บทที่ 7
ร่างบางของหลี่เสี่ยวม่านเดินตามหลังชายแปลกหน้าคนนั้นไปด้วยความสงสัยเขา หลังจากที่ออกมาจากตรอกนั้นเขาก็ได้แนะนำตัวว่าเป็นพ่อบ้านของสกุลเหยียน และฮูหยินใหญ่สกุลเหยียนต้องการจะพบกับเธอเพราะว่าได้ให้คนออกตามหาเธอมานานนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่สกุลหลี่
ดวงตากลมโตกวาดตามองบริเวณบ้านของสกุลเหยียนอย่างตื่นตาตื่นใจ ที่นี่ตกแต่งอย่างสวยงามแสดงให้เห็นว่าสกุลเหยียนนั้นร่ำรวยเป็นอย่างมาก
พ่อบ้านลู่นำทางหลี่เสี่ยวม่านเข้าไปในห้องโถงของสกุลเหยียน เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปก็พบเข้ากับฮูหยินใหญ่สกุลเหยียนซึ่งนั่งดื่มชารออยู่ก่อนแล้ว หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีซึ่งมีหน้าตาสะสวยรีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาต้อนรับหลี่เสี่ยวม่านทันที
“คุณหนูหลี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าร้อนใจแทบแย่ตอนที่รู้ข่าวสกุลหลี่”
“เอ่อ ฮูหยินใหญ่สกุลเหยียน”
หลี่เสี่ยวม่านทำความเคารพหญิงวัยกลางคนตรงหน้าก่อนที่เหยียนฮุ่ยอินจะรีบพาแขกผู้มาใหม่ให้ไปนั่งคุยกันตามลำพังที่อีกมุมหนึ่ง
มือขาวของหญิงวัยกลางคนรินชาใส่ถ้วยให้หญิงสาวตรงหน้า พลางอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้อีกคนที่คงจะสงสัยใน
ตัวเธอไม่น้อย
“เจ้าคงจะข้องใจไม่น้อย ข้าคือเหยียนฮุ่ยอินเป็นญาติห่าง ๆ ของพ่อเจ้า เรียกข้าว่าท่านอาก็ได้ พอดีหลังจากข้ารู้เรื่องที่เกิดขั้นกับตระกูลหลี่ก็เสียใจมากแล้วก็ให้คนรีบออกตามหาเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าคงจะกลัวมากเพราะข้าเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้เหมือนกัน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอา”
หลี่เสี่ยวม่านรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่โลกนี้ยังมีคนให้เธอได้พึ่งพา การที่ได้เจอกับฮูหยินใหญ่สกุลเหยียนวันนี้ราวกับว่ามีขอนไม้ใหญ่ลอยมาในวันที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเล ไม่คว้าไว้ก็มีแต่กับจะจมน้ำตาย
“ตอนนี้เจ้าพักอยู่ที่ใดรึ”
“โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ ตลาดเจ้าค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวข้าจะให้คนพาเจ้าไปเก็บของมาอยู่ที่นี่กับข้านะ ให้ข้าได้ตอบแทนบุญคุณที่พี่ก้งเยว่เคยช่วยเหลือข้าไว้บ้าง”
“เจ้าค่ะท่านอา”
หลี่เสี่ยวม่านรับคำอีกคนเสียงแผ่ว แม้ในใจจะยังลังเลด้วยความเกรงใจ แต่ในเมื่อสวรรค์มอบหนทางเอาตัวรอดมาให้แล้วเธอก็ควรคว้ามันไว้ก่อน หลังจากนี้ก็ค่อยว่ากันอีกที
หลังจากที่ไปเก็บของที่โรงเตี๊ยมมาแล้วหลี่เสี่ยวม่านกับซูมี่ก็พากันย้ายเข้ามาพักอยู่ที่เรือนตะวันตกของสกุลเหยียนทันที ตอนนี้หญิงสาวทั้งสองคนเชื่อสนิทใจไปแล้วว่าคนที่บงการฆ่าล้างครอบครัวสกุลหลี่นั้นเป็นท่านอ๋องเหวินอวิ้นเซียนผู้นั้นจริงแท้แน่นอน
“ท่านอาข้าน้อยเสี่ยวม่าน ขอเวลาสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ”
หลี่เสี่ยวม่านที่เก็บเอาทั้งความสงสัยและความเคืองแค้นไว้แทบไม่อยู่รีบร้อนมาหาเหยียนฮุ่ยอินทันทีที่จัดของเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ตอนนี้เธอไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ แม้แต่นาทีเดียว
“เข้ามาสิเสี่ยวม่าน”
หลี่เสี่ยวม่านตัดสินใจที่จะปรึกษาเรื่องของคนที่ฆ่าล้างตระกูลของเธอกับเหยียนฮุ่ยอินด้วยความไว้ใจในตัวผู้หญิงคนนี้ เพราะหญิงสาวคิดว่าตอนนี้คนที่จะช่วยเธอให้แก้แค้นท่านอ๋องเหวินอวิ้นเซียนผู้นั้นได้ก็คงจะมีแต่สกุลเหยียนเท่านั้นที่มีอำนาจมากพอ
“ข้าก็ให้คนสืบมาบ้าง แล้วเจ้าคิดว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้กันล่ะ”
“ข้าน้อยคิดว่าเป็นท่านอ๋องเหวินอวิ้นเซียนเจ้าค่ะ คราแรกที่ได้ยินข่าวลือที่โรงเตี๊ยมข้าไม่เชื่อเท่าใดนัก แต่เมื่อตอนกลางวันนักฆ่าพวกนั้นเป็นคนของท่านอ๋องจริง ๆ หากพ่อบ้านลู่ไปช่วยข้าไว้ไม่ทัน สกุลหลี่ก็คงสิ้นจริง ๆ ก็คราวนี้ ข้าเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเหตุใดเขาจึงได้ทำเช่นนี้กับครอบครัวข้า”
แววตาบางอย่างพาดผ่านดวงตาของเหยียนฮุ่ยอินก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่คนร่างบางไม่ทันสังเกตเห็นมัน หญิงวัยกลางคนเอื้อมมือขาวที่แม้จะเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาไปบ้างแต่ก็ยังคงมีผิวที่เนียนนุ่มเอื้อมมากุมมือของหญิงสาวตรงหน้าไว้ พลางลูบที่หลังมือนั้นเบา ๆ อย่างปลอบโยน
