บทย่อ
“แก้มเร็วๆสิลูกร้องไห้ไม่หยุดเลย” เสียงห้าวบอกหญิงสาวเมื่อหลานชายตัวน้อยในอ้อมแขนร้องไห้ด้วยความหิว “อุ๊แว้ๆๆ แง้ๆๆ...” “คุณก็ปลอบหลาน เอ้ย ลูกก่อนสิฉันรีบอุ่นนมให้ลูกอยู่ไม่เห็นหรือไง” เก็จลดาตอบชายหนุ่มที่อุ้มหลานชายเดินไปมาอย่างเก้ๆกังๆ “อุ๊แว้ๆๆ แง้ๆๆ.." “โอ๋ๆๆ น้องพลับอย่าร้องนะครับลูกม่ามี้แก้มกำลังอุ่นนมให้ครับ แก้มเร็วสิลูกร้องไห้จนหน้าแดงหมดแล้วนะ” พรินซ์เดินวนไปมาหลานชายก็ไม่หยุดร้องด้วยความหิวนมปกติจะได้กินเลยแต่ม่ามี้กำมะลอก็เงอะๆงะเพราะมัวแต่หาอุปกรณ์ที่จะอุ่นนมให้หลานชาย “โอ้ย..อย่าเร่งได้มั้ยฉันกำลังเร่งมืออยู่นี่ไงเล่า” เก็จลดาอดไม่ได้แหวใส่ชายหนุ่มเสียงดังขึ้น “พูดเบาๆไม่ได้หรือไง ลูกตกใจหมดเลย โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะลูก” พรินซ์ปลอบหลานชายที่วันนี้งอแงมากกว่าทุกวันหรือว่าจะไม่สบาย
บทที่ 1 วางแผน
Workshop De Café
ร้านกาแฟชื่อดังระดับโลกที่มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลกที่รู้จักเพราะรสชาติกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครทำให้คอกาแฟทั้งหลายต้องลองลิ้มรสชาติและสาขานี้ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมขาออกไปจังหวัดนครปฐมมีสองสาวสวยนั่งดื่มกาแฟมุมด้านในสุดคุยกันเบาๆด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“พี่พราวจะทำยังไงต่อไปคะ” เสียงหวานใสของเก็จลดาถามพลอยพราวสาวสวยเปรี้ยววัย27ผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวอายุมากกว่าเธอ2ปีเป็นลูกสาวคนเดียวของกัทลีกับชวลิต ญาโนทัย นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสร้างบ้านจัดสรรและคอนโดขาย กัทลีเป็นลูกสาวของตาผดุงและเป็นน้องชายของตาการินผู้เป็นตาของเก็จลดา
“พี่ยังไม่รู้เหมือนกัน แก้มช่วยพี่คิดหน่อยสิ พี่อยากเรียนให้จบคลาสแล้วจะได้ทำงานหาประสบการณ์ที่นั่นก่อนสักปีสองปีแล้วจะกลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง” พลอยพราวขอให้เก็จลดาน้องสาวคนสวยวัย25ปีลูกสาวของทิวารีกับดิตถ์เป็นลูกสาวคนลูกสาวคนโตของตาการินเป็นญาติผู้น้องของแม่เธอให้ช่วยคิดว่าเธอจะทำยังไงต่อตอนนี้เธอกำลังท้องได้สองเดือนและเธอก็เลิกกับแฟนหนุ่มแล้วกลับมาพักใจที่เมืองไทยก่อนจะกลับไปเรียนให้จบคลาสตามที่ได้ตั้งใจไว้เพื่อจะได้กลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเองเพราะเธอไม่ชอบงานบริหารที่พ่อต้องการให้มารับช่วงต่อ ทำให้พ่อของเธอขอร้องให้กิจจาน้องชายของเก็จลดาเรียนบริหารเพื่อจะให้มาช่วยงานเพราะไม่มีทายาทสืบต่อแต่จะให้พึ่งพาลูกหลานของท่านเองก็ไม่มีใครเข้าตาสักคนมีแต่เรียนถูลู่ถูกังจบแบบเส้นยาแดงทั้งนั้นและเห็นว่าหลานชายหลานสาวของภรรยานั้นเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนทั้งพี่ทั้งน้องจึงสนับสนุนช่วยส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์และกิจจากำลังจะจบตอนนี้ก็ฝึกงานที่บริษัท ส่วนเก็จลดาก็ทำงานธนาคารเป็นเจ้าหน้าที่การเงินฝ่ายสินเชื่อคนละสาขากับแม่แต่ทำงานธนาคารเดียวกันและพ่อของเธออยากให้มาทำงานที่บริษัทด้วย
“แล้วพี่พราวจะทำยังไงกับลูกล่ะคะ ถ้ากลับไปก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแก้มว่าบอกคุณลุงคุณป้าดีกว่านะคะ หรือไม่ก็รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้นะคะ” เก็จลดาพูดกับพี่สาวด้วยความเป็นห่วงไหนจะท้องไหนจะเรียนพอคลอดลูกก็ต้องเลี้ยงลูกอีกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวและยังอยู่ต่างแดนอีก
“ถ้าพี่อยู่เมืองไทยคุณพ่อคุณแม่ต้องอับอายขายหน้าแน่ที่พี่ท้องไม่มีพ่อ พี่ถึงขอให้แก้มช่วยพี่ไงนะแก้มนะช่วยพี่ด้วย แก้มไม่สงสารหลานเหรอจ้ะ” เธอไม่ได้ขอมากแค่ชวนน้องสาวไปเรียนต่อและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดเพื่อเธอจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยแม้เธอจะมีเพื่อนเยอะแต่ไม่เหมือนมีน้องสาวไปอยู่ด้วยเพราะเธอรักและไว้ใจเก็จลดามากกว่าใครรองจากพ่อแม่
“แก้มจะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไงละคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปคุยกับน้าดิตถ์น้าทิพเองนะแก้ม แล้วพี่จะบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าให้แก้มไปเรียนด้านบริหารระหว่างประเทศเพิ่มเพื่อมาช่วยงานท่านและจะได้อยู่เป็นเพื่อนพี่ด้วยแค่นี้ก็เรียบร้อย” พราวพลอยบอกน้องสาวเหมือนไม่ยากแต่มันยาก
“แต่แก้มไม่อยากเรียนบริหารนะคะพี่พราว แค่เรียนบัญชีมาแก้มก็ปวดหัวจะแย่กว่าจะจบและแก้มก็จบมาหลายปีแล้วด้วยนะคะสมองมันคงไปต่อไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอก็คิดอยากเรียนต่อเหมือนกันแต่คิดอีกทีความหวังของเธออยากเป็นร้านกาแฟที่บ้านมากกว่า
“แก้มเพิ่งจบมาสามปีเองนะ แก้มเก่งจะตายงั้นแก้มอยากเรียนอะไรก็เลือกเอาไปถึงที่โน่นไม่มีใครรู้หรอก ไปอยู่กับพี่นะแก้มนะแค่สองปีเอง” พราวพลอยพูดหว่านล้อมน้องสาวเพื่อให้ไปอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศสซึ่งเธออยู่เมืองไทยไม่ได้และเธอก็ไม่คิดจะเอาเด็กออกแม้เขาจะเกิดมาไม่มีพ่อเธอทำไม่ได้เพราะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอกับผู้ชายที่รัก
“แก้มขอคิดก่อนได้มั้ยคะพี่พราว”
“พี่ไม่มีเวลาแล้วนะแก้ม พรุ่งนี้แก้มไปทำเรื่องลาออกแล้วไปขอวีซ่าไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยของวีซ่าไปเรียนภาษาสักหกเดือนแล้วค่อยมาคิดกันว่าแก้มอยากเรียนอะไร” พราวพลอยจัดการให้น้องสาวเสร็จสรรพตามความมั่นใจของเธอว่าเก็จลดาไม่ปฏิเสธแน่เพราะเธอมีเวลาแค่เดือนเดียวหากนานกว่านั้นทุกคนต้องรู้แน่ว่าเธอท้อง
“แต่พี่พราวคะ”
“แก้มช่วยพี่ด้วยนะ พี่ไม่มีใครแล้วจริงๆถ้าแก้มไม่ไปด้วยพี่อาจจะทำอะไรบ้าๆลงไปก็ได้” พราวพลอยพูดเสียงสั่นและเธอขอโทษลูกน้อยในท้องที่เอามาอ้างเพื่อให้น้องสาวใจอ่อน
“พี่พราวอย่าคิดมากนะคะ พรุ่งนี้แก้มให้คำตอบแก้มขอคุยกับพ่อแม่ก่อน” หากเธอลาออกก็ต้องลาล่วงหน้าหนึ่งเดือนเพื่อเคลียงานให้คนที่จะมาทำหน้าที่ต่อ
“ได้จ้ะ งั้นพี่กลับบ้านด้วยนะคืนนี้จะไปนอนกับคุณตา” พราวพลอยบอกน้องสาวแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงินก่อนจะเดินไปขึ้นรถเบนซ์สปอร์ตเปิดประทุนสีแดงสดแล้วขับออกไปจากร้านกาแฟเพื่อกลับบ้านสวนพร้อมน้องสาว
เวลา 18.00น.
ทุกคนในครอบครัวก็มารับประทานอาหารด้วยกันหมือนทุกวันเพียงแต่วันนี้มีหลานสาวมาจากกรุงเทพจึงทำให้คนเป็นตามีความสุขกินข้าวได้เยอะกว่าทุกวัน
“คุณตากินเยอะๆนะคะ พราวว่าคุณตาผอมลงนะคะ” พราวพลอยตักอาหารให้ตาผดุง
“ขอบใจมากลูก” ผดุงมองหลานสาวอย่างรักใคร่ถึงพราวพลอยจะดูแรงเปรี้ยวในสาวตาคนอื่นแต่สำหรับแกและทุกคนในครอบครัวมองว่าเธอเป็นเด็กสาวอ่อนหวานนอบน้อมเป็นที่รักของทุกคน
“วันนี้ตาดุงของหนูพราวกินข้าวเยอะกว่าทุกวันเพราะมีหลานสาวปรนนิบัตินี่เอง” การินล้อน้องชายที่อยู่บ้านกับคนงานส่วนลูกสาวลูกเขยก็อยู่กรุงเทพแต่ก็มาเยี่ยมบ่อยส่วนหลานสาวก็ไปเรียนเมืองนอกได้หกเดือนแล้วเพิ่งกลับมา
“รู้อย่างนี้ฉันให้แม่อีหนูมีลูกหลายๆคนก็ดีหรอกจะได้มีลูกหลานอยู่ด้วยเยอะๆ” ผดุงพูดยิ้มๆยังไงเขาก็มีพี่ชายและอยู่เป็นเพื่อนกันทุกวันเพราะต่างก็เสียภรรยาไปเหมือนกัน
“เอาไว้พราวเรียนจบเมื่อไหร่จะมาหาคุณตาบ่อยๆนะคะ”
“ดีลูก แล้วไอ้แก้มเป็นอะไรไปละลูกวันนี้ไม่พูดไม่จาเลย” ผดุงถามหลานสาวอีกคนที่ปกติคุยไม่หยุดวันนี้กลับเงียบกริบ
“แก้มคุยทุกวันแล้วค่ะ พี่พราวมาก็คุยบ้างสิคะ”
“แล้วหนูแก้มจะกลับไปฝรั่งเศสเมื่อไหร่จ้ะ” ทิวารีถามหลานสาวเธอได้ยินพี่สาวบอกว่าจะมาแค่ยี่สิบวัน
“พราวจะกลับเดือนหน้าค่ะน้าทิพ และพราวชวนแก้มไปเรียนด้วยค่ะ” พราวพลอยเกริ่นนำให้น้องสาว
“แก้มอยากไปเรียนต่อเหรอลูก” ดิตถ์ถามลูกสาวเพราะไม่รู้เลยว่าลูกอยากไปเรียนต่อเมืองนอก ดิตถ์เป็นอดีตนักมวยชื่อดังขึ้นสังเวียนมามากมายก่อนจะผันตัวเองมาเปิดค่ายสอนมวยไทยและคนไหนฝีมือดีก็จะส่งไปชกตามเวทีต่างๆที่เขาเคยขึ้นในอดีตทำให้ผู้คนรู้จักค่ายมวยครูดิตถ์ ศ.ไชยเทพ
“แก้มอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆต่างบ้านต่างเมืองดูบ้างค่ะพ่อ แก้มว่ามันน่าจะมีอะไรให้แก้มค้นหาตัวเองได้บ้างว่าชอบอะไรอยากทำอะไรค่ะ” เก็จลดาตอบพ่อเพราะอยากช่วยพี่สาวจึงต้องบอกเหตุผลกับตาพ่อแม่
“มันก็ดีนะลูก แก้มเรียนจบมาก็ทำงานเลยแม่คิดว่าดีเหมือนกันนะพ่อลูกจะได้เปิดหูเปิดตาเผื่อวันหนึ่งอาจจะมีความคิดดีๆทำธุรกิจของตัวเองก็ได้ แม่เห็นลูกของลูกค้าอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเรียนจบกลับมาก็ทำธุรกิจของตัวเองแม้จะไม่ใหญ่โตแต่เป็นความสามารถของลูกแค่นี้พ่อแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ” ทิวารีพูดกับลูกสาวอย่างเข้าใจถึงครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยเป็นชาวไร่ชาวสวนแต่ก็พอมีอันจะกินหากลูกสาวอยากทำธุรกิจของตัวเองเธก็พร้อมจะสนับสนุนเพราะอีกหน่อยเธอเกษียณมาก็จะได้ช่วยงานลูกได้
“จริงค่ะน้าทิพ พราวชอบการออกแบบเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าพราวก็อยางสร้างแบรนด์ของตัวเองจึงตั้งใจเรียนและหาประสบการก่อนจะกลับมาทำตามความฝันไว้ค่ะ” พราวพลอยพูดถึงความฝันของตัวเองแต่ยังไปไม่ถึงไหนเพราะท้องเสียก่อน
“ดีลูก คนเรามันต้องมีแรงบันดาลใจถึงจะก้าวไปถึงจุดหมายได้ ตาเป็นกำลังงใจให้หนูพราวกับหนูแก้มนะลูก” ผดุงพูดกับหลานสาวทั้งสอง
“ขอบคุณค่ะคุณตา คุณตาคุณน้ารอดูความสำเร็จของเราสองคนนะคะ” พราวพลอยพูดแล้วยิ้มให้ตาทั้งสองและน้าๆ

