บทที่ 4 ความอลหม่านในโรงเตี๊ยม(2)
ฟู่ซูหนิงแหงนหน้าขึ้นแช่มช้า ก็ประสานเข้ากับดวงตาขมึงถึงของบุรุษร่างใหญ่ล่ำบึ้ก
"นี่! เจ้าหน้าอ่อน เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรืออย่างไร อยากตายงั้นรึ"
อาเป่าถลันเข้ามาค้อมศีรษะขอโทษขอโพยพัลวัน "นายท่าน ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ นี่เป็นท่านหมอมาส่งผู้ป่วยเท่านั้น ได้โปรดละเว้นด้วย"
ชายฉกรรจ์ถ่มถุยน้ำลายลงบนพื้นด้วยท่าทีหยาบโลน จากนั้นผลักอาเป่าซึ่งเรือนกายผอมแห้งจนล้มลงบนพื้น "เป็นแค่ลูกจ้างกระจอกงอกง่อย อย่าริอ่านมาต่อรองกับข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร"
ฟู่ซูหนิงเหลืออดพลันขบฟันกรอด มือเรียวกำหมัดแน่นเสียจนกายสั่นเทิ้ม ครั้นยันกายของตนขึ้นได้แล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็เชิดขึ้นด้วยความโอหัง "เจ้าหมีควาย! กระทั่งตัวเจ้ายังไม่รู้ว่าตนเป็นใคร แล้วผู้อื่นเขาจะรู้ด้วยงั้นรึ สมองหมูจริงเชียว ไฉนต้องมายกตนข่มท่าน รังแกผู้คนไม่สนถูกผิด"
ชายร่างกำยำตวัดตามองฉับ จากนั้นคว้าสาบเสื้อของฟู่ซูหนิงจนเท้าลอยเหนือพื้น "เจ้าหน้าอ่อน เจ้าเป็นบุรุษอย่างไร ไยหน้าหวานอ่อนแอคล้ายพวกสตรีไม่มีผิด ปากคอก็เราะรายใช่ย่อย มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ปวกเปียกเช่นนี้ยังกล้าพ่นวาจาดูแคลนข้าอีก!"
เท้าซึ่งลอยเหนือพื้นตะเกียกตะกายเตะอากาศเปะปะ ฟู่ซูหนิงพยายามแกะมือหยาบหนานั้นออกจากสาบเสื้อทว่าเปรียบดั่งมดตัวจ้อยขย่มต้นไม้ใหญ่ ส่วนอาเป่าเร่งรุดเข้ามาค้อมศีรษะละล้าละลัง ดูเหมือนยามนี้กำลังเกิดสงครามขนาดย่อมในโรงเตี๊ยมของเขา เถ้าแก่ซึ่งกลับมาจากด้านบนเห็นเข้า ก็ถลาเข้ามาร้องขออีกคน
"นายท่าน นายท่าน ได้โปรดปล่อยท่านหมอเถิดขอรับ ไว้ข้าจะชดเชยให้ท่านเอง"
ชายหน้าบากเหยียดยิ้ม "พวกไร้ค่าเช่นเจ้าจะชดเชยเช่นไร เจ้าหน้าอ่อนมันสบประมาทข้า วันนี้ซื่อจื่อจะเข้ามาพักโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ท่านไม่ชอบความวุ่นวาย ไสหัวออกไปให้หมด!"
เพียงได้ยินคำว่าซื่อจื่อ ผู้คนในร้านก็ต่างละจากอาหารเบื้องหน้า ต่างคนต่างเร่งวางตะเกียบจ้าละหวั่น จากนั้นวิ่งถลาราวพายุหอบหนึ่ง ดั่งกับว่าภูตผีใกล้มาเยือนอยู่รอมร่อ ทว่าบุรุษหน้าอ่อนซึ่งผูกผ้าขาวคาดดวงตากลับยังนั่งสงบนิ่งไม่ไหวติง
"เฮ้ เจ้าคนตาบอด ไยเจ้ายังนั่งอยู่ตรงนั้น ออกไปเซ่"
ริมฝีปากของเขาจุดรอยยิ้มจาง ๆ กระนั้นกลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบดุจดั่งหุบเขาน้ำแข็ง เสียงทุ้มเอ่ยเรียบเรื่อย "พี่ชายท่านนี้ ข้าต้องขออภัยที่ไม่อาจทำตามประสงค์ท่านได้ เพราะข้ากำลังรอคนมารับ อีกอย่างที่ท่านล่วงเกินอยู่นั่นเป็นผู้มีพระคุณของข้า ท่านได้โปรดปล่อยมือเถิด"
แค่ก แค่ก
นัยน์ตาไม่เป็นมิตรเขม้นมองฉืออิ้งเทียนอย่างไม่พอใจ ท่าทางโอหังถือดีของเขายิ่งจุดประกายโทสะอีกฝ่ายให้เดือดปะทุ ฟู่ซูหนิงถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างไม่ไยดี
"อั๊ก!" ฟู่ซูหนิงทั้งเจ็บทั้งจุก นางเป็นสตรีแท้ ๆ เหตุใดต้องถูกบุรุษตัวโตทำร้ายจนแทบช้ำในตาย ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
"เจ้าหมีควายเถื่อน โยนลงมาได้ คนนะไม่ใช่ตุ๊กตา คอยดูเถอะ พ่อจะสั่งสอนให้ดวงตาเจ้าบอด" ฟู่ซูหนิงหยัดกายยืนขึ้น จากนั้นสาดฝุ่นผงเข้าดวงตาของอีกฝ่ายเสียจนร้องโอดครวญ
"นี่เจ้า... จะ จะ เจ้า! เจ้าหน้าอ่อน กล้าเล่นทีเผลอหรือ อย่าอยู่เลย" ชายร่างใหญ่เหลียวมองลูกสมุนของตน เสียงทุ้มตะเบ็งลั่นออกคำสั่ง "พวกโง่ยืนบื้ออะไร จัดการมันเซ่!"
ชายฉกรรจ์นับสิบกรูเข้ามาหมายทำร้ายฟู่ซูหนิง ยังไม่ทันประชิดตัวร่างพวกเขาก็ลอยหวือ กระแทกเสากำแพงเสียงดังอั๊ก อย่างไร้ทิศทาง อาเป่าและเถ้าแก่หลับตาปี๋เพราะเกรงจะได้เห็นโลหิตสาดกระเซ็น ทั้งสองค่อย ๆ เบิกตาทีละฝั่ง ส่วนฟู่ซูหนิงยืนนิ่งงันกะพริบตาถี่ด้วยความงุนงง เมื่อครู่นางเตรียมรับมือสถานการณ์ยุ่งยากไว้แล้วโดยแท้ ดูเหมือนมีใครบางคนลงมือตัดหน้านางไปก่อนเสียได้
"อะไรกันเจ้าพวกโง่ เป็นอะไรกันไปหมด!"
ฟู่ซูหนิงเหลียวมองฉืออิ้งเทียนแช่มช้า ชายหนุ่มนั่งเคาะปลายนิ้วทั้งห้าลงบนโต๊ะด้วยทีท่าไม่อนาทรร้อนใจ ทว่าฟู่ซูหนิงกลับสังเกตเห็นบางสิ่งผิดแผกไปจากเดิม
ตะเกียบเหลือคู่เดียว
ฟู่ซูหนิงย้ายสายตามองลงพื้น ตะเกียบนับสิบกำลังกลิ้งเกลื่อนไปมา เพียงตะเกียบอันเล็กจ้อย เขาก็สามารถสอยชายร่างใหญ่ให้ร่วงกราวดั่งใบไม้แห้ง
ฟู่ซูหนิงจิ๊ปากพลางยกมือกอดอก แต่ก็ต้องกระอักไอเสียจนหน้าดำหน้าแดง
แค่ก แค่ก
ร้ายกาจจริงเชียวอิ้งเทียน ท่านมองเห็นหรือว่าแม่นด้วยสัญชาตญาณกันเล่า
ฉืออิ้งเทียนนั่งสงบนิ่งต่อไป ขณะชายตัวโตทั้งหลายกำลังหาตัวการความอัปยศให้จ้าละหวั่น
"ใครกัน เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นคนทำงั้นรึ"
ฟู่ซูหนิงยกมือทั้งสิบขึ้นโบกไปมา "ข้ายืนต่อหน้าเจ้าโทนโท่ยังจะกล่าวหากันอีก เจ้าหมูสกปรก"
จู่ ๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำเยียบเย็นก็ดังขึ้น "พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรอีกเล่า"
