บทที่ 7 เริ่มแผนการ
“เมื่อกี้เราทำอะไรลงไปนะ เราตบหน้าเขาเหรอ” ฝ่ามือนุ่มนิ่มเอื้อมขึ้นสัมผัสแก้มขาวเนียนพลางทำตาโต เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
หญิงสาวจ้องมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ยังหน้าอ่าง พยายามหาวิธีเอาตัวรอดกับสถานการณ์เมื่อสักครู่ให้รอดพ้น เธอไม่ได้มีเจตนาจะตบหน้าเขาสักนิด แต่เพราะโดนจูบและถูกสัมผัสร่องรักจึงทำให้อดใจไม่ได้ และที่สำคัญเขาเป็นคนมีเจ้าของแล้ว คนคนนั้นก็ดันเป็นเพื่อนรักของเธอด้วย ฉะนั้นมันไม่เหมาะสมหากจะทำเช่นนั้น
ทว่าสิ่งที่หนักใจสุดตอนนี้คือเรื่องตบหน้า ถ้าเกิดเขาเอาเรื่องและไล่เธอออกจากบริษัท แผนที่วางไว้ก็พังไม่เป็นท่านะสิ เธอจะไม่มีทางให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นเด็ดขาด
“ห้ามยอมแพ้นะแคลร์ แค่จูบเดียวแกจะสนใจทำไม” การช่วยเหลือลูกสาวผู้มีพระคุณสำคัญกว่าสิ่งใด หากวันนั้นมารดาของภัคธิมาไม่รับเด็กอย่างเธอไปอยู่ในความปกครอง ก็คงไม่มีเธอเช่นทุกวันนี้
มธุรินใช้เวลาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำนานสิบกว่านาที จึงออกไปหาเจ้านายหนุ่มแอบกังวลเล็กน้อย เขาจะโกรธหรือต่อว่าอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ บอสคะ เรื่องเมื่อกี้…” ไม่ทันมธุรินจะกล่าวประโยคถัดไป มาเชลโล่ก็แทรกขึ้นก่อน
“ข้าวของและเสื้อผ้าของคุณอยู่ตรงโน้น เสื้อผ้าแม่บ้านซักให้เรียบร้อยแล้ว รีบแต่งตัวผมจะให้อัคราฟไปส่งที่บ้าน”
มธุรินมองตามหลังกว้างพร้อมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ไม่ต้องให้คุณอัคราฟไปส่งหรอกค่ะ ดิฉันกลับเองได้” พูดจบ เท้าเล็กก้าวเดินไปหยิบข้าวของตนเองก่อนจะหมุนตัวเข้าในห้องน้ำอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งออกมาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันคุณโนเอล ทำให้รสาเสียใจมากขนาดไหน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีอีก” มธุรินจ้องมองตนเองผ่านกระจกบานใหญ่ สีหน้าและแววตาฉายอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างชัดเจน
หนึ่งเดือนผ่านไปกับการสวมบทบาทเป็นเลขาของเขาทำให้เธอรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวชายหนุ่ม และถึงเวลาสักทีจะเอาคืนแทนภัคธิมา เธอแทบอยากจะจบเกมนี้เหลือเกินเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทนกับงานบริษัท อยากกลับไปช่วยงานในร้านขนมไทยกับภัคธิมาเสียมากกว่า คิดถึงบรรยากาศในวันวาน กลิ่นหอมของขนมไทยและเวลาได้พูดคุยกับเพื่อนรักช่างสบายใจเหลือเกิน
“แย่แล้วเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน ป่านนี้รสาต้องเป็นห่วงแน่เลย” มธุรินรีบเปิดกระเป๋าสะพายข้าง เมื่อนึกถึงเพื่อนรัก “แบตหมดเหรอ”
เธอรีบหย่อนโทรศัพท์กลับไว้ดั้งเดิม จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่องไวก่อนจะลาเจ้านายหนุ่ม และขึ้นแท็กซี่ไปร้านขนมไทยเนื่องจากคาดว่าเพื่อนต้องอยู่ที่นั่น
มธุรินสูดลมหายใจเข้าปอดครั้งหนึ่งแล้วแหงนหน้ามองร้านขนมไทยสไตล์มินิมอล ขนาดกะทัดรัด บรรยากาศร่มรื่นรายล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด ส่งกลิ่นหอมสดชื่นแก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา
“สู้โว้ย!!” เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้าข้างในอย่างชักช้า แอบลังเลเล็กน้อยกลัวจะโดนเพื่อนสอบสวนจนยับ ทว่าทันทีที่ดันประตูเข้าในร้าน ภัคธิมาโผกอดมธุรินจนตั้งตัวไม่ทัน
“ฮึก ฮือ แกไปไหนมาแคลร์ทั้งคืน รู้ไหมฉันเป็นห่วงมาก ฉันโทรไปหลายสายแกก็ปิดเครื่อง” ภัคธิมาร้องไห้ตัวสั่น ทั้งพ่นประโยคมากมายใส่เพื่อนรัก เธอเป็นห่วงมธุรินแทบแย่ ปกติเพื่อนไม่เคยหายไปโดยไร้การติดต่อแบบนี้
“เอ่อ รสาใจเย็น ๆ ก่อนนะ ฉันอยู่นี้แล้วไง” พยายามปลอบภัคธิมา ฝ่ามือบางลูบแผ่นหลังเล็กแผ่วเบา โชคดีตอนนี้ร้านยังไม่เปิดจึงไม่มีลูกค้ามีเพียงแค่พนักงานไม่กี่คน
“แกหายไปไหนมาแคลร์” ภัคธิมายอมผละออกห่างจากมธุริน แล้วสำรวจทั่วร่างกายเพื่อนรัก “เอ๊ะ หัวแกไปโดนอะไรมา” ภัคธิมากำลังจะยื่นมือสัมผัส แต่มธุรินหันหน้าหนี
“ไม่มีอะไรหรอกรสา แค่หัวไปกระแทกอะไรมานิดหน่อย”
“อืม” ตอบรับสั้น ๆ ไม่ได้ซักไซ้ให้มากความ ดีไม่ดีอาจทำให้เพื่อนรักรำคาญ แค่ทุกวันนี้ระหว่างเธอกับมธุรินเริ่มห่างกัน จนกลัวความสัมพันธ์ในวัยเด็กจะจางหาย
เธอมีแค่มธุรินเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวเพราะนิสัยที่ไม่ชอบเข้าหาคนอื่นสักเท่าไร แตกต่างกับมธุรินไม่ว่าใครอยู่ด้วยมักจะชื่นชอบและหลงรักง่ายดาย เนื่องจากนิสัยเข้าถึงง่าย ยิ้มเก่ง และจิตใจดี บางครั้งแอบกลัวว่าเพื่อนจะเบื่อเธอและรำคาญเข้าสักวัน
“เป็นอะไรหรือเปล่ารสา ทำไมถึงเงียบ”
“เปล่าหรอก” ฉีกยิ้มบาง ๆ
แค่ภัคธิมาพูดว่าเปล่าเธอรู้ได้ทันที เพื่อนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจแน่นอน
“แคลร์กลับมาเหนื่อย ๆ กลับบ้านไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันดูร้านเอง” ภัคธิมากล่าว
มธุรินไม่ตอบเพื่อนรัก แต่หันไปกล่าวกับเด็กในร้านแทน
“เด็ก ๆ วันนี้พี่กับพี่รสาขออู้งานครึ่งวันนะ เดี๋ยวบ่าย ๆ จะเข้ามาดูร้าน” มธุรินกล่าวพร้อมส่งยิ้มหวาน
“ได้ค่ะพี่แคลร์” แก้วใจพนักงานในร้านตอบ
“ไปเถอะรสา” มธุรินคว้าข้อมือเล็กเพื่อนรักก่อนจะจูงให้เดินตามหลัง
“เดี๋ยวสิแคลร์ จะไปไหนเหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นพลางชำเลืองมองหน้างดงามของมธุริน
“ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย นี่จะเที่ยงแล้วพาไปกินหน่อยนะ” เอี้ยวคอหันมาตอบเพื่อนรัก แล้วส่งสายตาออดอ้อน
“อืม ได้” พยักหน้าหงึก ๆ
มธุรินพาภัคธิมามายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านเพิ่งเปิดใหม่อยู่ไม่ไกลบ้านของพวกเธอนัก
“แคลร์ นึกยังไงพาฉันมากินข้าวที่นี่” กวาดสายตามองรอบร้านก่อนมองใบหน้าสวยของมธุริน
“รสา ฉันขอโทษนะที่ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับแกเหมือนเมื่อก่อน แกคงเหงามากใช่ไหม”
“ใช่ ฉันเหงา เหงามากเลย” เธอหันหน้ามองวิวนอกร้าน มองดูใบไม้ร่วงหล่นกระทบพื้น เธอคิดถึงโทมัสโซ่เหลือเกิน คิดถึงวันวานที่ผ่านมา คิดถึงความสุขในอดีต และปัจจุบันเริ่มจางหายทีละนิดจนแทบไม่เห็นหนทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม
‘แกอดทนหน่อยนะรสา หลังจากฉันเอาคืนโนเอล ฉันจะกลับมาอยู่กับแกเหมือนเดิม ผู้ชายคนนั้นมันไม่คู่ควรกับแก’ มธุรินช้อนตามองเพื่อนรักตรงหน้า
“ทานข้าวเถอะรสา” ยื่นมือเล็กวางบนหลังมือภัคธิมาพร้อมเผยยิ้มหวาน
“อืม”
นับจากวันนั้นมธุรินใช้เวลาเพียงสองวันในการวางแผน วันนี้เธอได้ยินเจ้านายหนุ่มจะไปพบลูกค้าที่ผับแห่งหนึ่ง เพื่อดื่มฉลองกันและพาเธอไปด้วย ซึ่งเธอจะใช้โอกาสนี้เอาคืนเขาให้สาสม
โดยการจ้างผู้หญิงคนหนึ่งให้ทำทีชวนเขาดื่มเหล้า แล้วเธอจะแอบใส่ยาปลุกเซ็กซ์ลงในแก้วเหล้าที่เขาดื่ม เมื่อเขาเริ่มมีอารมณ์ทางเพศเธอจะให้ผู้หญิงที่จ้างพาเขาไปบนห้องที่เธอจองไว้ จากนั้นเมื่อทั้งคู่เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็ม เธอจะแอบถ่ายคลิปวิดีโอไว้และนำให้ภัคธิมาดู เพื่อนของเธอจะได้ตัดใจจากเขาสักที
หญิงสาวกวาดสายตามองทั่วผับแห่งนี้ก่อนดึงสายตากลับมาเบื้องหน้าตนเอง ที่มีเจ้านายหนุ่มและลูกค้าของบริษัทซึ่งข้างกายมีสาวสวยสองคนกำลังคลอเคลีย แต่น่าแปลกสำหรับเธอคือเจ้านายหนุ่มดันพาอัคราฟมาด้วย
‘ขอให้สำเร็จเถอะ’ กล่าวในใจ ภาวนาขอให้แผนการในวันนี้สำเร็จสักที ภัคธิมาจะได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายเลวคนนี้
“บอสคะ ดิฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
มาเชลโล่ไม่ได้ตอบอะไรทั้งสิ้นแค่พยักหน้าเฉย ๆ ก่อนส่งสัญญาณให้อัคราฟแอบตามหลังมธุริน
มธุรินเดินมายังห้องน้ำหญิง หันมองซ้ายขวาก่อนจะย้ำแผนการกับเทวิกา
“เธอห้ามลืมนะ หลังจากฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอต้องเดินไปหาเขาและชวนเขาดื่มเหล้า”
“โอเค แค่นี้ไม่พลาดหรอกสบายมาก” เทวิกาพูดพลางทำท่ารับทราบ
“ฉันโอนเงินให้เธอแล้ว ถ้างานสำเร็จฉันโอนให้อีกครึ่งหนึ่ง” มธุรินยกโทรศัพท์โชว์สลิปแก่เทวิกา
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำหรอกคนอย่างเทวิกาไม่เคยพลาดหรอก ยิ่งหล่อแบบนั้นด้วย”
“งั้นก็รีบไปจัดการซะ ฉันจะเข้าห้องน้ำก่อน” พูดจบมธุรินหันมองซ้ายขวาอีกรอบก่อนเดินไป
หลังจากมธุรินจัดการธุระเสร็จ เธอกลับมาที่โซนวีไอพีตามเดิมก็เห็นเทวิกานั่งบนตักแกร่งของมาเชลโล่แล้ว เธอแอบส่งยิ้มแก่เทวิกาเล็กน้อยก่อนนั่งตำแหน่งเดิม
การกระทำของคนทั้งสองตกอยู่ในสายตาอัคราฟตลอดเวลา หลังจากอัคราฟรู้แผนการของมธุริน เขาก็รีบกลับมารายงานเจ้านายหนุ่มทันที ก่อนมาเชลโล่จะยอมเล่นตามเกมของหญิงสาว จึงยอมให้เทวิกานั่งบนตัก
“คุณโนเอลขา ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ” เทวิกากล่าวพลางลูบไล้แก้มสาก
“เลขา” เอ่ยตอบเสียงเรียบ
มธุรินมองคนทั้งสองอย่างอารมณ์ดี จากนั้นปรายตามองทุกคนในบริเวณนั้นแล้วรินเหล้าใส่แก้วพร้อมผสมยาปลุกเซ็กซ์ในปริมาณไม่เยอะมากนัก โดยคิดว่าใครไม่เห็นทว่ามาเชลโล่และอัคราฟดันเห็นทุกอย่าง
“บอสคะ เหล้าค่ะ” ยื่นแก้วเหล้าแก่เจ้านายหนุ่ม
“ขอบใจ” เขารับมาและไม่ลังเลจะดื่มพรวดจนหมดแก้ว
“เดี๋ยวดิฉันรินเหล้าให้บอสอีกนะคะ” เธอรินเหล้าในแก้วอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่ได้ใส่ยาเพราะคิดว่ายาที่ใส่ก่อนหน้านี้น่าจะเพียงพอแล้ว
