บทที่ 4 เตรียมอาหารเช้า
“ใช่ แต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจผม จะกลับไปตอนนี้เลยก็ได้นะ” ธีรวีร์กล่าวพร้อมกับเบี่ยงตัวกลับทางประตูให้ ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะผายมือออกแล้วพูดขึ้นว่า “เชิญเลยครับคุณผู้หญิง”
ใครจะไปกันเล่า!
หญิงสาวเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงอย่างเงียบๆ พลางส่งสายค้อนตามองชายหนุ่ม ถึงจะไม่ไว้ใจแต่อย่างน้อยคนนี้ก็ช่วยเธอกลับมาจากสภาพที่เมาไม่ได้สติ และที่สำคัญยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า...เปลี่ยนเสื้อผ้าเอง!
“คุณหิวไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น
“ไม่” หญิงสาวตอบพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น แต่ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นใจด้วย จ๊อก...เสียงท้องร้องดังขึ้น ทำให้ต้องหันไปมองชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มออกมาเจื่อนๆ
“ตกลงไม่หิว งั้นคุณก็...”
“เดี๋ยว ฉันหิว” ปิ่นกานต์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว พร้อมกับส่งสายตามองชายหนุ่ม
“แต่ฉัน...”
แน่นอนว่าปัญหาอยู่ที่ว่าจะไม่กล้าเดินออกไปโดยที่ท่อนล่างไม่ได้ใส่อะไรเลย ผ้าห่มผืนใหญ่เกินกว่าที่จะลากเดินออกจากห้อง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วธีรวีร์ถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
“ผมมีกางเกงอยู่ยังไม่เคยใส่ คุณน่าจะพอใส่ได้มั้ง” ธีรวีร์กล่าวขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกางเกงสีน้ำตาลที่ยังไม่เคยใส่ออกมาแล้วเดินไปให้หญิงสาว
ปิ่นกานต์มองหน้าชายหนุ่มก่อนจะเอื้อมมือรับมาโดยที่ไม่พูดอะไรซึ่งธีรวีร์ก็ไม่ได้หวังให้กล่าวขอบคุณอยู่แล้ว
“เสร็จแล้วคุณก็ออกมาได้เลยนะ ผมต้องไปเตรียมอาหารเช้าก่อน” ชายหนุ่มยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแค่ปิ่นกานต์ที่รอประตูปิดลงแล้วหันมามองกางเกงตรงหน้าอีกครั้ง คลี่กางเกงตัวใหญ่ออกก่อนที่จะปล่อยผ้าห่มลงกับพื้นแล้วสวมมันขึ้นมา มันไม่พอดีตัวเลยสักนิด ใหญ่กว่าตั้งเยอะ ก็แน่ละเอวเธอเพียงแค่ยี่สิบสี่นิ้วเอง แต่ขนาดกางเกงใหญ่ต่างจากตัวเธอมาก รู้สึกว่าอยากจะได้เข็มขัดมารัดไว้ไม่ให้มันร่วงลงไปเวลาปล่อยมือ
ปิ่นกานต์เดินค่อยๆ เดินออกมาจากห้องพร้อมกับมือสองข้างที่จับกางเกงเอาไว้ไม่ให้หลุด สายตาคู่งามมองไปทั่วห้องก่อนจะหยุดอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังนำอาหารมื้อเช้ามาจัดวางอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวจึงสาวเท้าเข้าไป
ธีรวีร์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวเมื่อเห็นแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ลืมไปสนิทว่าหญิงสาวตัวเล็กกว่าเยอะ ซึ่งถ้าใส่แล้วก็คงเหลือเยอะถึงขนาดที่ปล่อยมือแล้วกางเกงร่วงทันที
“นั่งสิ” ธีรวีร์ชวนพร้อมกับนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม หญิงสาวพยักหน้าแล้วนั่งลง พลางส่งสายตามองเขาและอาหารตรงหน้าที่ไม่เข้ากันเลย ขนาดเธอจะสามสิบยังไม่เคยเข้าครัวสักครั้ง กลับบ้านมีแม่บ้านทำให้ตลอด ถ้าอยู่ข้างนอกก็เข้าร้านอาหาร
“คุณทำเองหรือว่าซื้อมาเวฟ?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตาถ้าเกิดว่าเขาจะทำเอง
“ทำเองสิ” ธีรวีร์ตอบพร้อมกับยิ้มออกมา
“จริงสิ คุณชื่ออะไร ผมจะได้จำคุณได้ว่าคุณเคยอ้วกใส่รถผม”
ใบหน้าหล่อยิ้มทะเล้นพลางส่งสายตาสบตามองหญิงสาว
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ปิ่นกานต์ทำท่าทางหยิ่ง
“โอเค” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาก่อนที่จะหยิบช้อนตักข้าวต้มใส่ปากโดยไม่ถามอะไรต่อ
ปิ่นกานต์มองชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆ เอื้อมมือจับช้อนตักอาหารเข้าปากบ้าง เธอเป็นคนค่อนข้างที่จะกินยาก แต่ทว่าความหิวจำ
ใจจึงต้องยอมรับประทานอาหารมื้อเช้าที่ชายหนุ่มทำ
รสชาติมันอาจจะ...เอ๋! อร่อยจัง!
ธีรวีร์ยิ้มออกมาก่อนที่จะวางช้อนลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม ชายหนุ่ม อมยิ้มออกมาเมื่อฝีมือทำการทำอาหารเป็นที่พึงใจของหญิงสาว
ว่าแต่เขาจะยิ้มทำไมกัน?
เมื่อคิดได้เช่นนั้นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่ข้างมุมปากจึงค่อยๆ หายไป
ไม่ถึงสิบห้านาทีข้าวต้มมื้อเช้าที่เต็มชามได้หมดเกลี้ยงลง รสชาติที่ถูกปากทำให้หญิงสาวกินจนไม่เหลือ ปิ่นกานต์เหลือบมองชายหนุ่มแล้วหลบสายตาเพื่อกลบความเขินอายเอาไว้
ธีรวีร์ลุกขึ้นพร้อมกับเก็บจานก่อนพูดขึ้น “เดี๋ยวผมจะลองโทรถามป้าให้ ให้มาเร็วหน่อยคุณจะได้ไม่ต้องรอถึงบ่าย”
ปิ่นกานต์พยักหน้าแทนการพูด จริงๆ แล้วกลายเป็นว่ามารบกวนเขาเสียมากกว่า คนไม่เคยรู้จักกันแต่ก็ทำดีกับเธอแน่นอนว่าถ้าหากเจอผู้ชายเลวๆ บางทีตื่นมาไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างอายๆ
ธีรวีร์ยืนฟังโดยไม่ได้หันไปมอง เขาเดินตรงไปที่อ่านล้างจานแต่ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ว่าแต่ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ?
เกือบเที่ยงกว่า กว่าแม่บ้านประจำได้นำชุดที่ซักแล้วมาให้เล่นทำปิ่นกานต์แทบนั่งติดเกาะโซฟาไม่เดินไปไหนเลย แน่นอนว่าถ้าหากลุกเดินมี
โอกาสที่กางเกงจะร่วงลงมา
หญิงสาวเปิดประตูออกจากห้องน้ำพร้อมกับถือเสื้อและกางเกงที่พับเสร็จเรียบร้อยเดินออกมา สายตาส่องมองหาชายหนุ่ม แต่ก็สะดุ้งขึ้นเมื่อเสียงทักขึ้นจากทางด้านหลัง
“คุณจะให้ผมเรียกแท็กซี่ให้ไหมหรือว่ามีคนมารับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ฉันต้องกลับไปเอารถที่คลับก่อนค่ะ”
ธีรวีร์พยักหน้า “งั้นก็โชคดีนะ แต่ถ้าคราวหน้าคุณเมาอีกผมว่าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็อดที่จะขุ่นเคืองไม่ได้ แต่ที่พูดมาก็จริงทุกอย่าง หากโชคไม่ดีบางทีอาจจะโดนฉุดไปแล้วก็ได้ ปิ่นกานต์ยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
“ส่วนเสื้อผ้า ฉันจะไปซักแล้วเอามาคืนคุณวันหลัง” หญิงสาวบอก
“ไม่ต้องหรอก ผมซักเองก็ได้” ธีรวีร์พูดพร้อมกับยื่นมือมารอให้ส่งเสื้อผ้าคืน แต่ทว่าสีหน้าของปิ่นกานต์ยังดูเกรงใจและหนักใจ เพราะเสื้อพวกนี้เธอเป็นคนสวมใส่จะให้เขาซักก็กระไรอยู่
“แต่ว่า...ฉันเป็นคนใส่ อีกอย่างถ้าให้คุณซักคงไม่เหมาะเท่าไหร่” ปิ่นกานต์บอกเหตุผล
“ไว้ฉันจะเอามาคืนให้คุณนะคะ”
“โอเค แล้วแต่คุณเลย”
ธีรวีร์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่คิดมากอะไร
“งั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ปิ่นกานต์พูดพร้อมยิ้มให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะนำเสื้อผ้าใส่ถุงที่ป้านวลใส่ชุดมาให้ หญิงสาวเดินหยิบกระเป๋าที่โซฟาแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ส่วนทางด้านชายหนุ่มมอง คนตัวเล็กปิดประตูลงก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปเพื่อทำงานของตนต่อ
