่างชาติที่เป็นคนอาหรับจ้า ที่นี่ไม่งงใช่ไหม"

"ดูท่าหลานๆของพวกเราจะโตแล้วจริงๆ คำถามที่ถามมานั้นมันไม่ใช่เด็ก 9 ขวบ จะเข้าใจหรือสงสยได้ สมเป็นหลานปู่หลานย่าจริงๆ"

"แล้วพ่อของพวกเรา เขายังไม่ตาย อย่างที่พวกเขาว่าใช่ไหมแม่"

"จ้า เขายังไม่ตาย เพียงแต่เขาอยู่ไกลจากพวกเรา และเขาไม่รู้ว่าแม่มีพวกเราเขาเลยไม่ได้มาหาพวกเรานะ แม่จอโทษที่บอกเรื่องพ่อของเราได้แค่นี้ เพราะแม่ไม่อยากให้เราพบเจอปัญหาที่จะเข้ามาพร้อมกับพ่อของเรานะ ช่วยเข้าใจแม่และอภัยให้แม่ได้ไหมครับ"

"พวกเราอภัยให้แม่แน่นอน เพราะแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับพวกเราเลย แม่รักและดูแลพวกเราอย่างดี วันนี้เป็นที่แม่เจ็บปวดที่สุด คุณครูบอกว่า กว่าแม่จะให้กำเนิดพวกเรา แม่ต้องให้พวกเราอยู่ในท้องแม่ถึง 9 เดือน และคลอดพวกเราด้วยความทรมาน แต่แม่ก็ยังเลือที่จะพวกเราเกิดมาแม้จะลำบาก พวกเราเลยรักแม่ที่สุดในโลกนี้เลย"

"อันนี้เป็นรูปที่พวกเราช่วยกันคิดและวาด อยากให้ปู่ย่า พ่อแม่ละพวกเราอยู่กันพร้อมหน้า และพวกเราขอบคุณที่ทุกคนรักพวกเราสองคน"

"นี้หลานเรามันใช่เด็ก 9 ขวบไหม ทำไมถึงเก่งและเข้าใจพูดจาแบบนี้"

"แม่ไม่เคยเสียใจที่แม่คลอดพวกเรา แม่ดีใจและมีความสุขที่สุดที่พระเจ้ามอบของขวัญที่แสนพิเศษให้แม่มาถึงสองคนแบบนี้ แม่รักพวกเรามากกว่าชีวิตของแม่เลยรู้ไหมเด็กดีของแม่"

"พวกเราก็รักแม่ที่สุด และรักปู่กับย่าที่สุด รักลุงป้าน้าอาและทวดของพวกเราเหมือนกันครับ"

"ช่างพูดจริงมาให้ปู่กับย่ากอดหน่อยสิ เดี่ยวจะไม่ได้กอดหลานๆอีกนาน"

"ไปไหนกันครับ"

"ไปบ้านปู่ที่อังกฤษ เอาไว้พวกเราปิดเถอยาวค่อยไปเที่ยวกัน ไว้แม่เราว่างด้วยนะ"

"ครับ"

จากนั้นพวกเราก็กอดและพูดคุยสอยถามเรื่องราวต่างๆ และสอนเด็กๆเรื่องพระเจ้าให้พวกเขารู้จักพระองค์มากขึ้น และสอนให้เขาอธิษฐานขอพระเจ้าด้วยตัวเองดู พร้อมทั้งชมพวกเขาที่เป็นเด็กดีรู้จักอดทนและให้อภัยคนที่ว่าครอบครัวเรา วันนี้ช่างเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่อย่างเรา ที่มีลูกชายที่น่ารักอย่างพวกเขาเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต

สนามบินสุวรรภูมิ

5 ปีแล้วสินะที่เขากลับไปบ้านของเขา และวันนี้เขากลับมาแล้ว กลับมาเพื่อทำธุรกิจที่ไทยและหานายแบบเด็กๆและนางแบบที่แม่ของพวกเด็กๆ เพื่อถ่ายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำที่พวกเขาออกแบบ พวกเขาต้องการเด็กที่เป็นลูกครึ่งไทยกับอาหรับ เพราะมันเข้ากับแบรนด์ของเขาที่ทำขึ้น หากพบนายแบบที่เหมาะพวกเขาจะต้องหานายแบบที่เป็นตัวแทนพ่อที่เป็นชาวอาหรับอีกด้วยซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะถ่ายทำเสร็จ เขาเลยตั้งใจจะมาอยู่ไทยแบบไม่มีกำนดกลับที่แน่นอน และต้องการมาหาแม่กระต่ายน้อยของเขา ที่เขาปล่อยให้หลุดมือไปเมื่อ 5 ปีก่อนด้วย เพราะเขาไม่เคยลืมแม่กระต่ายน้อยของเขาได้เลย ไม่ว่าเขาจะอยู่ในบุคลิกไหน ทั้งสองบุคลิกล้วนเรียกหาแต่แม่กระต่ายน้อยของเขา ที่ไม่รู้ว่าป่านี้นางจะลืมเขาและมีครอบครัวไปหรือยัง ได้ข่าวว่านางช่วยงานพ่อที่บริษัทและทำงานช่วยด้านมิชชันนารีด้วย อยากเห็นจังว่าแม่กระต่ายของเขาจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ดะนีที่เขาติดต่อกับเลขาของเธอได้ เรื่องที่จะให้เธอเป็นคนดูแลบริษัทของเขาทุกอย่าง ซึ่งแผนแรกสำเร็จไปด้วยดีเพราะเขาไม่ได้บอกชื่อของเขาให้เลขาของเธอรับรู้ เพราะเขารู้จักเธอดีว่าถ้ารู้ว่าเป็นเขา เธอคงไม่รับงานและคงหนี้หน้าเขาแน่นอน เพราะเขาได้ทำร้ายจิตใจเธอด้วยการมอบครั้งแรกของเขาให้เธอ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเธอจะคิดยังไงด้วยเขาเมาและเขาก็เผลอตัวเผลอใจให้แม่กระต่ายน้อยตั้งแต่วันแรกที่พบกัน และดีใจที่ได้เธอเป็นลามคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด และได้เป็นแฟนเธอก่อนที่เขาจะบินกลับเมื่อเรียนจบนั้นเอง และเขาจากไปแบบที่ไม่ได้บอกความจริงจากใจตอนที่เขาไม่เมา เขาได้มอบของขวัญไว้ให้เธอ เพื่อสักวันที่พวกเขาแต่งงานกันของสองสิ่งนั้นจะเป็นตัวแทนความรักของเขา ไม่รู้ว่าแม่กระต่ายน้อยจะยังเก็บไว้ไหม ชักอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆจัง วันที่เราจะได้พบกัน และอยากบอกเธอว่าผมกลับมาแล้วนะ มารับคุณไปอยู่ด้วยกันและเราจะแต่งงานกัน

"โจเซฟงานที่เราให้ไปติดต่อเรียบร้อยดีใช่ไหม"

"ครับฝ่าบาท ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จมา และทางบ้านเราก็ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์มาไทยด้วย เพราะถึงรู้ก็คงหเามพระองค์ไม่ได้อยู่ดีครับ ส่วนเรื่องงานก้ราบรื่นดีกครับพรุ่งนี้นัดเพื่อเจรจาไว้แล้วครับ ทางงนั้นก็ตกลงเรียบร้อยแล้ว"

"ดีมาก งั้นพาเราไปที่หนึ่งก่อนที่จะไปพักที่โรงแรม เราอยากไปโบสถ์ที่พ่อของแฟนเราทำงานอยู่จะไปอธิษฐานสักหน่อยไม่ได้ไปที่นั้นนานแล้วไม่รู้ว่าจะยังเหมือนเดิมไหม"

"ได้ครับ งั้นเรารีบไปกันเดี่ยวจะสาย ผมขออนุญาตให้พวกองครักษ์และทีมงานไปพักที่ทางโรงแรมก่อน เพื่อจะได้ไม่โดดเด่นจนเกินไป เดี่ยวจะเป็นข่าว เพราะพวกเขาจะำหน้าพระองค์ได้ เดี่ยวจะเสียงานเอาครับ"

"เอาตามนั้น เพราะเราเองก็อยากอยู่ตามลำพังบ้างเหมือนกัน เจ้าไปกับเราก็พอ นอกนั้นให้กลับโรงแรมไปเตรียมงานพรุ่งนี้ให้หมด เริ่มหาเด็กๆที่จะมาเป็นนายแบบได้เลย "

"ครับ ทุกคนได้ยินที่องค์ชายบอกกันแล้ว แยกย้ายกันได้แล้ว ไว้เจอกันตอนค่ำนะ"

จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันเดินทาง ออกจากสนามบินไปตามจุดหมายที่พวกเขาตั้งใจไป ซึ่งวันนี้ ครอบครัวของแม่กระต่ายน้อยก็เดินทางไปที่โบสถ์กันก่อนแล้วเพื่อพาเด็กๆ ไปอธิษฐานและอวยพรให้เขาสำหรับวันเกิดของเขา ที่ปู่ย่าและแม่อยากทำให้เขาเห็นและหัดให้เขาทำตาม เพื่อที่เขาจะได้ทำเองได้ และรู้จักพระเจ้ามากขึ้นนั้นเอง เรามาลุ้นกันว่า จะได้พบกันไหม พ่อกับลูกพบกันแล้วจะทำหน้ายังไงกันนะ เมื่อเขารู้ว่าเธอมีลูกแล้ว