บทย่อ
สองพี่น้องฝาแฝด ที่ได้รับสมญานามแฝดอัจฉริยะ ได้มาเกิดใหม่ในยุคต่างมิติ และยังคงเป็นแฝดกันเหมือนเดิม ที่สำคัญความทรงจำในโลกเก่ายังคงอยู่ แต่โลกใหม่ที่คำว่า'เหนือฟ้า ยังมีฟ้า' ทำให้พี่น้องต้องเลือกทางเดินที่ดี เพื่อนำพาพวกเขาและครอบครัวใหม่ ให้มีชีวิตรอดไปได้
บทที่1 ครอบครัวสุขสันต์
คฤหาสน์ตระกูลเฉิน
ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้องโถง เคียงคู่กับหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน แม้แต่ความสูงยังแทบจะเท่ากันเลยด้วยซ้ำ สองหนุ่มสาวในชุดลำลองสบาย ๆ เดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งมีท่านเจ้าสัวเฉินกำลังหัวเราะร่าอยู่กับภรรยา
เฉินหมิงมองไปยังน้องสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนสองพี่น้องจะเบะปากให้กันเป็นเชิงหยอกล้อ วันนี้เป็นการลาพักร้อนที่ตรงกันในรอบหลายปีของเขาสองคนพี่น้อง
เฉินเปียวแกล้งมองผ่านลูกชายหญิง ก่อนจะชำเลืองมองอยู่ในที เขาอยากได้ยินข่าวดี ว่าทั้งสองลาออกจากกองทัพเสียที งานที่ลูก ๆ ทำมันอันตรายเกินกว่าเขาจะรับได้ แรก ๆ แค่ทหารยศธรรมดา พอนานวันเข้ากลายเป็นหน่วยรบพิเศษไปซะงั้น
“บ้านเราก็ออกจะร่ำรวย ทำไมใครบางคนต้องอยากเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคนอื่นด้วยนะ”
เจ้าสัวเฉินแสร้งประชดลูก ๆ ก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัด เมื่อลูกสาวคนรองเฉินหนิงก้าวเข้าไปนั่งข้าง ๆ พร้อมสวมกอดผู้เป็นพ่อ คุณนายเฉินได้แต่หัวเราะกับท่าทางของสามี ก่อนจะกวักมือเรียกลูกชายคนโต เฉินหมิงก้าวยาว ๆ เข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดจาออดอ้อนเสียจนน่าหมั่นไส้
“ขอเวลาเราสองคนอีกนิดนะคะป๊า แล้วเราจะกลับมาอยู่บ้านจนป๊ากับม๊าเบื่อเราสองคนเลยค่ะ”
"อาหนิง ป๊าว่าลูกออกมาช่วยป๊ากับน้องดูแลบริษัทดีกว่านะ ลื้อด้วยอาหมิง"
เจ้าสัวเฉินเริ่มใช้ไม้อ่อนกับลูกสาว แน่นอนว่าเขาได้ยินคำว่าขอเวลาอีกนิด มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เขาไม่รู้ว่ามันจะ ‘นิด’ ไปอีกกี่ ‘นิด’ กันแน่
"โธ่! ป๊า อาหลิงดูแลมันก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ จริงไหมหมิง"
เฉินหนิงรีบหาแนวร่วม ด้วยการขอความเห็นจากแฝดของเธอ เรื่องนี้ถกเถียงกันมาหลายปี คำตอบมันก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เธอสองพี่น้องก้าวเข้ามาในจุดที่ยากจะถอย ชีวิตหน่วยรบพิเศษ ต้องกำความลับทั้งดีและไม่ดีเอาไว้มากมาย จะถอยก็ไม่ใช่จะทำได้เลย
"ฮึ! พวกลื้อก็เอาแต่โยนมาให้อาหลิงคนเดียว แล้วเมื่อไหร่ป๊ากับม๊าจะได้อุ้มหลานสักที ลื้อสองคนอายุสามสิบกันแล้วนะ"
"ป๊าครับอยากได้จริง ๆ เหรอ เดี๋ยวผมทำให้" เฉินหมิงพูดพร้อมขยิบตาให้เจ้าสัวเฉิน
"ฮาๆๆ"
สองพี่น้องหัวเราะเสียงดัง จนทำให้เจ้าสัวเฉินค้อนควับให้ลูกชายทันที ชายชราได้แต่ส่ายหน้าระอากับนิสัยของลูกฝาแฝด ที่เอาแต่นั่งหัวเราะ
แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็ไม่เคยบังคับให้ทั้งสองลาออกจากงาน เพราะไม่อยากที่หักหาญความรู้สึกของลูก ๆ เขาอยากให้ทั้งคู่ลาออกด้วยความสมัครใจมากกว่า แม้จะรู้ดีว่าคงเป็นเรื่องที่ยาก
"มาแล้วค่ะ วันนี้หนูสวยไหมคะทุกคน"
เฉินหลิงเดินลงมาจากชั้นบน พร้อมกับหมุนตัวไปรอบ ๆ เพื่ออวดชุดเดรสสีหวานของเธอ ที่พี่สาวสั่งตัดให้ในวันเกิดของเธอ
“น้องสาวพี่สาวที่สุดอยู่แล้ว”
เฉินหมิงเดินเข้าไปโอบเอวคอดของน้องสาวคนเล็ก ก่อนจะพาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของทุกคน
“หิวแล้วครับ ไปกินข้าวกันดีกว่า มาครับคุณนายเฉิน แขนข้างนี้ของผม พร้อมให้คุณนายควงแล้วครับ”
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปรับมือของผู้เป็นแม่ คุณนายเฉินหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นวางมือไว้บนมือหนาของลูกชาย ทางด้านเฉินหนิงเองก็ได้พยุงท่านเจ้าสัวลุกขึ้น พร้อมกับกอดแขนของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“คิดว่าเกิดมาหน้าตาดี ใครคือพ่อพันธ์กัน ฮ่า ๆ”
ท่านเจ้าสัวพูดขึ้น พร้อมขยิบตาให้ภรรยา ที่ยืนคล้องแขนบุตรชายอยู่ ทำให้คุณนายเฉินหัวเราะน้อย ๆ กับท่าทางมิลืมแก่ของสามี
“ผมว่าเพราะมีแม่พันธ์ที่ดี อย่างคุณนายเฉินต่างหากเล่า ฮ่า ๆ”
สองพ่อลูกต่างไม่ยอมลงให้กัน เดินไปจิกกัดกันไป พร้อมเสียงหัวเราะร่าของพ่อลูก คุณนายเฉินตบต้นแขนบุตรชายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู พรางส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อมองดูพ่อลูกพูดคุยเถียงกันเหมือนเด็ก ๆ
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอเห็นด้วยกับสามี นั่นคืออยากให้ลูก ๆ กลับมาอยู่บ้าน เพราะเธอกลัวว่าสักวัน....! เธอไม่อยากนึกถึงมันเลย ซึ่งมันคือความกลัวอยู่ลึก ๆ ของคนเป็นแม่ กับการที่ลูกทำงานเสี่ยงอันตราย หากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ เธอเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะยอมรับมันได้ไหม ถึงแม้เธอมักจะพูดกับสามีเสมอ ว่ามันคือหน้าที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องยอมรับมันให้ได้
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้กับแม่และน้องสาว ก่อนจะปิดลงอย่างเบามือ ส่วนท่านเจ้าสัวเฉินนั้น เฉินหนิงได้เปิดประตูอีกด้านให้เช่นกัน เฉินหมิงขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ โดยมีคู่แฝดของเขานั่งคู่กันด้านหน้า
ห้าคนพ่อแม่ลูกต่างมีเรื่องมากมายมาหยอกเย้ากัน พอรถเลี้ยวพ้นซอยบ้านออกมาได้เล็กน้อย คุณนายเฉินกลับรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ เธออยากให้การออกมากินข้าวครั้งนี้...เต็มไปด้วยความสุขเช่นในทุก ๆ ครั้งที่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน
‘เธอเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมคิดอะไรที่ไม่เป็นมงคลเลย’
คุณนายเฉินตำหนิตัวเองอยู่ในใจ แต่เธอรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ มันเหมือนกับว่าอีกไม่นาน เธอจะสูญเสียพวกเขาไป ใบหน้าที่แต่งแต้มมาแต่พองาม เริ่มจะซีดเผือดลงด้วยความไม่สบายใจ
“ม๊าคะ! เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหน้าซีด ๆ”
เฉินหนิงที่มองเห็นใบหน้าของผู้เป็นแม่ ผ่านทางกระจกรถหันกลับมาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรจ๊ะ! คงเพราะม๊าตื่นเช้ามากไปหน่อยเท่านั้นเอง” คุณนายเฉินปฎิเสธลูกสาวอย่าไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“ก็ม๊าของพวกลื้อตื่นเต้นที่จะได้อยู่กับพวกลื้อนาน ๆ ไง หยุดงานมาตั้งหลายวันแบบนี้ ม๊าลื้อคงคิดเมนูอาหารวันละเป็นสิบอย่างเลยมั้ง”
ท่านเจ้าสัวพูดขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบมืออวบของภรรยาเบา ๆ เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี ว่าห่วงสองแฝดแค่ไหน
“คืนนี้จะนอนกอดให้เบื่อกันไปข้างเลยครับ ม๊าต้องยิ้มกว้าง ๆ เพราะลูกชายสุดหล่อจะมาอยู่รับใช้ตั้งสองเดือนเลยนะครับ”
“จ๊ะ! พะ...กรี๊ดดด”
'ปังๆ' เสียงปืนดังขึ้นด้านหน้าฝั่งคนขับ ทำให้ทุกคนกรีดร้องอย่างเสียขวัญ

