บท
ตั้งค่า

บทนำ

บทนำ

“ทำไมถึงเหี้ยได้แบบนี้วะฌอน”

“โย...โยฟังฌอนก่อน โย!”

“อย่ามาแตะตัวฉัน! ออกไปให้พ้นหน้า ไอ้ผู้ชายสารเลว!”

“โย...โย! โยฟังฌอนก่อน โย!”

ปัง!

พ้นประตูของคอนโดฯ สุดหรูก็ทำให้หญิงสาวก้าวฉับออกมาโดยไม่คิดหันกลับไปมองให้บั่นทอนความรู้สึกของตัวเองอีก

ภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่นั้นคือภาพแฟนหนุ่มของตัวเองที่กำลังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นภายในห้องที่ตัวเธอเองก็เคยหลับนอนและใช้ชีวิตอยู่กับเขาในฐานะแฟนคนหนึ่ง

‘ฌอน’ คือแฟนหนุ่มที่เธอคบหากันมาได้สี่เดือน ความรักของทั้งคู่กำลังเป็นไปได้สวย แต่ทว่าภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่กลับทำให้เธอรู้เช่นเห็นชาติว่าแท้จริงแล้วเขาก็ไม่ต่างจากไอ้ผู้ชายสารเลวเลยสักนิด

และแน่นอนว่าคนอย่าง ‘วาโย’ จะไม่เสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวให้กับผู้ชายห่วย ๆ แบบนั้น!

“ไวน์…ออกมาดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ” หลังจากที่เดินออกจากคอนโดฯ มาแล้วเรียบร้อยก็ทำให้วาโยกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทเพื่อออกไปดื่มด้วยกันสำหรับค่ำคืนที่สุดแสนจะเฮงซวยแบบนี้

(แกเป็นอะไรรึเปล่าโย ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ)

“ไอ้ฌอนมีคนอื่น”

(วะ...ว่าไงนะ! แกอยู่ไหน ฉันจะรีบไปหา!)

“เจอกันที่ร้าน 11 Moon แล้วกันนะ แล้วนี่แกออกมาได้ใช่ไหม พี่ภพจะว่ารึเปล่า” วาโยถามถึงแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิทกลาย ๆ ว่าเป็นการขออนุญาตไปในตัว การชวนออกมาดื่มในตอนดึกแบบนี้ก็กลัวว่าแฟนของเพื่อนจะเป็นห่วงเข้า

(พี่ภพเคลียร์งานอยู่ที่บริษัทน่ะ ฉันเลยอยู่ห้องคนเดียว เดี๋ยวฉันโทรไปขอพี่ภพแล้วจะรีบออกไปหานะโย)

“โอเคไวน์ ขอบคุณมากนะ” วาโยตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะกดวางสายไปในที่สุด ขาเล็กก้าวตรงไปตามทางที่รถยนต์คันหรูจอดอยู่หน้าคอนโดด้วยความเดือดดาลแต่ก็ต้องกักเก็บเอาไว้

ใจจริงเธออยากจะวีนและฟาดไปที่ใบหน้าของแฟนหนุ่มแรง ๆ สักสิบทีร้อยทีสำหรับการนอกใจที่ชั่วช้าแบบนั้น แต่เธอกลับทำได้เพียงข่มความโกรธและเดินออกจากความสัมพันธ์บ้า ๆ นั่น การเดินหันหลังออกมาก็เท่ากับว่าเรื่องระหว่างตัวเธอและฌอนนับว่าสิ้นสุดนับตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว...และเธอก็ไม่คิดจะฟังหรืออยากได้ยินคำแก้ตัวอะไรจากเขาอีก

11 MOON CLUB

ภายในคลับมืดสลัวที่มีเสียงเพลงบีทหนักเปิดกระทบโสตประสาทชวนลุกขึ้นเต้น...ทว่าไม่ใช่กับวาโยที่เพิ่งถูกนอกใจมาหมาด ๆ หญิงสาวโคลงแก้ววิสกี้สีอำพันในมือไปมาทำให้ของเหลวผสมปนเปตามจังหวะข้อมือ ขณะที่แววตาเฉี่ยวคมก็จดจ้องมองมันอย่างไร้จุดหมาย

“โย แกไม่ต้องเสียใจไปนะ ดีแล้วที่แกหลุดพ้นจากไอ้คนเลว ๆ แบบนั้นน่ะ” หญิงสาวข้างกายเอ่ยพลางประสานมือลงบนต้นแขนของวาโยเพื่อปลอบประโลมความเสียใจ ซึ่งประโยคนั้นทำให้วาโยละสายตาจากสิ่งที่มองหันมายังใบหน้าหวานที่ตอนนี้มีท่าทีกังวลยิ่งกว่าคนที่เพิ่งถูกหักหลังอย่างเธอเสียอีก

“อืม มันก็ดีแล้วแหละที่รู้สันดานก่อน แต่เจ็บอะ ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำแบบนี้” วาโยผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงภาพที่แฟนของเธอกำลังคลอเคลียอยู่กับร่างของผู้หญิงคนอื่นบนเตียงนอนที่เธอเคยสัมผัส

คอนโดฯ นั้นเป็นที่ที่เธอและฌอนใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าที่แห่งนั้นจะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนจะใช้มันร่วมกับคนอื่น คิดแล้วน่าขยะแขยงที่สุด!

“โอ๋ ๆ นะโย มากอดมา ฉันจะปลอบแกเอง”

“โอ๊ยยัยไวน์ แกนี่มันจริง ๆ เลยนะ!” วาโยหัวเราะออกมากับท่าทางของเพื่อนสนิทที่ตัวเธอเองก็อดเอ็นดูไม่ได้

ไวน์คือเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของวาโย แม้ว่าจะเรียนต่างคณะแต่ทั้งสองคนก็สนิทสนมกันเป็นที่สุด

วาโยเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคเครื่องกล ส่วนไวน์เรียนคณะอักษรศาสตร์ ทั้งสองคนเจอกันที่งานของมหาวิทยาลัยเนื่องจากถูกคัดเลือกให้เป็นดาวของคณะ อีกทั้งไวน์ยังเป็นแฟนของรุ่นพี่ที่เธอเองก็สนิทสนมด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้ทั้งสองคบหาและยังคงติดต่อหากันจนถึงทุกวันนี้

“แล้วคืนนี้พี่วาอยู่ห้องไหมอะ ถ้าไม่อยู่ฉันจะไปนอนเป็นเพื่อน ฉันไม่อยากให้แกนอนคนเดียว กลัวแกฟุ้งซ่าน” ไวน์ถามถึงพี่สาวของวาโยที่อยู่คอนโดฯ เดียวกัน เธอเองก็เป็นห่วงเพราะไม่ไว้ใจเวลาคนเสียใจหากอยู่เพียงลำพังจะคิดทำอะไรไปบ้าง

“รายนั้นก็อยู่กับแฟนนั่นแหละ แต่ฉันอยู่คนเดียวได้ไวน์ แกคิดว่าคนอย่างฉันจะเสียใจจนทำร้ายตัวเองเพราะไอ้ผู้ชายเลว ๆ นั่นรึไง”

“ก็ไม่แน่...”

“ยัยไวน์! แกไม่เชื่อใจเพื่อนคนนี้เหรอ!” วาโยทำหน้าดุใส่เพื่อนสนิท เธอไม่คิดทำอะไรเพียงเพราะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน มีแต่จะคิดหาทางมูฟออนไว ๆ เพื่อให้ลืมเลือนความเจ็บปวดพวกนั้น!

“อยู่นี่เอง โทรไปทำไมไม่รับหืม” เสียงเข้มเอ่ยแทรกขึ้นจากทางด้านหลังทำให้สองสาวหันขวับไปมองก็พบว่าเป็นร่างสูงของรุ่นพี่หนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของไวน์อย่างพิภพกำลังหยุดยืนและกอดอกมองอย่างนึกคาดโทษ

“อ้าวพี่ภพ มาได้ยังไงคะเนี่ย” ไวน์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะมาตามถึงที่คลับแบบนี้ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็โทรไปบอกเขาแล้วด้วยซ้ำ

“โห่ ไรอะ มาตามแฟนกลับเหรอพี่ภพ”

“พี่มาดูแกนั่นแหละ เป็นไง เจ็บปวดรวดร้าวเลยไหม” มือหนาของรุ่นพี่ผลักเบา ๆ ที่ศีรษะเล็กพลางหัวเราะออกมาก่อนจะหย่อนกายนั่งลงที่โซฟาข้างกายของแฟนสาว

ที่เขาตามมาถึงที่นี่ก็เพราะเห็นใจและเป็นห่วงน้องสาวคนนี้ต่างหาก เขาเองก็ให้อิสระกับแฟนสาวอย่างไวน์อยู่เสมอ ไม่ว่าเธอจะออกไปดื่มที่ไหนเขาก็ไม่เคยหักห้ามเลยสักนิด แต่ที่มาครั้งนี้ก็เพราะเป็นห่วงวาโยเนื่องจากทราบสาเหตุมาว่าเธอเพิ่งถูกแฟนนอกใจมาหมาด ๆ

“เจ็บสิ เจ็บมาก แต่โยจะไม่ร้องไห้ให้กับผู้ชายแบบนั้นหรอกนะ” หญิงสาวกอดอกทำหน้ายื่น ถึงแม้ว่าเธอจะเสียใจแต่เธอก็ไม่คิดจะเสียน้ำตาให้กับการกระทำเลว ๆ แบบนั้นอย่างแน่นอน

“เออดีแล้ว แกเก่งอยู่แล้วน่า”

“พี่ภพอย่ามาอ่อนโยนเวลานี้ได้ไหม เดี๋ยวโยซึ้งแล้วร้องไห้หรอก!”

“พี่ไม่ใช่ไอ้เตที่จะกัดกับแกตลอดนะเว้ย”

ประโยคนั้นทำเอาวาโยถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่สนิทสนมด้วยเช่นกัน หากเปรียบเทียบสองคนก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันคนละขั้ว อีกคนใจเย็นอ่อนโยน ส่วนอีกคนก็ร้อนเป็นไฟแถมยังชอบชวนทะเลาะราวกับเกลียดกันมาแต่ชาติที่แล้ว

“เดี๋ยวโยมานะ ไปสูบบุหรี่ก่อน”

“สูบอีกแล้วเหรอโย เมื่อกี้เพิ่งออกไปเองนะ” ไวน์เอ่ยขึ้นมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยแววตาหวาน เธอรู้ดีว่าวาโยชอบสูบบุหรี่เวลามีเรื่องเครียด แต่เธอเองก็เป็นห่วงในสุขภาพของวาโยเช่นกัน

“ปล่อยไปเถอะ” เสียงเข้มเอ่ยพลางจับมือแฟนสาวเป็นเชิงห้าม ตอนนี้วาโยกำลังเสียใจและคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากสารนิโคตินจากบุหรี่ที่สูบจะทำให้น้องสาวคนนี้บรรเทาอาการเหล่านั้นไปได้บ้างเขาก็ยินดี

วาโยหยัดกายขึ้นพลางหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเดินออกไปด้านนอกร้านโดยไม่คิดหันกลับมามองกับคนที่นั่งอยู่ สิ่งเดียวที่เธอต้องการในตอนนี้ก็คือการปลดปล่อยความทุกข์ที่อยู่ในใจออกมาให้ล่องลอยสู่อากาศผ่านควันสีเทา เผื่อว่าจะทำให้ดีขึ้นแม้ว่าจะน้อยนิดเธอก็ยอม

ร่างบางพิงตัวกับกำแพงด้านหลังร้าน ตอนนี้ไร้ผู้คนมีเพียงตัวเธอเท่านั้นที่กำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์เพียงผู้เดียว ใบหน้าสละสลวยเชยขึ้นเพื่อปล่อยควันบุหรี่ออกจากปากก่อนจะอัดสูบสารนิโคตินเข้าไปใหม่อีกครั้งหวังจะบรรเทาสิ่งตกค้างเจ็บปวดให้เลือนหาย

“โย”

เสียงทุ้มเอ่ยเรียกพลันทำให้หญิงสาวหันไปมองยังต้นเสียง แววตาหวานมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจเล็กน้อยและเก็บมือข้างที่คีบบุหรี่ไว้ด้านหลังก่อนจะปรับสีหน้าและสิ่งยิ้มให้บุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

“พี่คราม...มาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”

เมื่อหันไปก็พบว่าเขาคนนั้นคือ ‘คราม’ มือกลองของวงโฟร์ดรีมที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ครามเป็นเพื่อนสนิทของพยัคฆ์ซึ่งเป็นแฟนพี่สาวแท้ ๆ ของเธอ นั่นเลยทำให้วาโยได้พบเจอและพูดคุยกับเขาอยู่บ้างบางครั้ง

“ที่จริงพี่เห็นโยในร้านแล้วล่ะแต่พี่ไม่แน่ใจ พอเห็นโยเดินออกมาพี่ก็เดินตามดูเลยรู้ว่าเป็นโยจริง ๆ ไม่ได้มองผิดไป”

“อ่า...งั้นเหรอคะ” วาโยพยักหน้ารับกับคำตอบของเขาแต่ก็ยังรู้สึกประหม่าเพราะคนตรงหน้ากลับมาเห็นเธอตอนที่สูบบุหรี่อยู่แบบนี้

“สูบต่อเลย พี่ก็ว่าจะสูบด้วยเหมือนกัน แต่ขอตัวหนึ่งได้ป้ะ”

“ได้ค่ะ เอาเลย” หญิงสาวฉีกยิ้มน้อย ๆ พลางหันใบหน้ากลับไปสูบบุหรี่ดังเดิม

ใจจริงเธอคิดว่าครามจะตำหนิหรือมองเธอในทางลบเนื่องจากสังคมในปัจจุบันมักจะตัดสินคนที่สูบบุหรี่ไปก่อนแล้วว่าเป็นคนไม่ดี อีกทั้งเธอยังเป็นผู้หญิงนั่นจึงทำให้ภาพลักษณ์ของเธอไม่ค่อยดีในสายตาของคนอื่นสักเท่าไหร่

“พี่ครามมาคนเดียวเหรอ หรือว่ามากับเพื่อน”

“มาคนเดียว ตอนนี้ทางค่ายงดรับงานให้ก่อนน่ะ เพื่อนพี่ก็ไปเที่ยวกันหมด ส่วนไอ้เสือก็อยู่กับพี่สาวเรานั่นแหละ”

“อกหักเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามและหันไปมองคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างกาย

“หืม บ้าเหรอ พี่ไม่ใช่โยนะ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำถามจากปากเล็ก ท่าทางของเขาดูเหมือนคนอกหักขนาดนั้นเลยเหรอ?

“รู้ได้ไงเนี่ย แอบมองเหรอ”

“ฮะ นี่สรุปอกหักจริงเหรอ พี่แค่พูดเล่นนะเนี่ย”

“ก็จริงสิ ดูหน้าโยก็รู้แล้วไหม” หญิงสาวหันหน้าไปอีกทาง หากสังเกตอาการก็คงดูออกว่าเธอน่าจะพบเจอเรื่องเสียใจมา แตกต่างจากเขาที่ยังคงยิ้มร่าแม้ว่าจะต้องมาดื่มคนเดียวก็ตาม

“ทำไมอะ หน้าโยก็ไม่ได้ดูเสียใจขนาดนั้นนะ” ครามเอ่ยออกไปตามตรง พอมองแล้วก็พบความเจ็บปวดในนั้นอยู่บ้างแต่เขากลับเห็นความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยวของเธอที่สะท้อนกลับมามากกว่า

“เหรอ หน้าโยเป็นแบบนั้นเหรอ” มือเล็กจับใบหน้าตัวเองพลางพิจารณาลักษณะและท่าทาง พอลองคิดดูแล้วน่าจะเป็นความโกรธและความเจ็บปวดที่ถูกหักหลังมากกว่าความเสียใจ

“อาจจะไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้นรึเปล่า พี่ก็ไม่รู้อะ เดา ๆ ไปงั้น”

“...” หญิงสาวแน่นิ่งไปและหวนนึกถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับอดีตแฟนหนุ่ม

มันอาจจะจริงที่เธอไม่ได้รู้สึกกับฌอนจนถลำลึกไปมากกว่านั้น เธอเพียงแค่เจ็บปวดที่ถูกหักหลังก็เท่านั้น

ใช่หรือเปล่า...?

“เฮ้ย อย่าคิดมากดิโย พี่เดาไปงั้นแหละ” ครามเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวข้างกายที่เงียบไป

“พี่คราม...”

“หือ?”

“ขอจูบทีดี” แววตาหวานสั่นไหวไปชั่วครู่แต่ทว่าเมื่อเอ่ยจบประโยคมันกลับมีความหนักแน่นและมั่นใจในคำพูดของตัวเองอย่างเหลือล้น

การจูบกับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนอาจจะทำให้เธอค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงก็เป็นได้ หรือไม่...ก็อาจจะทำให้เธอลืมเลือนภาพเจ็บปวดพวกนั้นให้หายลับไปเพียงเสี้ยววินาทีก็ยังดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel