บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

ฟื้นในร่างนางร้าย

เสียงกรีดร้องดังแว่วเข้ามาในหู ราวกับมีใครกระชากตัวฉันออกจากห้วงนิทราอันยาวนาน

ฉันสะดุ้งสุดตัว ลมหายใจติดขัด ร่างกายสั่นเทาอย่างไร้การควบคุม

มือสองข้างกุมอกแน่น หัวใจเต้นรัวผิดจังหวะจนเหมือนจะระเบิด

เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้แกะสลักลวดลายงดงามเหนือหัว

แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านม่านแพรบางสีชมพูที่ปลิวไหวตามแรงลมเย็นเฉียบจากภายนอก

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้จันทน์และดอกเหมยอบอวลในอากาศ ชวนให้หัวใจยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก

ที่นี่...ที่ไหน?

ฉันกะพริบตาถี่ ๆ ไล่ความพร่าเลือนจากสายตา ขยับมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ

สัมผัสของผิวเนียนนุ่มที่ปลายนิ้วแตกต่างจากสิ่งที่คุ้นเคยมาตลอดชีวิต

มือนี้...ขาวผ่อง เรียวบาง ราวกับแกะสลักจากงาช้าง ไม่ใช่มือที่กร้านและหยาบกระด้างจากการทำงานหนักอย่างที่ฉันคุ้นเคย

ความตื่นตระหนกพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ฉันยันตัวลุกขึ้นจากเตียง พื้นเตียงไม้ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ ใต้แรงขยับ

เมื่อมองไปรอบห้อง ทุกอย่างที่พบคือความหรูหราที่เกินกว่าความฝันของฉันจะจินตนาการได้

โต๊ะไม้ลงรักปิดทอง เครื่องลายครามงดงาม โคมไฟน้ำมันแบบโบราณที่ส่องแสงสลัว ๆ

ชุดผ้าม่าน ผ้าปูเตียง และเบาะรองนั่งล้วนเป็นผ้าไหมเนื้อดีปักลวดลายวิจิตรงดงาม

ทุกสิ่งอย่างบ่งบอกว่าที่นี่ไม่ใช่โลกที่ฉันรู้จัก

ไม่ใช่ห้องเก่าซอมซ่อในคอนโดราคาถูกแน่นอน

ฉันหอบหายใจหนัก ๆ ความรู้สึกประหลาดไหลเอ่อในอก

ก่อนที่จะได้ขบคิดอะไรเพิ่มเติม เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้นจากนอกห้อง

ม่านแพรบางสะบัดออกอย่างรวดเร็ว หญิงสาววัยรุ่นในชุดผ้าแพรโบราณรีบก้าวเข้ามา คุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

"ท่านหญิงเฟยหลิง! บ่าวได้ยินเสียงร้องจึงรีบเข้าไป" เสียงของนางสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

ท่านหญิงเฟยหลิง?

ชื่อที่หลุดจากปากของนางกระแทกเข้ามาในหู ราวกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าในใจฉัน

เฟยหลิง...

ฉันรู้จักชื่อนี้

เฟยหลิง — ตัวร้ายในนิยายย้อนยุคที่ฉันเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว

หญิงสาวผู้เย่อหยิ่ง โง่เขลา ตกหลุมพรางของผู้คนรอบตัวจนจบชีวิตอย่างน่าอนาถ

ถูกหักหลังโดยคนที่ไว้ใจ ถูกเหยียบย่ำโดยผู้คนที่หัวเราะเยาะอยู่เบื้องหลัง

และตอนนี้...

ฉันกลายเป็นเธอ

หัวใจฉันเต้นรัวเหมือนกลองศึก

มือสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ

ไม่จริง...

มันต้องเป็นแค่ความฝัน...แค่ความฝันเท่านั้น!

ฉันพาตัวเองไปยังกระจกทองเหลืองบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมผนัง มือสั่นเทาคว้าเข้าที่ขอบกระจกอย่างทุลักทุเล

ในเงาสะท้อน...

หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังมองฉันตอบกลับมา

นางมีใบหน้าเรียวสวยคมคาย ผิวขาวเนียนดั่งหิมะ ดวงตาคู่เรียวยาวเปล่งประกายเจ้าเล่ห์แต่หม่นหมอง

ริมฝีปากบางเม้มแน่น เส้นผมดำขลับยาวสลวยถักเปียเกล้าอย่างบรรจง

ฉันจ้องภาพนั้นราวต้องมนตร์

ไม่ใช่ฉัน...

แต่ตอนนี้...มันคือฉัน

มือที่ยื่นไปสัมผัสกระจกสั่นระริก ดวงตาร้อนผ่าวจนต้องหลับตาลง

นี่ไม่ใช่ความฝัน

นี่คือความจริง

และฉัน...ติดอยู่ที่นี่

ติดอยู่ในร่างของนางร้ายที่มีชะตากรรมถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องพินาศ

แต่ไม่...

ฉันจะไม่ยอมจบแบบนั้นแน่นอน

ฉันสูดลมหายใจลึก พยายามข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนในอก

เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นไม่ได้สั่นไหวอีกต่อไป

มีเพียงเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างดุดัน

ถ้าสวรรค์ยังกล้าทิ้งฉันไว้ในร่างนี้...

งั้นก็เตรียมใจรับผลลัพธ์ที่สวรรค์ไม่อาจควบคุมได้เถอะ

**

หลังจากรวบรวมสติได้ ฉันหันกลับไปมองสาวใช้ที่ยังคุกเข่าอยู่ปลายเตียง

"เจ้าชื่ออะไร" ฉันถามเสียงเรียบ

นางสะดุ้งเฮือกก่อนรีบตอบเสียงสั่น

"หม่อมฉันชุนฮวาเพคะ ท่านหญิง"

ฉันพยักหน้าเบา ๆ

จำได้ว่าในเนื้อเรื่อง ชุนฮวาเป็นสาวใช้คนสนิทเพียงคนเดียวที่จริงใจต่อเฟยหลิง แม้สุดท้ายก็ไม่อาจช่วยนางจากหายนะได้

แต่ในครั้งนี้...

ฉันจะไม่ทำผิดพลาด

"ลุกขึ้น" ฉันออกคำสั่ง

ชุนฮวารีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตื่นกลัว

"ต่อจากนี้ไป เจ้าคือคนที่ข้าเชื่อใจที่สุด" ฉันเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ

แววตาของชุนฮวาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง

"หม่อมฉันขอสาบาน จะจงรักภักดีต่อท่านหญิงตลอดชีวิตเพคะ!"

ฉันยิ้มบาง ๆ พลางหันไปมองภาพดอกเหมยบานกลางหิมะที่แขวนอยู่บนผนัง

เหมือนเป็นสัญญาณ

ว่าข้า...จะเบ่งบานในฤดูหนาวที่โหดร้ายนี้

ไม่ว่าพายุหิมะจะโหมกระหน่ำเพียงใด

ฉันนั่งนิ่งอยู่กลางห้อง ปล่อยให้เสียงลมพัดผ่านผ้าม่านเบา ๆ ชวนให้นึกถึงชีวิตที่ผ่านมา

โลกใบเดิม...ชีวิตเดิม...สิ่งที่เคยรู้สึกว่าหนักหนาเกินทน

ตอนนี้ดูเลือนรางราวกับความฝันไกลโพ้น

ฉันกำมือแน่น สัมผัสความเย็นเยียบของผิวมือที่ไร้รอยขรุขระ

ที่นี่...คือโลกใบใหม่ของฉัน

โลกที่สวยงาม และโหดเหี้ยมไม่แพ้โลกเดิม

และฉันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอยู่รอดให้ได้

**

หลังล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ชุนฮวาก็นำถาดอาหารเช้ามาเสิร์ฟ

มีข้าวต้มร้อน ๆ กับเครื่องเคียงสองสามอย่าง ดูเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน

"ท่านหญิงเสวยเถิดเพคะ" นางว่าพลางก้มหน้า

ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปาก

รสชาติอ่อนละมุนไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย ทำให้ร่างกายรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อย

ขณะกิน ฉันก็ซักถามข้อมูลชุนฮวาไปด้วยอย่างแนบเนียน

ขุนศึกคนใหม่เพิ่งกลับจากชายแดน

กลุ่มขุนนางฝั่งตะวันตกเริ่มมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ

แม้แต่ในวังหลวงเอง ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ฟังไป ฉันยิ่งรู้สึกได้ว่าที่นี่คือวังวนอำนาจที่ร้ายกาจกว่าที่เคยอ่านในนิยายเสียอีก

เฟยหลิงในเนื้อเรื่องเดิม ไม่มีสติพอจะมองเห็นภาพใหญ่นี้

นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับรักเล็ก ๆ ในใจ อิจฉาริษยานางเอก และวู่วามไปจนพาตัวเองไปสู่หายนะ

แต่ฉันไม่ใช่นาง

ฉันจะเปลี่ยนทุกอย่าง

**

หลังเสร็จอาหาร ฉันนั่งพิจารณาเส้นทางชีวิตใหม่ของตัวเองอย่างจริงจัง

เป้าหมายแรกคือการตัดขาดจากพันธะอันตรายทั้งหลายที่ผูกมัดเฟยหลิงเอาไว้

โดยเฉพาะ...การหมั้นหมายกับอวี้เหวินหรง

ในนิยายเดิม เฟยหลิงหลงรักเขาหัวปักหัวปำ ถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือ สุดท้ายก็ตายด้วยน้ำมือของเขา

หากฉันยังคงสถานะคู่หมั้นกับเขาไว้ มีหวังไม่ทันได้เริ่มต้นสร้างอะไร ก็คงโดนกำจัดก่อน

ฉันต้องหาทางถอนหมั้น

อย่างน้อย ต้องทำให้สถานะของตัวเองเป็นอิสระมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แค่คิดก็รู้สึกถึงแรงต้านมหาศาลจากราชสำนัก และขุนนางทั้งหลายที่จะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มหึมา

แต่ฉันไม่มีทางเลือก

อยู่ภายใต้เงาของอวี้เหวินหรงต่อไป คือการก้าวเดินเข้าสู่ความตายอย่างช้า ๆ

และฉันไม่ต้องการจบแบบนั้น

**

"ชุนฮวา" ฉันเอ่ยเรียกเบา ๆ

สาวใช้ตัวน้อยรีบเข้ามาคุกเข่าข้าง ๆ อย่างนอบน้อม

"เพคะ ท่านหญิง"

"เจ้ารู้หรือไม่ว่าอีกกี่วันจะถึงวันประชุมใหญ่ในวัง?"

ชุนฮวาคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ

"อีกเจ็ดวันเพคะ เป็นการประชุมประจำฤดูร้อน ท่านหญิงมารดาของท่านหญิงเฟยหลิงก็คาดหวังว่าท่านหญิงจะต้องไปถวายพระพรและพบปะกับขุนนางใหญ่เพคะ"

ฉันพยักหน้า

ดี

เจ็ดวัน

เจ็ดวันสำหรับการวางแผนเปลี่ยนแปลงชะตากรรม

ฉันต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ตัวเอง

สร้างเครือข่ายใหม่

และหาทางถอนตัวจากพันธะเก่าให้ได้

แม้ต้องใช้เล่ห์กลบ้าง...ฉันก็ยินดี

**

บ่ายวันนั้น ฉันใช้เวลาเดินสำรวจเรือนพักอย่างละเอียด

แม้ชื่อเสียงของเฟยหลิงในวังหลวงจะไม่ดีนัก แต่เรือนพักส่วนตัวก็ยังคงสะท้อนฐานะอันสูงส่ง

ข้าทาสบริวารหลายสิบชีวิตกระจัดกระจายอยู่ตามเรือนเล็กเรือนน้อยรอบ ๆ

แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฉันนัก

แววตาพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และการเสแสร้ง

ฉันรู้ดี

คนเหล่านี้ไม่ใช่มิตร

แม้แต่ในโลกเดิม คนเราก็พร้อมจะทรยศได้หากผลประโยชน์เปลี่ยนมือ

ในวังหลวงที่อำนาจคือทุกสิ่ง...ไม่มีใครจริงใจได้หรอก

ฉันจำเป็นต้องคัดสรรคนของตัวเองใหม่

เริ่มจากชุนฮวา

และตามด้วยการสร้างเครือข่ายลับของตัวเองในวัง

**

พระอาทิตย์คล้อยต่ำแล้วเมื่อฉันกลับเข้าห้องพัก

แสงสีทองของยามเย็นทอดเงายาวบนพื้นไม้ขัดมัน

ฉันนั่งลงหน้ากระจกอีกครั้ง จ้องมองภาพสะท้อนของตัวเอง

ใบหน้านี้...

ร่างกายนี้...

ชีวิตใหม่นี้...

ข้าจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่า

ข้าจะใช้โอกาสนี้ สร้างโลกใหม่ที่ข้าควบคุมได้

ไม่ใช่ให้ใครเขียนชะตาให้ข้าอีกต่อไป

**

มือของฉันกำด้ามพัดทองที่วางอยู่บนโต๊ะจนแน่น

พัดทองที่แม่ของเฟยหลิงทิ้งไว้เป็นมรดกชิ้นเดียว

มันเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ

แต่เมื่อเจ้าของใช้มันอย่างโง่เขลา มันก็กลายเป็นตราบาป

ต่อจากนี้

ข้าจะชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่

พร้อมกับชีวิตของข้าเอง

ฉันยืนขึ้น มองลอดม่านออกไปยังท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มอมทอง

ลมเย็นยามค่ำพัดโชยมาปะทะใบหน้าเบา ๆ

สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ข้าสัมผัสมันได้

และข้าจะคว้ามันเอาไว้ด้วยสองมือของข้าเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel