บทที่ 2
ตกในภวังค์
‘คนอะไรมีเครื่องหน้าครบแบบนี้ เอวบางร่างน้อย แต่ว่า หน้าอกแอบโต’
“ขอโทษนะคะพี่โอบ” เอ่ยออกมาด้วยความสนิทสนม สีหน้าแดงระเรื่อ
ชายไทย ใบหน้าเข้ม ถึงกับย่นคิ้วมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เรียกแบบนี้ สนิทสนมขนาดนี้ ‘หล่อนเป็นใคร’
“อ้าว... ให้มาตามพี่ แล้วมัวทำอะไรกันอยู่” เสียงคุณย่าผอบรักนั่นเอง
แต่พอเห็นแม่สาวพิมพิรดาอยู่ในอ้อมแขนของหลานชายก็ยิ้ม
“นี่ปล่อยน้องได้แล้ว ทำอะไรอย่าให้มันประเจิดประเจ้อนัก” ตั้งใจว่าให้ เพราะนิสัยเจ้าชู้ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทำให้ผู้เป็นย่าเอ่ยเหน็บ
‘น้อง’
‘ใคร’ โอบนิธิปล่อยเธอให้ออกจากวงแขน แต่ยังคงจ้องหน้ายวนตาของเธอแบบไม่วาง
“จำพริกไม่ได้เหรอ”
คุณย่าช่วยเตือนความจำ โอบนิธิก็ยิ่งงงไปใหญ่
ทันใดนั้น คุณพิมสมร ผู้เป็นย่าของพิมพิรดาก็เดินออกมาจากที่คุณย่าผอบรักออกมาเมื่อกี้ โอบนิธิก็ถึงบางอ้อ
‘ยายเด็กพริก’
ตอนที่โอบนิธิอายุสิบห้าปี เด็กคนนี้เพิ่งห้าขวบ
“สวัสดีครับ” เขารีบยกมือไหว้คนที่สูงวัยกว่า คุณพิมสมรรีบรับไหว้
พิมพิรดาก็เช่นเดียวกัน เธอยกมือไหว้อย่างชดช้อย เหมือนคนที่ถูกอบรมเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดี สายตาของเธอก็จ้องหน้าโอบนิธิแบบละสายตาไม่ได้เช่นเดียวกัน
เคยเห็นแต่ในรูป ในอินสตาแกรม และที่คุณย่าผอบรักส่งไปดู หัวใจใต้หน้าอกเต้นโครมคราม นึกไปถึงคำพูดที่คุณย่าบอกเธอในวันนี้ ท่านขอร้องให้พิมพิรดามาทำความรู้จักมักจี่กับโอบนิธิเอาไว้ เพราะสองย่าตั้งใจจะจับคู่เธอให้กับเขา
แค่เห็นตัวจริงของโอบนิธิ พิมพิรดาก็ใจระส่ำ อาจจะเป็นเพราะคำพูดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ของสองย่าที่มักจะสนทนาให้เธอได้ยินอยู่เสมอว่า เขานี่แหละจะเป็นสามีในอนาคตของเธอ
“โอ้... หน้าตาไม่เปลี่ยน แต่หุ่นร่างใหญ่โตมากเลยนะ” คุณย่าพิมสมรรู้สึกตื่นเต้น ยิ้มเริงร่าส่งมาให้กับชายหนุ่ม
“คุณย่าก็ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ ดูไม่เปลี่ยน สวยสมวัยเหมือนกับคุณย่าผอบของผมเลย”
“หื้อ... ปากหวานขึ้นนะ พ่อเป็นหนุ่มแล้ว”
“ใครว่าเป็นหนุ่ม ถ้าเป็นสมัยโบราณ รุ่นนี้เขาเรียกจะขึ้นคานแล้ว”
“โธ่คุณย่าครับ อายุเท่าผมใครจะแต่งงานกัน”
“ก็มีแกคนเดียวแหละที่คิดแบบนี้”
โอบนิธิเข้าไปประคองคุณย่าของเขาให้เดิน ทุกคนย้อนเดินกลับเข้าไปที่ในห้องรับประทานอาหาร สาวใช้กำลังจัดทุกอย่างลงไปบนโต๊ะ
ทุกคนพากันนั่งลง คุณย่าผอบรักนั่งหัวโต๊ะ ถัดมาเป็นคุณย่าพิมสมร และพิมพิรดา อีกฝั่งโอบนิธินั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้าม
“สมร เธอไม่เห็นตาโอบนานแล้วนะสิ”
“โอ้ย! ก็ตั้งกะมาครั้งโน้น”
“ครั้งไหน”
“ก็ตอนที่ยายพริกเล็ก ๆ ไง”
“ห้าขวบ” โอบนิธิช่วยตอบ
“ว่าไง หนูพริกจำได้ไหม”
เธอสั่นหน้าเป็นคำตอบ พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ
โอบนิธิจำใบหน้าสวย ๆ ของสาวน้อยในวัยเด็ก โตมาเธอก็ยังเหมือนเดิม
“หนูพริกโตขึ้นมา หน้าตาสะสวย จนแกจำไม่ได้ล่ะสิ”
“โธ่! ใครจะไปจำได้ครับ” เขาหัวเราะร่วน
พิมพิรดายังนั่งขัดเขิน เธอก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา ได้แต่มองหน้า
“กลับบ้านไวก็ดีแล้ว ย่าจะได้บอกอะไรให้ฟัง”
“ครับ” เขาเม้มปาก รอฟังคำบัญชาจากคุณย่า คนที่ชายหนุ่มเกรงใจและเกรงขามที่สุดก็คือ ผู้หญิงคนนี้ พ่อกับแม่จากไปตั้งแต่โอบนิธิอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำไป ด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เขาต้องอยู่กับย่า
“ย่าจะให้หนูพริกไปทำงานกับโอบ ในฐานะเลขานุการ”
“หา! อะไรนะครับ” เขาตกใจเอาการอยู่ เพราะผู้เป็นย่าไม่เคยเกริ่นเรื่องนี้
“อ้าว! แล้วแกจะทำไมล่ะ บริษัทของฉัน ฉันจะให้ใครเข้าใครออก ใครจะไปทำงานก็ได้ หนูพริกนะ เรียนจบด้านนี้มาโดยตรง ปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาบริหารธุรกิจ แต่วิชาเอกที่หนูพริกเลือกคือ เลขานุการ เก่งทั้งงานเอกสาร เก่งทั้งการพูด ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน แกจะหาได้ที่ไหน”
เอ่ยคุณสมบัติของพิมพิรดาออกมามากมาย
โอบนิธิจึงหันไปมองหน้าเธอแบบพิจารณา เขาไม่เชื่อว่าย่าแค่อยากให้เธอไปทำงาน ต้องมีอะไรมากกว่านั้น เขาสบตาเธอแบบค้นคว้า พิมพิรดาเมื่อเห็นสายตาคมกล้าของชายหนุ่ม ถึงกับผินหน้าหลบ หันไปมองคุณย่าผอบรัก
“ฉันจะส่งหลานสาวของฉัน ไปเป็นหูเป็นตาดูแกที่บริษัทไม่ได้หรือไง ทำตัวระริก ๆ เป็นพ่อพวงมาลัยไปวัน ๆ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้อุ้มเหลน ไม่ได้ ๆ ให้ย่าให้ยายหนูพริกมาอยู่ที่นี่กับเราด้วย และเวลาที่แกไปทำงานก็ต้องพาน้องไปด้วย และเวลาจะกลับบ้าน แกก็ต้องให้น้องติดรถมาด้วย”
“อ้าว... น้องขับรถไม่เป็นหรือไง รถที่บ้านของเรามีตั้งหลายคัน ก็ให้น้องขับไป หรือว่าจะให้ลุงโชคขับไปส่งก็ได้ครับ”
“เอ๊ะ! ก็ย่าสั่ง อีกอย่างจะใช้รถหลายคันให้เปลืองน้ำมันทำไม แล้วถนนหนทางมันยุ่งยากเปลี่ยนไปตั้งแยะ ย่าไม่ให้น้องขับรถไปเองหรอก มันอันตรายและน่ากลัว และฉันขอสั่งแกนะตาโอบ จะต้องสอนงาน ดูแลหนูพริกทุกอย่าง”
โอบนิธินิ่วหน้า เมื่อกี้ย่าจะให้เธอไปทำงาน ไปเป็นเลขาฯ ไปสอดส่อง แต่ไหงจะเหมาให้เขาดูแลเธอ กลิ่นตุ ๆ เผยออกมาแล้ว เขากลับหันไปมองหน้าของพิมพิรดาอีกที
โอบนิธิมองแบบเย็นชาในสายตาวูบแรก จนเธอขนลุก
“หนูพริกมาทำงานกับแก แกต้องไปรับไปส่ง แกจะได้ไม่มีเวลาไปแรดที่ไหน”
“พูดเหมือนกับผมไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่อง”
“หึ-หึ พูดเองน้า และที่ย่าจะไม่ทน ก็ผู้หญิงที่วน ๆ เวียน ๆเข้ามาหาแกนะ แต่ละรายไม่ไหว ไม่มีความเป็นกุลสตรีเสียเลย แต่งตัวก็ดูไม่ได้ น้อยชิ้น สมัยนี้ผ้ามันแพงกว่าเมื่อก่อนหรือไงไม่รู้ แล้วอีกอย่างเปิ๊ดสะก๊าด มีค่านิยมแปลก ๆ นอนด้วยกัน มีอะไร แต่ไม่ผูกมัด แถมยังยอมให้ผู้ชายที่ตัวเองมีอะไรด้วย ไประริกระรี่กับผู้หญิงอื่นอีก”
เมื่อได้เปิดปากลั่นไปแล้ว คุณผอบรักก็หาลานบินลงจอดไม่เจอ โอบนิธิจึงถูกคุณย่าเล่นงาน
เขารู้สึกเสียหน้าเหมือนกัน ที่โดนชำแหละต่อหน้าของคุณย่าพิมสมร และแม่สาวพิมพิรดา
“ว่าอย่างไร”
“ก็ได้ครับ” รับปากสั้น ๆ แต่แถไปทำนัยน์ตาดุ จ้องหน้าของพิมพิรดา
‘ทำไม เขาทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ ไหนคุณย่าบอกว่าพี่โอบน่ารัก และใจดี แหม... คงจะใจดีกับสาว ๆ คนอื่นที่ไม่ใช่เรา’
“นี่เธอ ยายผอบเลิกดุตาโอบได้แล้วน่า ย่าเข้าใจ คนแก่ ๆ ที่มีหลานชายสุดสมบูรณ์แบบนี้ก็ห่วงและหวงเป็นธรรมดาเนอะ”
คุณพิมสมรรีบเข้าข้าง หันไปมองหน้าโอบนิธิแบบเห็นใจ
“ผมก็โดนแบบนี้ประจำครับคุณย่า คุณย่าไม่เคยมองผมในแง่ดีเลย”
“ย่ะ ก็เลิกควงผู้หญิง แล้วก็หยุดที่ใครสักคน ย่าอ่านในอินเทอร์เน็ตแล้ว ยิ่งเวียนหัว”
“โธ่! คุณย่าครับ ข่าวในโซเชียล ต้องอ่านแบบชั่งใจ ต้องพินิจพิเคราะห์ บางทีมันก็ข่าวปลอม”
“ปลอมมาก ข่าวโคตรบันเทิง”
