บทที่ 3
แต่ใครเลยจะกล้ายอมรับความจริง ใจหนึ่งก็เพราะกลัวอิทธิพลมืดของอีกฝ่าย อีกใจก็กลัวคำคนที่จะด่าสาปแช่งพิมพ์อรที่คบชู้ สุดท้ายก็หมดสิ้นทางเลือกจำต้องปล่อยให้อีกคนรับเคราะห์แทนใครอีกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยแต่ต้องมารับทุกสิ่งเอาไว้
เพียงเพราะความขี้ขลาด ไม่กล้ายอมรับความจริงของเขา!!
ธนากรขับรถเก๋งคันเก่ามือสองของตัวเองมาส่งมัสยาถึงบ้านน้อยหลังเล็กของหญิงสาวหลังจากที่พาเธอแวะไปโรงพยาบาล ทั้งคู่พูดคุยกันได้ไม่นานหญิงสาวก็ขอตัวเดินเข้ามาในบ้านเพื่อพักผ่อน หลังจากที่เธอนั้นต้องเจอะเจอเรื่องราวร้ายๆ มาตลอดทั้งวัน
เพียงก้าวแรกที่เดินเข้าประตูมาดวงตาของเธอกลับต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่าข้าวของภายในบ้านหลังน้อยนั้นบัดนี้ถูกรื้อกระจัดกระจายไปทั่ว ที่พื้นไม่ไกลกันมีพ่อกับแม่เธอนั่งกอดกันร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่ ไวกว่าความคิดเมื่อขาก้าวเข้าไปหาทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณพ่อ คุณแม่!” นางราตรีและสามีเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะสารภาพความจริงที่ปกปิดเอาไว้ไม่ยอมให้มัสยาได้ล่วงรู้ จนกระทั่งเมื่อวันนี้มาถึงจนได้
“คนของเจ้าหนี้เขามาทวงเงินเรา พอแม่กับพ่อขอผลัดมันก็เลยรื้อข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย แม่ขอโทษนะมัท แม่ขอโทษ” มัสยาไม่เพียงแต่ตกใจ เธอกลับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าพ่อกับแม่ของตัวเองนั้นมีหนี้สินอย่างที่ได้ยิน
“เท่าไหร่คะ! แล้วทำไมบ้านเราถึงเป็นหนี้ด้วยล่ะคะคุณพ่อ”
“พ่อผิดเองลูก พ่อไม่มีปัญญาส่งมัทเรียนมหาลัย ก็เลยบากหน้าลองไปขอยืมเงินเขามาก่อนโดยเอาบ้านเราไปจำนองเขา กิจการร้านอาหารของเราก็กำลังแย่ ขาดทุนจนตอนนี้แทบไม่เหลือเงินจ้างลูกจ้างต่อ” คำสารภาพจากผู้เป็นพ่อที่ได้ยินทำเอามัสยากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยเอะใจเลยสักนิดกับเงินที่พ่อและแม่ส่งเสียให้เรียนมหาลัยดีๆ เพราะคิดว่ามันมาจากกิจการร้านอาหารของพวกท่าน แต่ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้นี้มันกลับไม่ใช่เลย
ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว!!
