บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ร้อนเงิน (1)

ตอนที่ 5

หลังจากที่เดินตามพี่ฟิวส์เข้ามาในห้อง ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้นัดกับพี่ฟิวส์แต่นัดกับพี่ไมเนอร์ต่างหาก แล้วทำไมฉันถึงตามเขาเข้ามาด้วยเล่า

“พี่ไมเนอร์ล่ะคะ”

“...”

“แล้วเขาจะเข้ามาตอนไหน”

“...”

เขาเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้นมันไม่ได้เบาเลยสักนิดเดียว เขาหอบเอกสารกองใหญ่ขึ้นมาวางตรงกลางโต๊ะแล้วหันมาทางฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ขี้เก๊ก!

“เอางานนี้ไปทำ”

“...” ฉันเลิกคิ้ว มองคนตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยปาก ถาม “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าพี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ก็หนูรับปากกับพี่ไมเนอร์ว่าจะทำงานให้เขา ไม่ได้ทำงานให้พี่”

“แล้วเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เธอติดหนี้ฉันไม่ได้ติดนี่ไอ้ไมเนอร์”

“ก็หนูจะทำงานให้เขา แล้วพี่เขาจะจ่ายเงิน เพื่อใช้หนี้พี่ไง”

“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ เหมือนเรื่องที่ฉันพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องตลก

ขำอะไรไม่ทราบ!

ฉันได้แต่คิดในใจแบบนั้นแต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะขืนพูด คงมีเรื่องแน่ คนอย่างพี่ฟิวส์พร้อมที่จะมีเรื่องกับฉันได้ทุกเวลาอยู่แล้ว

“งั้นหนูไปตามหาพี่ไมเนอร์ที่ชมรมก็ได้ค่ะไม่รบกวนแล้ว” พูดจบ ฉันหันหลังทำท่าจะเดินออกไปแต่อีกคนก็ห้ามเอาไว้ด้วยประโยคหนึ่ง

“มันบอกให้ฉันสั่งงานเธอ ถึงไปก็ต้องกลับมาอยู่ดี”

“...” ฉันหันกลับมา มองเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อนัก ก่อนจะเหลือบไปมองยังเอกสารบนโต๊ะกองหนึ่ง ที่เขาเพิ่งเอามันออกมาวาง ตรงนั้น “แล้วพี่จะให้หนูทำอะไร”

“ตรวจเอกสารตรงนั้น” เขาไม่ได้แค่พูดแต่ยังกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ใจหนึ่งก็อยากฉีกหน้าด้วยการเดินออกไป แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะฉันติดเงินเขาอยู่ตั้งสองหมื่นและยังไม่ได้จ่ายแม้แต่บาทเดียว

ทำงานให้พี่ฟิวส์หรือพี่ไมเนอร์ก็คงไม่ต่างกันนักหรอก สุดท้ายก็ต้องใช้หนี้เขาอยู่ดี

“ทำยังไงคะ สอนหน่อยหนูไม่เคยทำงานแบบนี้”

ฉันเอื้อมมือไปหยิบเอกสารเล่มบนสุดที่กองอยู่บนโต๊ะมาดู มันไม่ใช่น้อยๆ เลย เพราะน่าจะโครงการอะไรสักอย่างที่แต่ละคณะส่งมา ถ้าให้เดาคงเป็นโครงการที่เขาส่งกันเพื่อเสนอจัดกิจกรรมสำหรับนักศึกษา หากโครงการไหนที่ผ่านและได้รับอนุมัติ จากทางสโมสรนักศึกษาหรือทางอาจารย์ ถึงสามารถจัดกิจกรรมนั้นได้ล่ะมั้ง

“...” เขามองหน้าฉันนิ่งๆ เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูด สุดท้ายก็เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง “ตรวจดู โครงการที่พวกสโมสรแต่ละคณะส่งมา อันนี้เป็นตัวอย่างของคณะรัฐศาสตร์”

แล้วพี่ฟิวส์ก็อธิบายเกี่ยวกับพื้นฐานงานโครงการพวกนั้นที่ฉันต้องทำความเข้าใจก่อนจะตรวจดูว่า โครงการไหนสมบูรณ์โครงการไหนที่ยังขาดตกบกพร่อง ส่วนไหนที่ไม่สมบูรณ์ฉันจะต้องทำการขีดเส้นใต้เอาไว้ และเขาจะเป็นคนตรวจมันอีกที

โต๊ะของพี่ฟิวส์อยู่ตรงกลางห้อง ส่วนตัวที่ฉันนั่งอยู่ถัดจากเขาไม่แน่ใจว่าเป็นโต๊ะของใครเพราะบนโต๊ะนี้แทบไม่มีเอกสารอะไรวางอยู่เลย มันว่างและสะอาดตาที่สุด จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานมันเป็นอย่างนี้หรือเปล่า

ทั้งห้องนี้มีแค่เราสองคน ภายในห้องจึงมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงของเมาส์และแป้นพิมพ์ที่พี่ฟิวส์กำลังทำงานอยู่เท่านั้น บรรยากาศมันจึงแลดูอึดอัดชอบกล

“อะไร” เขาเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นว่าฉันลอบมองอยู่

“คือว่า เปิดเพลงได้ไหม เงียบจัง”

เขาไม่ตอบ หันหน้ากลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเอง ไม่ถึงนาทีเสียงดนตรีของเพลงฮิตเพลงหนึ่งก็ดังขึ้น ฉันจึงหันไปยิ้มและขอบคุณตามมารยาท

“ขอบคุณค่ะ”

“เรื่องมาก ให้ทำงานยังจะขอเพลง”

ฉันไม่ตอบได้แต่ยิ้มกับความใจดีเรื่องแรกที่เจอจากเขา ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไป จนกระทั่งมีโครงการหนึ่งที่ตัวเองสงสัยจึงลุกจากเก้าอี้ไปถามอีกคน

“ขอถามอันนี้หน่อยได้ไหม”

“อืม”

ฉันถามไปพี่ฟิวส์ก็อธิบายกลับมาอย่างละเอียด ไม่คิดเลยว่าเขาจะเก่งขนาดนี้ เรียนวิศวะก็ว่าหนักแล้ว มาอยู่สโมสรนักศึกษาอีก ถ้าเป็นฉันสมองคงแตกตั้งแต่แรกแล้ว

ระหว่างที่กลับมานั่งทำงานไม่ถึงนาที ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ฉันจำได้ว่าเขาคือหนึ่งในห้าคนเมื่อคืนนี้ ทันทีที่เขาเห็นฉันก็มีท่าทีแปลกใจ แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นสีหน้าก็ถูกปรับให้เป็นปกติ

“พวกมันล่ะ”

“พวกมันไม่เข้ามาแล้ว”

รุ่นพี่คนนี้เป็นคนที่พูดน้อยที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่ฉันสังเกตเห็น ดูเย็นชาและไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย

“ออ”

“พี่ไมเนอร์ก็ไม่มาเหรอคะ” ฉันถามด้วยความอยากรู้ เพราะเขาคือรุ่นพี่ในคณะ มันเลยรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุดถ้าเทียบกับทุกคนที่อยู่ในสโมฯกลาง

“ไม่ มันไปกับ…สาว”

“ออ ค่ะ”

ฉันพยักหน้ารับรู้แล้วก้มทำงานของตัวเองต่อ แอบฟังพวกเขาสองคนคุยกันด้วยแต่ไม่มีเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องงานที่พี่ฟิวส์กำลังทำอยู่นั้น จับใจความได้คร่าวๆ งานนั้นคงเป็นโปรเจ็คจบของพวกเขา

เพิ่งสังเกตเห็นว่าสองคนนั้นใส่เสื้อช็อปมาเหมือนกันและเรียนสาขาเดียวกันด้วย นั่นหมายความว่าพี่ฟิวส์กับรุ่นพี่คนนี้คงสนิทกันมากที่สุด แต่ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสนิทสนมนั้นเลยเพราะเพื่อนพี่ฟิวส์ดูเงียบขรึมสุดๆ

“พี่เขาชื่ออะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความอยากรู้เมื่อรุ่นพี่คนนั้นเดินออกไป แค่รู้จักชื่อกันไว้ก่อนครั้งต่อไปจะได้เรียกถูก

“…” พี่ฟิวไม่ตอบ เขาทำเหมือนว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดอีกเช่นเคย “ให้มาทำงาน ไม่ได้ให้มาสนใจเรื่องผู้ชาย”

“แค่อยากรู้ชื่อค่ะ เผื่อครั้งหน้าเจอกันอีกจะได้เรียกถูก” ฉันวางเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วหันไปมองเขาอย่างเอาเรื่อง “อย่ามาหาเรื่อง”

“...” เขาหัวเราะในลำคอ เกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ชะมัด มันเหมือนเขาตัดบทด้วยการพูดว่าไม่เชื่อ “ทำงานไปอย่าพูดมาก”

--------------

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel