ตอนที่ 1 วันวาน
"ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ"
คุณหมอที่ยืนอยู่ข้างเตียง ยกมือขึ้นขยับแว่นเอ่ยถามหญิงสาวสวยจัดที่นอนกุมท้องอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องฉุกเฉิน
กระโปรงนักศึกษาตัวสั้นเผยให้เห็นรอยถลอกที่หัวเข่าจนเลือดซึมไหลออกมา รอยช้ำเขียวอีกหลายจุดหรือแม้แต่ข้อศอกของเธอก็ยังมีรอยถลอกไม่ต่างจากหัวเข่า
แต่ที่คุณหมอต้องเอ่ยถามเพราะเลือดที่ไหลออกมาเป็นทางจนเลอะเรียวขาคู่สวยแม้จะไม่เยอะ แต่มันก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นเลือดออกเพราะอะไร
คนไข้สาวในชุดนักศึกษาที่นอนเอามือกุมท้องน้อยด้วยความปวด จนลืมความเจ็บของแผลถลอกไม่ว่าจะหัวเข่าหรือข้อศอก รับรู้แต่อาการปวดหน่วงคล้ายเวลาปวดประจำเดือน เธอก็เพิ่งประจักษ์ตอนนี้เองว่าเลือดที่กำลังไหลออกมามันไม่ใช่เลือดของรอบเดือน
ใบหน้าหวานที่ยังเหยเกด้วยความปวด ขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม คำถามของคุณหมอทำเธอต้องคิดย้อนหลังไปไกลเกือบสองเดือน
เธอลืมเรื่องสำคัญของผู้หญิงไปได้อย่างไร ความผิดพลาดในวันที่เขาเมาจนเธอห้ามไม่ทันในวันนั้น กำลังสร้างความยุ่งยากให้ชีวิตเธอในวันนี้
"ประมาณเดือนกว่าๆ แล้วค่ะ"
"เดี๋ยวหมอขออัลตราซาวนด์ก่อนนะ"
ระหว่างที่รอเครื่องอัลตราซาวนด์ เธอก็ยิ่งกุมท้องตัวเองแน่นขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกปวดยิ่งทวีขึ้น เหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นบนกรอบหน้าทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องฉุกเฉินเย็นเฉียบจนเธอหนาวสั่น
คุณหมอกดหัวตรวจอัลตราซาวนด์คลึงวนไปตามท้องน้อย กดเน้นในบางช่วงจนเธอรู้สึกเจ็บ
"คนไข้ยังไม่เคยฝากครรภ์ใช่ไหมครับ"
"ยะ...ยังค่ะ"
"อันนี้คือถุงตั้งครรภ์นะครับ เอ่อ...ที่หมอจะบอกก็คือว่า หัวใจน้องหยุดเต้นแล้วครับ คนไข้มีญาติมาไหมครับ"
หัวใจเธอก็แทบจะหยุดเต้นไปพร้อมกัน
ม่านน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตาจนพร่ามัว เสียงหมอเอ่ยอธิบายเรื่องอะไรต่อจากนั้นเธอก็แทบจะไม่รับรู้
เธอเพิ่งรู้สึกตื่นเต้นเมื่อครู่ ก็ตอนที่หมอเอ่ยถามเรื่องประจำเดือน อนาคตที่ถูกวางแผนขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามนาที คิดแม้กระทั่งว่าเธออาจจะต้องดร็อปเรียนหรือคิดว่าจะต้องบอกแม่กับพี่ชายอย่างไร แต่แค่เพียงครู่เธอก็ต้องรู้สึกเหมือนถูกผลักลงเหว หัวใจหล่นวูบลงปลายเท้า ใบหน้าชาราวกับคนถูกตบ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามที่คุณหมอถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"คนไข้มีญาติมาไหมครับ"
"ค่ะ"
ตอบรับไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าควรจะบอกใคร จากที่คิดถึงแม่กับพี่ชาย แต่พอเรื่องมาถึงตรงนี้เธอก็กลัวเกินกว่าจะกล้าบอกท่านเสียแล้ว
หลังจากทำแผลถลอกทั้งตัวเสร็จเรียบร้อย พยาบาลก็พาเธอมารอที่ห้องพัก รู้แค่ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเธอจะต้องถูกขูดมดลูก อาการปวดท้องก็ยังไม่ทุเลา แต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องเธอก็ปวดท้องรุนแรงขึ้นจนเสียงร้องโอดโอยดังไปตลอดทาง น้ำตาแห่งความเสียใจก็ยังคงเอ่อคลอออกมาเรื่อยๆ
"คุณพยาบาลคะ หนูรู้สึกเหมือนมีอะไรออกมาค่ะ"
"คนไข้ไม่ต้องขูดมดลูกแล้วนะคะ"
การแท้งของเธอสมบูรณ์ เนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์หลุดออกมาจนหมด ภาพที่เธอเห็นจึงเป็นเพียงก้อนเลือดขนาดไม่ใหญ่นัก เธอถูกพาเข้าไปที่แผนกสูตินรีเวชต่อจากนั้น
กลับออกมาที่ห้องพักฟื้นอีกครั้งก็เห็น อันญา เพื่อนสนิทที่รับบทญาติคนไข้
"ไอ้กี้เป็นไงบ้างวะ"
"อื้อ ไม่เป็นไรแล้ว"
"แล้วแกไปทำอีกท่าไหนให้มอไซค์มันเฉี่ยวได้วะ แล้วมันไม่ลงมาช่วยแกเลยหรือ"
"หึ"
"ฉันตกใจหมด แล้วแม่กับพี่แกล่ะ"
อันญาเอ่ยถาม รู้แค่เพื่อนสั่งห้ามยังไม่ให้บอกใคร
"อย่าบอกพี่กรณ์นะ แม่ด้วย เราไม่เป็นอะไรมากแล้ว"
"แกแน่ใจนะ"
"อื้อ"
"แล้ว...พี่วีร์ล่ะ"
"ห้ามบอกเด็ดขาด"
"แต่เขาควรต้องรู้เปล่าวะ อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของเด็กในท้องแกนะ"
"แต่เด็กไม่อยู่แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรอีกต่อไป"
"สรุปแกจะปิดทุกคนใช่ไหม ไอ้กี้"
"อื้อ"
อันญาได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย ใบหน้าหวานยังมีแววเศร้าทั้งยังซีดเซียวจนแทบไร้สีเลือด
"แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าโรงพยาบาลถ้าไม่บอกแม่กับพี่แก"
คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงได้แต่เพียงเหม่อมองเพดานห้อง อย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
"เออ แกนอนพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที"
อันญาตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินไปนั่งอยู่ที่โซฟา ปล่อยให้คนป่วยบนเตียงได้ตกตะกอนความคิดของตัวเอง
กิดากร หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิดแชตใครบางคนทิ้งไว้อย่างนั้น อ่านข้อความสุดท้ายวนไปวนมา
วีร์ : หวังว่าเธอจะเข้าใจนะกี้ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่อง พี่จะบอกเรื่องนี้กับไอ้กรณ์
เธอไม่กล้าเลื่อนหน้าจอไปอ่านข้อความก่อนหน้านั้น
ข้อความที่เขาขอเลิกกับเธอ
ด้วยเหตุผลที่ว่า คบกับเธอมันน่าเบื่อ อึดอัด เขาไม่ชอบอะไรที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้
วีร์ วีระโสภาทรัพย์ หนุ่มหล่อมาดเนี้ยบแห่งคณะบริหาร ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลามาดขรึมแต่เขากลับซ่อนกรงเล็บไว้อย่างที่น้อยคนจะรู้ และคนที่รู้ดีที่สุดคงจะเป็นพี่ชายเธอ
และแน่นอนเธอถูกห้ามปรามมาตลอดว่าห้ามยุ่งกับวีร์รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆ ครั้งแรกที่เขาเคยขายขนมจีบให้เธอใหม่ๆ เมื่อถูกห้ามปรามหนักบ่อยเข้าเพื่อนพี่ชายเธอก็เงียบหายไม่กล้าหยอกเย้าเธออีกเพราะรู้ว่ากรณ์เอาจริงและหวงน้องสาวมาก
แต่สุดท้ายเมื่อเธอได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขาเมื่อกิจกรรมทางวิชาการเมื่อครึ่งปีก่อนที่ผ่านมา ถ้อยคำหยอกล้อแสนหวานชวนให้เธอลุ่มหลงจนเผลอปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับเขา
และแน่นอนความรักของเธอมันต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างเขาว่า ทุกข้ออ้างของเธอมักจะมีชื่อพี่ชายเข้ามาอยู่เสมอ เมื่อเธอไม่อาจตามใจเขาได้ความเบื่อหน่ายก็เข้ามาแทนที่ คนสองคนที่เคยรักกันหวานชื่นก็กลายเป็นมีปากเสียงกันบ่อยๆ หนักเข้าก็ถึงขึ้นเลิกรา
เพียงแต่เธอไม่ทันได้คิดว่า ความเผอเรอไม่ระวังเพียงครั้งเดียวจะทำให้ชีวิตน้อยๆ ก่อกำเนิดขึ้นเงียบๆ และก็จากไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน
และการจะออกจากโรงพยาบาลให้เงียบที่สุด เงินที่จะต้องจ่ายก็ต้องไม่ใช่จากแม่และพี่ชาย
เธอตัดสินใจส่งข้อความหาเขาอีกครั้ง
กีกี้ : กี้ขอยืมเงินพี่วีร์สี่หมื่นได้ไหมคะ
ข้อความถูกอ่านในทันที
วีร์ : ได้ แต่เธอต้องสัญญาว่าต่อไปเธอห้ามมายุ่งกับพี่อีกนะ
กีกี้ : ค่ะ
สลิปโอนเงินถูกส่งมาทางข้อความแชต เธอขอบคุณเขากลับไปแล้วก็ปิดแชตลง
เขาไม่ถามว่าเธอยืมเงินไปทำอะไร ทั้งที่ตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเธอไม่เคยเอ่ยเรื่องเงินกับเขาสักครั้ง แม้จะรู้ว่าครอบครัวเขารวยมาก จะมีก็แต่เงินที่เขาเลี้ยงข้าวหรือซื้อของให้เธอบ้างประปรายก็เท่านั้น