บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (1)

เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ฉืออิ้งเทียนได้รับการรักษาจากฟู่ซูหนิง ยามนี้อาการบาดเจ็บที่เรือนร่างหายเป็นปลิดทิ้ง ทว่าดวงตายังคงพร่าเบลอไม่ชัดเจน

"ต้องขอบคุณท่านหมอที่ช่วยดูแลข้าในทุกวัน ลำบากท่านแล้ว" การเรียกขานฟู่ซูหนิงของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉืออิ้งเทียนรับรู้ได้ว่าแม้นางเป็นหลานของผู้มีพระคุณที่เก็บตนกลับมา แต่จากวิธีการดูแลรักษาของนาง ฟู่ซูหนิงคงนับเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือเก่งกาจไม่ต่างกัน มิเช่นนั้นผู้ที่นางเรียกว่าท่านตาคงไม่ปล่อยให้ฟู่ซูหนิงดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเพียงลำพัง

"ท่านไม่ต้องเกรงใจ อีกสองชั่วยามเราจะออกไปข้างนอกกัน" ฟู่ซูหนิงเก็บอุปกรณ์การแพทย์ ถ้วยยา และผ้าเปียกชื้นซึ่งใช้ทำความสะอาดเรือนกายของชายหนุ่มไปพลางเอ่ยไปพลาง ทว่ามิได้จับจ้องใบหน้าบุรุษฝั่งตรงข้าม เดิมทีการเป็นแพทย์ล้วนเคยเห็น ได้สัมผัสเรือนร่างทั้งชายและหญิงมาจนนับไม่ถ้วน ทว่ายามที่ฟู่ซูหนิงต้องปรนนิบัติเขาในแต่ละครั้งกลับรู้สึกว่าตนเก้อกระดากอยู่ไม่น้อย

"เราจะไปที่ใด ในเมื่อข้ายังมองไม่เห็นเช่นนี้ อาจทำให้ท่านหมอลำบาก"

"ส่งท่านกลับ"

"กลับหรือ? แต่ดวงตาของข้ายัง..."

"คุณชายอิ้งเทียนไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ ข้าจะเขียนวิธีดูแล และรักษาดวงตาของท่านไว้ให้ รับรองว่าท่านจะกลับมามองเห็นกระจ่างชัดอย่างแน่นอน" ฟู่ซูหนิงตัดบท

"งั้นหรือ" เสียงทุ้มสลดลง จากนั้นเอ่ยต่อ "ไยท่านหมอไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่จนดวงตาหายดีเล่า ข้า เอ่อ..."

ฟู่ซูหนิงหยุดมือที่เอาแต่สาละวนกับข้าวของ นัยน์ตาดอกท้อจับจ้องโครงหน้าวสันต์ก็พานใจเต้นระส่ำ นางไม่อยากรู้สึกเช่นนี้เลย คงต้องเร่งส่งเขากลับไปเดี๋ยวนี้ ฟู่ซูหนิงพยายามควบคุมน้ำเสียง "เอ่อ...อะไรของท่าน หากไม่มีอันใดแล้ว ข้าจะเอาของไปเก็บ อีกเดี๋ยวข้าจะมารับ"

"แต่...ท่านหมอ ท่านจะไม่บอกแม้แต่แซ่ให้ข้าทราบเลยหรือ อย่างน้อย ๆ ข้ามองไม่เห็น ก็ขอให้ได้ทราบนามของผู้มีพระคุณมิได้เชียวหรือ"

ฟู่ซูหนิงส่ายศีรษะ เพราะไม่อยากให้ฉืออิ้งเทียนต้องคิดว่าตนติดค้างใด ๆ กับนางอีก ชาตินี้ได้โปรดเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านมาพบกันก็เพียงพอแล้ว "ท่านไม่ต้องรู้ว่าข้าคือใคร ถือเสียว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ท่านเคยได้ยินหรือไม่ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ข้าคิดว่านับจากนี้เราคงไม่ได้พบกันแล้ว เช่นนั้นอย่าได้ใส่ใจนามของข้า หรืออยากรู้ว่าที่แห่งนี้คือที่ใด ท่านกลับไปและไม่ต้องคิดว่าติดค้างบุญคุณใดกับข้า ท่านตาของข้าเป็นคนช่วยท่านอย่างแท้จริง ทว่าทุกอย่างที่ข้าและท่านตาท่านยายทำไปก็เพียงเพราะจรรยาบรรณของผู้เป็นหมอที่ยังค้ำคอและจิตสำนึกก็เท่านั้น"

เสียงฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อย ๆ ฟู่ซูหนิงยังเดินไม่พ้นธรณีประตูเสียทีเดียว

"ท่านหมอ ถึงอย่างไรพวกท่านก็มีพระคุณกับข้า สักวันข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตอย่างแน่นอน"

ฟู่ซูหนิงชะงักพลางพ่นหายใจแผ่ว กระนั้นฉืออิ้งเทียนกลับได้ยินชัดถนัดหูทีเดียว ดูเหมือนนางไม่อยากทำความรู้จักกับเขาจริง ๆ เพราะเหตุใดกัน

คนดื้อด้าน ข้าไม่น่าช่วยท่านเลยจริง ๆ

ฟู่ซูหนิงเดินหน้าต่อโดยไม่ใส่ใจเขาอีก ทว่านางกลับรู้สึกประหวั่นเพราะฉืออิ้งเทียนเป็นคนหัวรั้นยิ่งนัก

เหตุใดนางต้องปิดบังข้า หลายวันมานี้นางคุยกับข้าไม่กี่ประโยค ทว่าเมื่อครู่ ร่ายวาจายาวเป็นพรวน หรือนางรังเกียจบุรุษตาใกล้มืดบอดเช่นข้างั้นหรือ

.

.

สามวันก่อนฟู่ซูหนิงได้ส่งจดหมายไปหาองครักษ์ของฉืออิ้งเทียนเพื่อให้มารอรับเขา แม้ดูไม่สมเหตุสมผลที่นางสามารถรู้ช่องทางติดต่อดังกล่าว ทว่าฟู่ซูหนิงก็เอาตัวรอดโดยการกล่าวอ้างว่าฉืออิ้งเทียนเป็นฝ่ายบอกนางเอง แม้เขารู้สึกงงงวยเพียงใดกระนั้นฉืออิ้งเทียนเลือกจะไม่รบเร้านางอีก เขายินยอมเชื่อว่าตนหลุดปากบอกกับฟู่ซูหนิงโดยไม่รู้ตัวจริง แต่ก็อดคิดมิได้ว่านางอาจมีวิชาสะกดจิต เพราะหมอที่นี่ได้รับขนานนามว่าหมอเทวดามิใช่หรือไร

"หนิงเอ๋อร์ ไยแต่งกายคล้ายบุรุษเช่นนี้เล่า เจ้าจะออกไปที่ใด" ฟู่หรงนิ่วหน้า กวาดสายตามองเรือนร่างหลานรักด้วยความฉงน ฟู่ซูหนิงเป็นสตรีร่างบอบบาง อีกทั้งใบหน้ายังอ่อนหวานสะสวย ทว่านิสัยกลับตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ของตนโดยสิ้นเชิง

"ท่านยายเจ้าคะ นานมากแล้วที่หนิงเอ๋อร์ไม่ได้ออกจากหุบเขา วันนี้ข้าจะไปส่งคุณชายฉือกลับจวน หากแต่งกายเป็นสตรีท่านว่าเดินทางผู้เดียวจะปลอดภัยงั้นหรือ หลานของท่านยิ่งงดงามอยู่ด้วย"

ฟู่ซูหนิงเย้าแหย่พลางหัวเราะคิกคัก ร่างเด็กที่จิตวิญญาณของนางหลงมาติด ไม่คิดเลยว่าเมื่อเติบโตขึ้นจะสะสวยเฉกเช่นที่ตนเยินยอไว้จริง

ต่งควนโพล่ง "หนิงเอ๋อร์ แต่ดวงตาพ่อหนุ่มนั่นยังมองไม่ชัดมิใช่หรือ เหตุใดเร่งพาเขากลับ"

เพราะสิ่งนี้อย่างไร นางจึงขันอาสาเป็นหมอส่วนตัวของเขาเสียเอง หากปล่อยให้ท่านตาท่านยายทั้งสองเป็นผู้รักษา ดวงตาของฉืออิ้งเทียนย่อมหายเป็นปลิดทิ้ง ฟู่ซูหนิงเกรงว่าอาจเกิดเรื่องอีนุงตุงนังตามมาเช่นกาลก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel