2(3). กระต่ายกับสิงโต
จิลสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“นโยบายของโรงเรียน อะไรที่ไม่มีประโยชน์ก็ต้องโละออก ก็นะ... ในโรงเรียนอินเตอร์แบบนี้ไม่มีพื้นที่ให้กับดนตรีโบราณแบบนั้นหรอก เคยเห็นเดี่ยวระนาดบนเวทีที่เป็นทางการบ้างไหมล่ะ!?” จิลทำเสียงประชดประชัน
ฉันยืนนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก พูดอะไรไม่ออกไปสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
“แล้วทำไมนายยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ!?”
“ก็รอเธออยู่ไง” จิลมองสบตาฉัน
“เอ่อ... เหรอ... งั้นแบบนี้เราก็ไม่ต้องมาที่ห้องนี้อีกแล้วน่ะสิ”
“ใช่ไง อีกไม่นานห้องนี้ก็คงจะมีเครื่องดนตรีสากลอีกชุดมาลงนั่นแหละ ถึงเวลานั้นค่อยมาคิดกันว่าพวกเราจะเล่นอะไรหลังจากไม่มีเครื่องดนตรีไทยให้เล่นแล้ว”
ตลอดเวลาที่จิลพูด เรื่องดนตรีไม่ได้อยู่ในหัวฉันสักนิด ตอนนี้ฉันเอาแต่คิดว่าอะไรมันจะเป็นใจขนาดนี้ ไม่ต้องซ้อมดนตรีหลังเลิกเรียนแล้วแถมยังมีเวลาไปตามล่าคิเรย์อีก
เห็นทีว่าฉันจะถอยไม่ได้แล้วสิ!
“งั้นฉันไปที่ห้องซ้อมอีกห้องก่อนนะจิล”
“อ้าวเฮ้!”
ฉันเดินออกมาทันทีโดยไม่รีรอ ถึงจะรู้สึกผิดกับจิลนิดหน่อยที่เขาอุตส่าห์อยู่รอฉันแต่ฉันกลับไม่ได้สนใจ แต่... ก็ใช่ว่าฉันเป็นคนขอร้องให้เขารอสักหน่อย!
เสียงเปียโนยังคงดังคลอมากับสายลมเบาๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายอารมณ์อย่างไม่รู้ตัว ฉันเดินเข้ามาในห้องเป็นจังหวะเดียวกับที่เพลงจบลงพอดี
“อ้าวมานา” บลายธ์หันมามองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มละไม “วันนี้ไม่ซ้อมตีระนาดเหรอ?”
“ไม่ล่ะ”
“ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเถอะ”
“อ้าว! แล้วไม่ซ้อมต่อล่ะ?” ฉันมองหน้าบลายธ์อย่างนึกแปลกใจ แต่เธอกลับไม่ตอบ ลุกออกจากม้านั่งแล้วเดินไปหยิบกระเป๋า
“วันนี้กลับเร็วหน่อยก็ดี ที่โรงเรียนชักจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว” บลายธ์บ่นพลางยิ้มขี้เล่น แต่ฉันว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ นี่เพิ่งจะผ่านเวลาซ้อมมาแค่ยี่สิบนาทีเอง ปกติเธออยู่ซ้อมเป็นชั่วโมงๆ
ก๊อบแก๊บ!
“บลายธ์มีอะไรร่วงหรือเปล่า?” ฉันก้มลงมองตามเสียงที่เหมือนมีอะไรร่วงออกมาจากกระเป๋าสะพายของบลายธ์ ก่อนจะเห็นกระดาษก้อนหนึ่งที่ถูกขยำจนเละ และกำลังจะหยิบมันขึ้นมาก็ถูกบลายธ์ชิงเก็บตัดหน้าไปซะก่อน
อะไรกัน!? ฉันมองหน้าบลายธ์อย่างสงสัย
“กระดาษทดเลขน่ะ ไม่มีอะไรหรอก รีบไปกันเถอะ” บลายธ์ดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ ท่าทางน่าสงสัยแฮะ! ฉันเลยแกล้งแหย่ไปอีกหน่อย
“แค่กระดาษทดเองเหรอ?”
“อืม”
“ขอดูหน่อยสิ”
“อย่าดูเลย”
ผิดปกติแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ ฉันจ้องหน้าบลายธ์อย่างหยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับรีบฉกกระดาษมาจากมือเรียวๆ นั่นอย่างรวดเร็ว!
“แค่กระดาษทดจะหวงทำไมนักหนา ขอดูหน่อยเถอะน่า!!”
“มานา!” บลายธ์แผดเสียงดังลั่นเมื่อถูกฉันแย่งกระดาษมาจากมืออย่างง่ายดาย
หึ! ถ้าจะวัดความคล่องแคล่วล่ะก็ฉันเหนือกว่ายัยคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมกว่าเธอเยอะ!
ฉันยักไหล่อย่างไม่แคร์ท่าทางร้อนรนของบลายธ์ก่อนจะคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกดูอย่างสงสัย
‘ ฉันจะรอที่ดาดฟ้าหลังซ้อมเสร็จ เรามีนัดเดทกันอย่าลืมซะล่ะ ...คิเรย์ ’
“เดท!? คิดเรย์!?” ฉันหันขวับไปมองหน้าบลายธ์ด้วยแววตาตื่นตระหนก
ยัยบลายธ์รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน! “ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ จู่ๆ หมอนั่นก็เอากระดาษนี่มาหย่อนไว้ในล็อกเกอร์เก็บของ แล้วก็ตีโพยตีพายไปเองน่ะ”
บลายธ์มองฉันด้วยแววตาใสซื่อหวิดน้ำตาคลอหน่อยๆ ฉันมั่นใจว่าเธอไม่ได้แกล้งทำ
“แล้วเมื่อคืน... ทำไมเธอปล่อยให้หมอนั่นมาส่งที่บ้านล่ะ”
บลายธ์เบิกตากว้าง ท่าทางตกใจน่าดู “รู้ด้วยเหรอ!?”
“รู้สิ!”
“ก็เจอที่งานเลี้ยงน่ะ เราถูกแนะนำให้รู้จักกันผ่านทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย”
ผู้ใหญ่เหรอ! นี่คงไม่ได้หวังจะคลุมถุงชนสองคนนี้หรอกนะ... ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งรู้สึกหนักใจ คิดอะไรอยู่กันนะถึงได้อยากให้ลูกสาวตัวเองไปข้องเกี่ยวกับยากูซ่าน่ากลัวแบบนั้น! ขอแค่เป็นผลประโยชน์จะแลกกับอะไรก็ได้งั้นเหรอ หึ! เป็นความคิดที่น่ารังเกียจที่สุด!
“แล้ว... บลายธ์คิดยังไงกับคิเรย์ล่ะ?” ฉันถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
บลายธ์ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ จะให้คิดอะไรกับใครได้อีกล่ะ ไม่ใช่นางเฮเลนแห่งทรอยสักหน่อย!”
ยัยนั่นทำเสียงจิกกัดฉันนิดหน่อยก่อนจะสะบัดหน้าเดินตูดงอนออกจากห้องซ้อมไป... ฮึ่ม!! แล้วจะเอายังไงกับกระดาษแผ่นนี้ดีเนี่ย...
อยู่ดีๆ ความคิดบรรเจิดก็สว่างวาบเข้ามาในหัวฉันอย่างรวดเร็ว!
ถ้าแว้งกัดคิเรย์ไม่ได้ทำไมไม่เข้าไปชนกับหมอนั่นตรงๆ เลยล่ะ ก็มีใบเบิกทางอยู่ในมือแล้วนี่ไง...
หึๆ คอยก่อนเถอะคิเรย์! ดูสิว่าระหว่างกระต่ายกับสิงโตใครจะพ่ายก่อนกัน!!