บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ฉากเด็ด (3)

พี่ฟิวส์ส่งฉันที่หน้าหอ ฉันก็โทรหาเพื่อนอีกสองคนทันที ตอนแรกคิดว่าจะต้องเกลี้ยกล่อมให้ไปเป็นเพื่อน ที่ไหนได้ยัยสองคนนั้นตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด

ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้าโดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เลือกกางเกงยีนเอวสูงขาม้ากับเสื้อครอปปาดไหล่ที่เพิ่งซื้อมาจากแม่ค้าขายผ้ามือสองมาใส่ หมุนตัวดูความเรียบร้อยแล้วก็รีบลงมารอพี่ฟิวส์เพราะเขาส่งสัญญาณมาว่ากำลังออกจากห้อง

“เพื่อนไปจองโต๊ะให้แล้วค่ะ” ฉันบอกทันทีที่ขึ้นมานั่งบนเบาะข้างเขา ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำพร้อมกับเปิดเพลงอกหักเพลงหนึ่งที่ฟังดูเศร้าเหลือเกิน ก็ยังดีที่เขาแต่งตัวมาหล่อแบบวัวตายควายล้ม ทั้งที่ก็มีแค่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนขายาวสีซีดเท่านั้น แต่กลับดูดีเกินไปจนไม่เหลือมาดคนอกหักรักคุด

สิ่งหนึ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจทั้งหมดคือกลิ่นหอมที่ออกมาจากตัวเขา มันเป็นกลิ่นหอมแบบเดียวกับที่ฉันได้สัมผัสมันเมื่อก่อนหน้านี้ ผู้ชายอะไรเนี่ย ตัวหอมจัง ได้กลิ่นแล้วทำใจเต้นแรงขึ้นมาเลย นี่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือว่านี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่า น้ำหอมฟีโรโมนอย่างในโฆษณาที่เห็นบ่อยๆ

พี่ฟิวส์จ้องฉันอยู่พักหนึ่งแล้วจึงขานรับว่า ‘อืม’ เบาๆ ในลำคอก่อนจะเคลื่อนรถออกไปจากหน้าหอ เวลานี้รถรอบมหาวิทยาลัยบางตาลงบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ไปจอดอยู่บริเวณข้างทางย่านสถานบันเทิงมากกว่า

“แล้วรถมอเตอร์ไซค์ล่ะ” ฉันถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าเขาใช้รถยนต์มารับอีกเช่นเคย อุตส่าห์แต่งตัวมาแบบนี้เพราะกลัวว่าเขาจะขับบิ๊กไบก์มารับ

“ส่งซ่อม ถามมาได้เนอะ”

“จริงด้วย ลืมไป” พอเขาพูดจบฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันใด

แล้วก็เพิ่งนึกแปลกใจตัวเองที่สนิทกับพี่ฟิวส์ได้ไวขนาดนี้ ถึงขั้นไปรับไปส่งที่หอและออกมาเที่ยวด้วยกันอีก ฉันเข้ากับคนง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่เขากับฉันมีเรื่องบาดหมางกันด้วยซ้ำ

“นี่รถแม่ ยืมมาใช้”

“ออ ค่ะ”

ที่บ้านเขาคงรวยนั่นแหละ ทั้งรถคันนั้นที่มีเรื่องกับฉันกับรถยนต์คันนี้ก็บอกฐานะได้เป็นอย่างดีแล้ว

“เออ ว่าไง” เขากดรับสายจากใครบางคนที่โทรเข้ามา เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากปลายสายนั้นคิดว่าคงเป็นเพื่อนของเขาสักคนหนึ่ง

“ร้าน XXX ถ้าพวกมันจะตามมาก็แล้วแต่…อืม”

“เพื่อนพี่ฟิวส์จะมากันเหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัยเพราะเดาจากคำพูดของเขา

“อืม”

“มีพี่ไมเนอร์ด้วยไหม”

“…อืม ทำไม” พี่ฟิวส์ตอบพร้อมกับปรายตามองฉัน

“แล้วพี่ฟิวส์จะโอเคไหม ขนาดค้างยังกระอักกระอ่วนเลยถ้าต้องเจอพี่ไมเนอร์” แล้วเขาล่ะ ไม่คิดมากเลยหรือไง

“แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้” พ่อพระ!

“พี่เป็นคนดีเนอะ ถ้าเป็นค้างคงไม่ไหว” ฉันหัวเราะเบาๆ เขาคงรักผู้หญิงรุ่นพี่คนนั้นมากแน่ๆ ถึงก่อนหน้านี้จะทำไม่สนใจแต่อาจเป็น เพราะทะเลาะกันหรือเปล่านะ “จะประจานให้อายทั้งคู่เลย เจ็บใจ”

“…” พี่ฟิวส์มองหน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าไปมองยังท้องถนนเช่นเดิม “พูดไปก็ทำให้ผู้หญิงเสียหายเปล่าๆ”

“…” มันก็จริง แต่เขาจะยอมโดนสวมเขาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เหรอ โคตรสุภาพบุรุษ แต่บางทีมันก็มองดูเหมือนโง่เง่าเต็มทน

เพราะอย่างนี้สินะ เขาถึงโดนทั้งแฟนทั้งเพื่อนแทงข้างหลัง เป็นถึงนายกสโมสรนักศึกษาแต่ยังถูกหยามขนาดนี้ ถ้ายัยจินกับระรินรู้คงไม่เชื่อแน่ๆ ก็มันน่ะอวดสรรพคุณพี่ฟิวส์จะตายไป ว่าทั้งหล่อ ทั้งรวย สาวๆ หลงรักกันทั้งมหาวิทยาลัย

พวกมันจะรู้ไหมนะว่าพี่ฟิวส์เป็นผู้ชายจืดชืดที่แฟนถึงกับนอกกายไปหาคนอื่น มัวแต่เก๊กบทเย็นชา คิดแล้วก็หดหู่ใจ ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่มีความรักและไม่คิดจะมี

“วันนี้เรามาดื่มให้ลืมเรื่องแย่ๆ ดีกว่าเนอะ” ฉันฉีกยิ้มให้พี่ฟิวส์ เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ก็กลัวว่าจะคิดมาก

“อืม” เขาตอบรับแบบมึนๆ มองฉันเหมือนตัวประหลาด

“สู้ๆ ค่ะ”

“สู้?” เขาเลิกคิ้วแล้วมองมา ตอนนี้รถจอดที่หน้าร้านพอดี

“ค่ะ สู้ คนอย่างพี่ฟิวส์ยังหาแฟนสวยๆ กว่าพี่เมย์ได้อีก หรือจะให้ค้างหาให้ไหม เพื่อนค้างมีแต่สวยๆ นะบอกเลย”

“…" หนุ่มรุ่นพี่เงียบไปครู่ใหญ่ แล้วสุดท้ายก็หัวเราะในลำคอเบาๆ เขาคงเจ็บจนพูดไม่ออกล่ะมั้ง “เธอนี่ตลกดี”

“ตลก? ตลกตรงไหนคะ”

“อืม ตลก ตรงที่เป็นเธอ” พี่ฟิวส์ใช้หางตามองก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ฉันเองก็รีบลงแล้วเดินตามเขาเข้าไปข้างในบ้าง ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเราตั้งแต่เข้าร้าน

“ยัยน้ำค้าง! โต๊ะนี้”

“พี่ฟิวส์ ทางนั้น” ฉันรั้งข้อมือของอีกคนไว้เพราะเขาคงหาโต๊ะไม่เจอ จำหน้ายัยเพื่อนสองคนนั้นไม่ได้แน่ๆ

“เดี๋ยวตามไป” เขาบอกฉันแล้วมองไปที่ยัยเพื่อนทั้งสองคนนั้นอีกรอบ คล้ายจะประเมินดูว่าควรไปนั่งด้วยหรือเปล่า

“ค่ะ แต่ถ้าพี่ไม่อยากนั่งกับพวกเรา เปิดอีกโต๊ะก็ได้นะ”

“เธอเป็นคนชวนฉันมา” เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองฉันเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่

“ออ ใช่ งั้นเดี๋ยวตามมานะคะ”

“…” พี่ฟิวส์พยักหน้า ฉันจึงผละออกมา เดินตรงไปที่โต๊ะของเพื่อน แน่นอนว่าประโยคแรกของพวกมันหนีไม่พ้นการแซว

“อะไรยังไงเนี่ย ร้ายไม่เบาเลยนะยัยน้ำค้าง”

“เป็นเจ้าหนี้ เจ้านาย ตอนนี้จะเป็นเจ้าบ่าวด้วยป่ะ ฮิ้ววว” ยัยระรินพูดด้วยอารมณ์ดีสุดๆ จนฉันต้องส่ายหน้ากับความคิดไปเองของมัน

“ไม่มีอะไรเลยค่า พี่เขาอกหักเลยพามาสงบสติอารมณ์” ฉันพูดไปอย่างไม่ใส่ใจนักพลางเอื้อมมือไปหยิบดูเครื่องดื่มที่พวกมันสั่งมา

เป็นเบียร์ยี่ห้อหนึ่งที่คนนิยมดื่มกัน แต่กับคนที่แทบจะไม่ดื่มเหล้าอย่างฉันคงไม่ไหว ถึงแม้จะทำงานร้านเหล้ามาเดือนกว่าแต่ฉันก็เลี่ยงมาโดยตลอด

“ไปอยู่ร้านเหล้า ฉันคิดว่าแกฝึกมาแล้วนะยัยน้ำค้าง”

“ขอเหล้าปั่นได้ไหม อันนี้น่าจะไม่ไหว”

“ระริน สั่งให้มันหน่อย สงสาร”

----------------

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel