Episode 2
“วันนี้มีเท่านี้ เลิกคลาสได้”
เสียงบอกเลิกคลาสของอาจารย์สาวดังขึ้นพร้อมกับนักศึกษาบางส่วนที่ลุกออกจากห้องราวกับนกแตกรัง
“ลิ...”
“ลิ มึงโกรธไรกู-”
“กูไม่ได้โกรธอะไรมึงเคลียร์”
ลิโซ่เลือกที่จะปฏิเสธเพื่อนชายคนสนิทออกไปแม้ภายในใจของเธอจะโกรธจริงๆ ก็ตาม ทว่ามันก็ไม่ใช่สิทธิ์ที่เธอจะเอ่ยปากพูดออกไปเพราะเธอเองคงจะเป็นได้เพียงแค่เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น
หลังจากหมดเวลาเรียน หญิงสาวเลือกที่จะเดินสะพายกระเป๋าลงมาจากห้องโดยมีนิวเคลียร์เดินตามอยู่ข้างๆ พร้อมเพื่อนชายอีกสองคน
“กูกลับก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
หญิงสาวหันไปเอ่ยลาเพื่อน ๆ ของตัวเองจังหวะพอดีกับที่รถสปอร์ตสีขาวคันหรูจะขับเข้ามาจอดทางขึ้นตึกคณ
“มึงอย่าบอกนะลิ ว่ามึงจะกลับกับผู้ชายคนอื่น”
น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะกระชากข้อมือเรียวสวยเอาไว้จนเจ้าของมือเริ่มรู้สึกเจ็บ
“โอ๊ย เคลียร์กูเจ็บ”
“ให้กูไปส่ง”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกึ่งลากก่งจูงร่างหญิงสาวไปที่รถของตัวเอง ทว่าลิโซ่กลับดึงมือของเธอกลับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นกับเคลียร์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“อย่าทำตัวงี่เง่าเราเป็นเพื่อนกันนะ”
ดวงตากลมฉายแววดุดันพลางเอ่ยเน้นย้ำสถานะของตนและชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“น้องลิครับ มีอะไรรึเปล่า”
เสียงชายหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตสีขาวเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี
“เปล่าค่ะพี่วา”
เสียงหญิงสาวเอ่ยตอบคนมาใหม่ ก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“ไปก่อนนะ กูมีธุระต่อ”
เสียงลิโซ่เอ่ยบอกเคลียร์ ก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถของนาวาที่จอดรออยู่อย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้นิวเคลียร์ได้ถามอะไรต่อ
“แม่งเอ๊ย!”
นิวเคลียร์สบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่และขับออกไปด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
จริงอยู่ที่คนอื่นเห็นว่าเขากับลิโซ่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ความจริงแล้วเขากับลิโซ่นั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาได้สักพักแล้วทว่าพวกเขาก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนเอาไว้เป็นความลับ
แม้สกายแฟนสาวของเคลียร์จะสงสัยอยู่บ้างเรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเพราะเชื่อมั่นในตัวของแฟนหนุ่ม
“ขอบคุณนะคะพี่วาที่มารับลิ”
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลยลิ พี่เต็มใจ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมาคลี่ยิ้มให้หลังจากพูดจบ
นาวา นักศึกษาแพทย์หน้าตาหล่อเหลา เขาเป็นคนอัธยาศัยดีทั้งยังมีเสน่ห์ล้นเหลือ เธอและเขารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยเหตุที่ว่าพ่อของนาวาและลิโซ่เป็นเพื่อนสนิทกันทำให้ทั้งเขาและนาวาผล็อยรู้จักและสนิทกันไปด้วย
แน่นอนว่านาวาเองก็แอบหลงรักลิโซ่อยู่ไม่น้อย
“แล้ววันเสาร์นี้น้องลิว่างหรือเปล่าครับ เราไปดูหนังกันไหม”
ลิโซ่สบตากับชายหนุ่ม ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเพดานรถหรูอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยตอบตกลงไป เพราะไม่อยากปฏิเสธนาวาด้วยกลัวว่าจะทำชายหนุ่มนั้นเสียน้ำใจ
“ได้ค่ะ”
“เออ งั้นวันนี้พี่วาอยู่ทานข้าวที่บ้านลิก่อนนะคะ คุณพ่อกลับมาจากต่างประเทศพอดีเลยจะได้อยู่คุยกับท่านนานๆ”
เมื่อหญิงสาวเอ่ยปากชวน นาวาก็ตอบตกลงทันทีอย่างไม่อิดออด
“ได้ครับ”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังขับรถแล่นไปบนถนนตลอดทางลิโซ่ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความแสนดีของนาวา ที่เธอรับรองได้เลยว่าหากหญิงสาวใดได้สัมผัสมันเช่นเธอ คงหลงรักนาวาหัวปักหัวปำไปตลอดชีวิต
แน่นอนเธอเองก็เช่นกัน แม้มันจะแค่เกือบก็ตาม
ความอ่อนโยนและแสนดีของนาวาเป็นตัวแปรที่ทำให้เธอเกือบเผลอใจให้เขาอยู่หลายครั้งหลายครา
หากไม่เพราะในใจเธอมีคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว...เธอคงตกหลุมความอ่อนโยนนี่อย่างไม่ต้องสงสัย
บ้านตระกูลวิภัคษ์
“สวัสดีครับคุณลุง”
นาวายกมือขึ้นไหว้พงศกรพ่อของลิโซ่ด้วยท่าทีนอมน้อม ใบหน้าคมเข้มประดับรอยยิ้มทั้งแววตายังฉายแววอบอุ่นบ่งบอกถึงอุปนิสัยใจคอของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
“เอ้า...? นาวาเองเหรอลุงก็ว่าเสียงรถใครคุ้นๆ แล้วนี่ไปรับน้องมาด้วยหรอ ลุงขอบคุณมากนะ ไหน ๆ ก็มาแล้วอยู่ทานข้าวกันก่อนดีไหม”
“ครับ ขอบพระคุณครับคุณลุง”
“คุณพ่อคะ งั้นคุณพ่ออยู่คุยกับพี่นาวาไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูขอเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องก่อน”
หญิงสาวรุดเข้าไปสวมกอดคนเป็นพ่อที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะในนั่งเล่น ริมฝีปากชมพูเคลือบด้วยลิปบาล์มสีใสประทับลงที่สองข้างแก้มของบิดา ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนห้องชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ที่มีเพียงเธอบิดาและแม่บ้านอยู่ด้วยกันสามคนเท่านั้น
ด้วยความที่ลิโซ่กำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก พงศกรผู้เป็นบิดาจึงเลี้ยงเธอแบบตามใจมาตลอด อีกทั้งท่านยังไม่เคยมีภรรยาใหม่เลย แม้หญิงสาวจะบอกให้พ่อของเธอหาอยู่บ่อยๆ ก็ตาม
“เอ้า ตานาวานั่งก่อนๆ ลุงขออ่านเอกสารอีกสองสามฉบับแล้วค่อยไปทานข้าวกัน”
“ครับ”
ชายหนุ่มทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตามคำเชิญของเจ้าของบ้านแต่ในระหว่างที่นาวาและพงศกรนั่งคุยกันอยู่นั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงรถขับเล่นมาจอดหน้าประตูบ้านก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของรถจะย่างกรายลงมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ร่างสูงของนิวเคลียร์ยกมือไหว้ผู้อาวุโสหนึ่งเดียวของบ้านด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณลุง”
“อ้าวเจ้าเคลียร์มาหายัยลิเหรอ อยู่บนห้องน่ะเดี๋ยวคงลงมา นั่งก่อนๆ”
พงศกรเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทของลูกสาวด้วยรอยยิ้มพลางเชื้อเชิญให้นั่งคุยด้วยอย่างสนิทสนม
“ขอบคุณครับ คุณลุง”
เจ้าของบ้านยิ้มส่งเพื่อนสนิทของลูกสาวก่อนจะหันกลับมาจัดการกับเอกสารกองเล็กๆในมือต่ออย่างอารมณ์ดี
นาวาแอบเหลือบตามองผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตาคู่คมฉายแววดุดันพลางหันมาสอบถามเรื่องของอีกฝ่ายกับผู้อาวุโสข้างกายด้วยความสงสัย
“เขามาหาน้องลิบ่อยๆ เหรอครับคุณลุง”
นาวาเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ด้วยเพราะที่นั่งของเขาอยู่ไกลจากนิวเคลียร์ทำให้การสนทนานี้เป็นเพียงเรื่องของเขาและพงศกรเท่านั้น
“ลุงก็เห็นมาบ่อยๆนะ ก็มาเกือบทุกอาทิตย์”
“แล้วพวกเขาสนิทกันเหรอครับ?”
“มากเลยละ เจ้านิวเคลียร์ก็เป็นเด็กดี ถึงภาพลักษณ์จะดูเกเรก็เถอะ”
นาวาในตอนนี้เริ่มไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เมื่อรู้ว่านิวเคลียร์สนิทกับลิโซ่มากถึงขนาดสามารถมาหาที่บ้านได้ตามใจชอบ
ที่สำคัญคืออีกฝ่ายสนิทกับหญิงสาวมากกว่าตน
“แต่ผมคิดว่าพวกเขาควรจะห่างกันสักนิดก็ดีนะครับ น้องก็เริ่มจะโตเป็นสาวแล้ว ผมเกรงว่าคนอื่นจะมองดูไม่ดี”
พงศกรที่ได้ยินก็หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยตอบลูกชายของเพื่อนสนิทพร้อมรอยยิ้ม
“คิดมากแล้วนาวา สองคนนั้นเขาเป็นเพื่อนสนิทกันก็เหมือนเราที่สนิทกับยัยลินั่นละ วางใจเถอะ พูดเหมือนไม่รู้จักน้องงั้นแหละ”
เมื่อพงศกรเอ่ยปากเองว่าไม่เป็นไรนาวาก็ไม่สามารถขัดอะไรได้อีก ชายหนุ่มยิ้มรับจางๆอย่างจำยอมในความล้มเหลวนี่เป็นจังหวะพอดีกับที่แม่บ้านเดินเข้ามาเรียนเชิญเขาและเจ้าของบ้านไปรับประทานอาหารค่ำ
“เหมือนระฆังบอกเวลาเลยนะ ไปทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับนะนาวา นิวเคลียร์ก็ไปทานด้วยกันสิ”
“ไม่เป็นไรครับคุณลุง ขอบพระคุณครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยปฎิเสธเสียงนุ่มโดยไม่ลืมพนมมือไหว้ขอบคุณพงศกรพร้อมรอยยิ้มและหันกลับไปสนใจจอแท็บเล็ตเครื่องงามต่อเมื่อเจ้าของบ้านคล้อยหลังตนไปแล้ว
นาวาเหล่ตามองนิวเคลียร์อยู่คณู่หนึ่งก่อนจะเดินตามหลังพงศกรไปยังห้องทานอาหารของบ้านแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววของหญิงสาวที่เขามาส่งเมื่อครู่
“เอ่อคุณลุงครับ-”
“ยัยวินะ ถ้าไม่หิวหรืออยากทานก็ไม่ลงมาหรอก เราทานเถอะไม่ต้องหิ้วท้องรอ”
“ครับ”
ว่าที่นายแพทย์หนุ่มตักอาหารทานเงียบๆด้วยไม่อาจกล่าวอะไรได้อีก นาวานั่งทานอาหารจนหมดและอยู่คุยกับพงศกรอีกครู่ใหญ่ก่อนจะขอตัวลากลับ
บนห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยการคุมโทนสีให้ไปทางเดียวกันบ่งบอกถึงสไตล์ของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีมีหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งขยี้ผมอันเปียกชุ่มอยู่บริเวณหน้ากระจกเรือนใหญ่
ร่างเพรียวบางผ้าขนหนูผืนบางก่อนพยายามจัดทรงผมของตนเองให้เข้าที่อย่างเพลิดเพลินก็สะดุ้งจนสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พ่อเหรอคะ เดี๋ยวหนูลงไปค่ะ ขอเช็ดผมก่อน”
หญิงสาวขานรับพลางเอ่ยตอบบุคคลที่อยู่หลังประตู ทว่าเสียงเคาะก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น ลิโซ่จึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นไปเปิดในทันที
“พ่อ- อ้าวมึงเองเหรอเคลียร์ มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อนชายคนสนิทเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่ม ทว่าพูดไม่ทันจบนิวเคลียร์ก็พุ่งตัวเข้ามาสวมกอดเรือนร่างหญิงสาวไว้แน่น พลางสูดดมซอกคอหญิงสาวอย่างหื่นกระหาย
“โอ้ยย อะไรของมึงเนี้ย นิวเคลียร์”
