22 หมายศาล
หลังจากเจอกันที่โรงพยาบาลวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบจะสามวันแล้วที่กลทีป์ไม่ได้แวะไปหาลูกชายหรือแม่ของลูกเลย ด้วยภาระงานและด้วยอะไรหลาย ๆ ทำให้เขาเลือกที่จะปล่อยให้ลูกอยู่กับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ติดต่อกับลูกตลอด คอยโทรหา คอยส่งข้อความไปพูดคุย
มันก็มีเหงาบ้าง เพราะเขาไม่ค่อยได้ห่างจากลูกแบบนี้บ่อย ๆ
“เอกสารครับ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาละจากงานตรงหน้า ก่อนจะเงยขึ้นมอง
“คือ?”
“พึ่งมาส่งครับ” ชายหนุ่มตอบไปก่อนจะก้มหน้าลง เขาคือชนินท์หรือเลขาอีกคนของกลทีป์นั่นเอง ณัฐมาเป็นเลขาก็จริง แต่งานส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหลักที่จัดการ ส่วนเธอทำพวกงานเอกสารของบริษัทนิด ๆ หน่อยๆ เท่านั้น
“หมายศาลฟ้องสิทธิการเลี้ยงดูบุตร?” หลังจากอ่านใจความคร่าว ๆ ของเอกสาร กลทีป์ก็หันมองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาที่ต้องการคำอธิบายทันทีว่าสิ่งที่อยู่ในมือเขานั้นมันเป็นมายังไง
“ให้ผมเรียกทนายให้ไหมครับ” พอเห็นสีหน้าเจ้านาย บวกกับคำพูดของเจ้านายก็ทำให้ชนินทร์พอจะเดาได้ในทันทีว่าสิ่งที่อยู่ในมือเจ้านายนั้นคืออะไร เพราะเขาทำงานกับกลทีป์มานานพอ ที่จะรู้เรื่องในครอบครัวของกลทีป์อยู่บ้าง ทั้งการกลับมาของอดีตภรรยาของกลทีป์เขาก็รู้
“ด่วน” พออีกฝ่ายพูดแบบนี้ก็เหมือนเป็นคำตอบให้กับกลทีป์กลาย ๆ ว่าเขาไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป
“แล้วประชุมตอนบ่ายวันนี้ให้ยกเลิกไหมครับ”
“ยังก่อน”
“งานเลี้ยงเย็นนี้ให้ไปรับน้ำเหนือเหมือนเดิมนะครับ”
“อืม ทำตัวปกติ”
“ครับ” เมื่อเจ้านายไม่ได้มีคำสั่งอะไรเพิ่มเติมแล้วชนินท์ก็ออกจากห้องไปทันที
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ หลิน...” ที่เขาคอยพูดเตือนเสมอเธอไม่เคยคิดจะฟังเขาเลยใช่ไหม หรือเขาจะใจดีกับเธอไหม หรือเป็นเธอที่ติดเอาชนะ... แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม บอกเลยว่ามันไม่ง่ายที่จะต่อกรกับคนอย่างเขา
ก็อก ๆ
“เชิญ”
“ผิงกวนพี่องศารึเปล่าคะ”
“คุยได้”
“งานเลี้ยงคืนนี้...พี่องศามีใครไปด้วยรึยังคะ”
“ผิงยังไม่มีคู่ ถ้าพี่องศาไม่มีใคร ไปเป็นเพื่อนผิงได้ไหมคะ” ณัฐมาเริ่มเปิดประเด็นในทันที โดยไม่เว้นช่วงให้กลทีป์ได้ตอบก่อน ทำงานด้วยกันมานาน เธอค่อนข้างรู้นิสัยของคนตรงหน้า ว่าไม่ชอบอะไรอ้อม ๆ พี่องศาชอบความตรงไปตรงมา
“พี่ว่าจะไปกับลูกน่ะ แต่ถ้าเรายังไม่มีเพื่อนไป ไปด้วยกันก็ได้นะ”
“จริงหรอคะ” หลังจากได้ยินคำตอบ ณัฐมาแทบจะปิดความยินดีไม่อยู่
ส่วนองศาก็พยักหน้ายืนยัน
“ขอบคุณนะคะ”
“แล้วเที่ยงนี้พี่องศาว่างไหมคะ”
“ทำไมหรอ”
“เพื่อนผิงพึ่งเปิดร้านอาหารน่ะค่ะ ได้ส่วนลดมาเยอะแยะเลย ก็เลยอยากชวนพี่องศาไปกินด้วยกัน”
“เอาสิ พี่กำลังคิดไม่ออกอยู่พอดีว่าเที่ยงนี้จะกินอะไร” กลทีป์ตอบกลับ ในตอนนี้เขาดูไม่ทุกข์ร้อนหรือเป็นกังวลใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เหมือนเขารู้ผลลัพธ์อยู่แล้วว่ามันต้องจบลงแบบไหน
แต่ผ่านไปไม่นานเหมือนเขาจะเริ่มยิ้มไม่ออกแล้ว เมื่ออ่านเอกสารที่ได้รับมาหลังจากประชุมช่วงบ่ายเสร็จ
“ได้รับเอกสารแล้วหรอคะ” รอสายเพียงไม่นานปลายสายก็รับ พร้อมกับน้ำเสียงยั่วโมโห
“คิดว่าเอกสารแค่นี้มันจะทำอะไรฉันได้หรอ”
“ไม่รู้ว่าทำได้ไหม แต่คุณดูรีบโทรหาฉันจังเลยนะคะ”
“หลิน” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงกดต่ำ
“ชูวส์ อย่าพึ่งโมโหสิคะ นี่แค่น้ำจิ้ม”
“หรอ ถ้านี่เป็นน้ำจิ้มฉันว่ามันยังไม่เด็ดถึงใจเลยนะ เธอขาดส่วนผสมไปหลายอย่างเลยล่ะ”
“ไม่เจอกันนาน ฝีมือทำกับข้าวเธอตกไปเยอะนะ” เขาพยายามสงบสติอารมณ์ และตอบกลับเธอคืนไปบ้าง แม้ภายในใจจะรู้สึกหวั่น ๆ กับอีเมลที่พึ่งได้รับมาจากเธอ
ในนั้นเป็นเอกสารตรวจร่างกายของเธอเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เกิดเรื่อง ระบุว่าพบสารเคตามีน หรือที่รู้จักกันในชื่อยาสลบ ประเด็นแรกเขาไม่เข้าใจทำไมเธอพึ่งส่งให้เขาดูตอนนี้ ทั้งที่ผลตรวจมันก็ออกมานานแล้ว ประเด็นที่สองเขาเชื่อว่าเธอต้องมีอะไรมากกว่าเอกสารพวกนี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าที่จะฟ้องเอาสิทธิ์เลี้ยงดูจากเขาไป ‘เขาคงประมาทเธอไม่ได้แล้วสินะ’
“ก็รอดูแล้วกันค่ะว่าฝีมือฉันมันตกต่ำลง หรือคุณกันแน่ที่ต่ำลง”
“หลิน!...เสียงใคร”
“เรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบนะคะ” พูดจบปลายสายก็ตัดไปในทันที แน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจให้กลทีป์เป็นอย่างมาก เหมือนตอนนี้เขากำลังถูกเธอปั่นหัวอยู่ มันจะไม่น่าโมโหไปกว่านี้เลย ถ้าเขาไม่บังเอิญได้ยินเสียงผู้ชายจากปลายสายด้วย ซ้ำเธอยังไม่ตอบ วางสายทิ้งไปดื้อ ๆ
“ครั้งนี้ฉันจะยอมให้เธอก่อนแล้วกัน หึ”
///
“คุณแม่ขาพี่เหนือล่ะคะ ทำไมวันนี้ถึงมีแค่เรา” เสียงเล็ก ๆ ร้องถามผู้เป็นแม่ เมื่อวันนี้เดินทางกลับบ้านด้วยกันแค่สองคน
“พี่เหนือไปกับพ่อค่ะ วันนี้หนูกลับกับแม่นะคะ”
“ทำไมคุณพ่อถึงมารับแค่พี่เหนือล่ะคะ แล้วหนาวล่ะ” เสียงเศร้าลงเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าพ่อมารับแต่พี่ชายไป โดยทิ้งตนไว้กับแม่ เธอพยายามจะเข้าใจว่าเพราะพ่อไม่รู้พ่อถึงไม่ค่อยสนใจเธอเหมือนพี่ชาย แต่บางที่มันก็อดน้อยใจไม่ได้จริง ๆ
“อย่าเสียใจไปเลยนะคะ หนูยังมีแม่นะ” คนเป็นแม่ดึงเอาลูกมากอด ก่อนจะพูดปลอบอีกหน่อย แล้วพาขับรถออกไปจากโรงเรียน
“วันนี้มีคนมาหาที่บ้านด้วยนะ ถ้าหนูเห็นหนูจะต้องดีใจมาก ๆ แน่” เธอพยายามพูดปลอบ
“ใครหรอคะ” เด็กหญิงถามแต่แม่กลับไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร บอกเดี๋ยวเธอจะไม่เซอร์ไพรส์
“กรี๊ดดด คุณตา” พอลงจากรถ ร่างเล็ก ๆ ก็รีบวิ่งไปหาคุณตาใจดีของตนทันที
“ค่อย ๆ ลูก เดี๋ยวล้ม” จิรัฎฐ์พูดบอกร่างเล็ก ๆ ที่วิ่งมาทางตน ก่อนจะยกหลานสาวขึ้นอุ้ม แม้จะไม่ใช่ตาหลานทางสายเลือด แต่เขาก็เอ็นดูวินเทอร์มาก เหมือนกับลูกหลานเขาเองคนหนึ่ง
“คิดถึงคุณตาจังเลยค่ะ คุณตามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ รอวินเทอร์นานรึเปล่า วินเทอร์พึ่งกลับจากโรงเรียน”
“ใจเย็น ๆ ลูก” จิรัฎฐ์บอกหลานสาว พร้อมกับส่ายหัวไปมาน้อย ๆ พอเห็นหลานสาวหายไปเป็นปกติแล้ว จิรัฎฐ์จึงพูดต่อ
“ตามาได้หลายวันแล้วล่ะ แต่ตาพึ่งเสร็จธุระเลยแวะมาหาหนู เดี๋ยวอีกไม่กี่วันตาก็ต้องกลับอิตาลีไปหาหม่ามี๊หนูแล้ว”
“แบบนี้วินเทอร์ก็ได้เจอคุณตาแป๊บเดียวเองสิคะ” เด็กหญิงเริ่มหน้างอ
“แป๊บเดียวที่ไหนกันตั้งหลานวันนะ” คนเป็นตาพยายามโอ๋
“ตาซื้อของมาฝากวินเทอร์เยอะเลย อยากเห็นรึเปล่า”
“ลำบากคุณลุงอีกแล้ว ขอบคุณนะคะ” เป็นธริกาที่พูด
“ลำบากอะไรกันของแค่นี้เอง ลุงอยากจะมีหลานมาตั้งนานแล้ว แต่พี่ ๆ เราไม่ยอมมีให้ลุงอุ้มสักที มีแต่วินเทอร์นี่แหละ ที่จะทำให้ลุงหายเหงาได้บ้าง คนแก่ก็อย่างนี้ล่ะ”
“คุณตาม่ายแก่สักหน่อย” เด็กหญิงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮ่า ๆ อย่างนั้นหรอลูก” คนเป็นตาหัวเราะร่วน ก่อนจะอุ้มหลานสาวพาเดินเข้าบ้านไปดูของที่ตนซื้อมาฝาก
///
“เราจะไปไหนกันครับพ่อ” น้ำเหนือพูดขึ้นหลังจากพ่อให้น้าชนินท์ไปรับเขาที่โรงเรียนแล้วพาไปเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็มาหาพ่อเขาที่ทำงานต่อ ซึ่งพอพ่อขึ้นมานั่ง
รถเคลื่อนตัวออกไปได้สักพัก เขาก็ถามพ่อ แม้จะพอรู้อยู่แล้วว่าพ่อจะพาไปออกงานด้วย เพราะดูจากชุดที่คู่กัน แต่เขาก็อยากรู้ว่ามันเป็นงานแบบไหนเขาจะได้ทำตัวถูก รวมถึงบอกแม่ถูกด้วยถ้าแม่ถาม
“งานประมูลครับ”
“แบบที่เราเคยไปเมื่อตอนต้นปีใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“แต่ก่อนจะถึงเราต้องแวะไปรับเพื่อนพ่อก่อนนะ”
“ใครหรอครับ?”
“น้าผิงน่ะ”
“คนเดียวกันกับที่ทำงานกับพ่อไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“ถ้าวินเทอร์มาด้วยวินเทอร์ต้องชอบแน่ ๆ เลย” เด็กชายพูดขึ้นตามที่ใจคิด
เมื่อเดินทางมาถึงงาน
งานถูกจัดด้วยดอกไม้นานาชนิด ๆ มีแต่สวย ๆ ทั้งนั้นเลย มันเลยทำให้เขานึกถึงวินเทอร์ขึ้นมา เพราะรายนั้นชอบเดินไปเล่นที่สวนดอกไม้มาก ๆ ส่วนภายในงานก็คงมีแต่อาหารอร่อย ๆ เต็มไปหมด เหมือนอย่างที่เคยไป ตัวเขาเองไม่ค่อยชอบกินขนมหรือของกินเล่นเท่าไหร่ ถ้าเป็นวินเทอร์คงจะกินอย่างมีความสุขเลยล่ะ ส่วนของที่ขึ้นประมูลถ้ามีเครื่องประดับเล็กๆ น่ารัก เขาก็เชื่อว่าน้องจะต้องตื่นเต้นกับมันและอยากได้
“งั้นวันนี้ถ้ามีชิ้นไหนที่อยากได้เหนือบอกพ่อแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
งานประมูลการกุศลที่จัดขึ้นในวันนี้มีคนมาร่วมงานมากหน้าหลายตา บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มากับครอบครัว บ้างก็มาเดี่ยว แต่เหมือนตอนนี้คนที่ได้รับแสงคงหนีไม่พ้นณัฐมา ที่เดินเคียงข้างกลทีป์และลูกชายเพียงคนเดียวของเขา
จึงเกิดเสียงซุบซิบนินทาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะปกติแล้วกลทีป์จะออกงานคนเดียวหรือไม่ก็มากับลูกชาย เป็นส่วนใหญ่น้อยมาที่จะมากับณัฐมา ถ้ามากับเธอเขามักจะแนะนำกับคนอื่นในฐานะเลขามากกว่า แต่เหมือนวันนี้ท่าทางระหว่างเธอและเขา มันมากกว่านั้น มันเหมือนไม่มีช่องว่างระหว่างเจ้านายกับลูกน้องอยู่
“พี่เหนือ” เสียงเรียกชื่อตนทำให้น้ำเหนือหันไปมอง ก่อนจะเห็นเด็กหญิงใบหน้าจิ้มลิ้มที่คุ้นเคยกับชุดกระโปรงสีหวานกำลังโบกมือให้ตนอยู่
“วินเทอร์...แม่” มองเลยไปก็เห็นว่าแม่ยืนอยู่ข้างหลังน้องสาว
“มีอะไรรึเปล่าคะน้ำเหนือ” เป็นณัฐมาที่เอ่ยถาม เพราะเธอได้ยินเสียงน้ำเหนือพูดแว่ว ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็หยุดเดิน
“นั่นสิ มีอะไรรึเปล่า” ตามด้วยกลทีป์ที่ถามลูกบ้าง
“แม่ครับ แม่กับวินเทอร์ก็มางานนี้”
“หื้ม?” ได้ยินแบบนั้นคิ้วหนาก็เลิกขึ้นเชิงถามทันที ก่อนความสงสัยจะหายไปเมื่อมองตามมือที่ลูกชายชี้
“นั่นไงครับ แม่กับวินเทอร์อยู่ตรงนั้น”
“หลิน”
“พี่หลิน...”
