บทที่ 6 หัวใจเริ่มหวั่นไหว 18+
ลิ้นร้อนอุ่นสอดแทรกเข้าในโพรงปากสาว เมื่อคนตัวเล็กยอมเผยอปากให้คนตัวโตเข้ามาเชยชิมความหวาน
“อื้อ” ร่างเล็กถูกประคองให้นอนลงแนบแผ่นหลังกับโซฟา
มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อของลูกหว้า ไต่เต้าไปยังดอกบัวตูมก่อนบีบขยำ ส่งผลให้คนตัวเล็กได้สติและเบิกตากว้าง
“อย่าทำแบบนี้” มือเรียวดันแผงอกกำยำ ใบหน้างดงามหันหนีอย่างอับอายกับการกระทำของตนเอง เผลอไผลให้คนเหนือร่างชั่วขณะ
“ผมชอบคุณจริง ๆ นะครับ” กระซิบข้างใบหูขาวสะอาด
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ แต่เชิญคุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ผมจะรอวันที่คุณเปิดใจให้ผมนะครับ” กดจูบข้างแก้มเธอก่อนผละออกห่าง
“ผมกลับก่อนนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” ชำเลืองมองคนตัวเล็กแวบหนึ่ง จากนั้นสาวเท้าออกจากห้องไป
หลังจากพ้นร่างกองทัพ ลูกหว้ายังคงนอนนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นนั่ง ภายในสมองเต็มไปด้วยเรื่องว้าวุ่นใจ
เพราะจูบของเขาทำเอาใจสาวเต้นระรัวแทบทะลุออกนอกอก คาดไม่ถึงเลยจะเสียจูบแรกให้กับผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น แถมมีศักดิ์เป็นถึงเจ้านาย
“ห้ามหวั่นไหวกับเขาคนนั้นนะยัยลูกหว้า”
มือเล็กกุมหน้าอกตนเอง พยายามระงับความรู้สึกไม่ให้เผลอคิดเกินเลยกับเจ้านายหนุ่ม
ตลอดการทำงานของลูกหว้า จิตใจเธอช่างกระสับกระส่ายยิ่งนัก พานคิดถึงจูบเมื่อคืนระหว่างเธอกับเขาแต่กองทัพกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยยังคงทำงานเหมือนเดิม เธอคนเดียวเท่านั้นเผลอลอบมองเขาเป็นระยะ
“เฮ้อ…”
“เหนื่อยเหรอ” เพราะลูกหว้าถอนหายใจดังเกินเหตุ เรียกความสนใจจากกองทัพหันมองคนตัวเล็ก
“เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ชักช้ารีบสนใจงานเบื้องหน้า
“หรือว่า…”
“พี่ทัพ/ทัพ”
ไม่ทันกองทัพจะเอ่ยถามหญิงสาว ทันใดนั้นประตูห้องถูกผลักออกเผยให้เห็นแพทตี้และอองฟอง
“ดิฉันห้ามแล้วค่ะ แต่คุณทั้งสองไม่สนใจบอกว่าจะเข้ามาให้ได้” ข้าวหอมวิ่งตามหลังคนทั้งสองเข้ามาในห้อง เอ่ยแจ้งเจ้านายหนุ่มทันใดด้วยความกลัวจะโดนตำหนิ
“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณกลับไปทำงานเถอะ”
“ค่ะ” ตอบรับเจ้านายหนุ่ม หมุนตัวจากไปทันที
“พี่ทัพ” อองฟองแจ้นไปหาชายหนุ่มส่วนแพทตี้เดินตามหลังติด ๆ ประชิดกองทัพ
เสียงสองสาวดังปะทะกันกำลังยื้อแย่งเจ้าของห้อง สร้างความรำคาญปนความหงุดหงิดแก่ลูกหว้ายิ่งนัก
ปึง!
มือบางทั้งสองข้างของผู้ช่วยสาวตบโต๊ะดังสนั่น ก่อนเด้งตัวลุกขึ้นพรวดพราดอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณกองทัพคะ ฉันขออนุญาตไปทำงานข้างนอกกับคุณข้าวหอม” ไม่รอให้คนตัวโตตอบรับ เธอเก็บข้าวของจำเป็นออกไปข้างนอก แต่ไม่วายได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งในสองสาวดังตามหลัง
“ไม่มีมารยาท”
ลูกหว้าไม่แยแส ก้าวเท้าเล็กออกจากห้องทันที
“อ้าวน้องลูกหว้า” ข้าวหอมมองผู้ช่วยสาวของเจ้านายมาหาตัวเอง
“ขอลูกหว้านั่งทำงานด้วยคนนะพี่ข้าวหอม” เพราะเริ่มสนิทกันทำให้คนทั้งสองเรียกด้วยสรรพนามแบบเป็นกันเอง
“ได้สิ มาเลย”
“ขอบคุณค่ะ” สาวเท้าไปนั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างข้าวหอม
“เสียงดังใช่ไหม ถึงออกมาข้างนอก”
“ปกติก็แบบนี้เหรอคะ”
“ประมาณนี้แหละ แต่ไม่เคยมาพร้อมกันสองคน” ข้าวหอมเอ่ยตอบคนตัวเล็ก
“ท่านรองของพี่ข้าวหอมเนี่ย ผู้หญิงเยอะชะมัด”
“ปกติคนหล่อแหละ” ฉีกยิ้มกว้างแก่ลูกหว้า
“เหอะ” เธอหงุดหงิดมากไม่เข้าใจเลยแค่เห็นรอบกายเขารายล้อมด้วยผู้หญิง อารมณ์พลุ่งพล่านทันที
ตัดมาทางกองทัพหลังจากผู้ช่วยสาวหอบข้าวของออกจากห้อง เขารู้สึกไม่พอใจแพทตี้และอองฟองมาก
“พี่ทัพคะ”
“ทัพขา”
ปึง!
ฝ่ามือใหญ่ตบบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันมองแพทตี้และอองฟองสลับไปมา ไม่วายพ่นคำพูดใส่คนทั้งสอง
“ออกไปจากห้องทำงานผมให้หมด”
“ทัพขา” แพทตี้รวบรวมความกล้าเอ่ยเรียกเจ้าของห้อง
“ออกไปแพทตี้” จ้องเขม็งคู่ควงสาวที่มีอายุเท่าตัวเอง ก่อนหันมองคนอายุน้อยกว่าสองปี “ออกไปอองฟอง”
“ค่ะ” ตอบรับพร้อมกัน
“หลังจากนี้ไม่ต้องมาหาผมที่บริษัทอีกถ้าผมไม่เรียกหาไม่ต้องมา” สั่งเสียงเข้ม แววตาคมฉายไปด้วยความดุเดือด บ่งบอกให้รับรู้ว่าคำพูดของเขาคำไหนคำนั้นอย่าคิดขัดขืน
หลังจากพ้นร่างคนทั้งสอง กองทัพทรุดกายนั่งบนเก้าอี้อย่างเบื่อหน่าย
“เฮ้อ วุ่นวายกันจริง ๆ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ช้อนตามองโต๊ะทำงานลูกหว้าที่ไร้ร่างเจ้าตัว
กองทัพย่างเท้าออกจากห้องเพื่อไปตามคนตัวเล็กให้กลับเข้ามาทำงานเหมือนเดิม
“ลูกหว้าตามผมเข้ามาข้างในมีงานด่วนให้ทำ” สั่งเสร็จหมุนตัวเข้าข้างใน
“รีบเข้าไปสิน้องลูกหว้า ท่าทางท่านรองจะอารมณ์ไม่ดี” ข้าวหอมเอ่ยบอกแก่ลูกหว้าที่ไม่ยอมขยับตัวสักที
“ค่ะ” รวบข้าวของเข้าข้างในห้องแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมาถึงในห้องกลับไร้ร่างเจ้าของห้อง “หายไปไหน” เสียงหวานพึมพำ
“ว้าย!”
ข้าวของในอ้อมแขนร่วงหล่นตกสู่พื้น จู่ ๆ โดนดันชิดกับผนังห้องโดยฝีมือเจ้านายหนุ่ม
“ทำอะไรของคุณ”
ไม่มีเสียงตอบโต้จากกองทัพ เขาอาศัยจังหวะคนตัวเล็กกำลังอ้าปากถามประกบปากจูบอย่างไว
“อื้อ” พยายามขัดขืนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมคนตัวโต
กองทัพจูบคนตัวเล็กหนักหน่วงยิ่งขึ้น หวังทำให้มีอารมณ์ร่วมและเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของตัวเอง
เพียงไม่กี่นาทีเธอโอนอ่อนกับสิ่งที่ได้รับ ร่างกายอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ แข้งขาไร้เรี่ยวแรงอยากทรุดลงคาพื้นเสียตอนนี้ แต่ยังดีมีแขนกำยำช่วยประคอง
“อื้อ” มือเล็กขยุ้มคอเสื้อกองทัพ ระบายความเสียวซ่าน
คนตัวสูงไม่หยุดแค่นั้น เลื่อนหน้าคมคายซุกซอกคอหอมกรุ่น ปลายลิ้นสากเลียวนกกหูและงับเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว
“อื้อ อ๊ะ” ลูกหว้าไม่รู้ตัวสักนิด เผลอร้องครางต่ำในลำคอ เพราะตอนนี้กำลังติดอยู่ในห้วงอารมณ์หื่นกาม
เสียงดังเล็ดลอดจากริมฝีปากของลูกหว้า สร้างความพึงพอใจแก่เขามากเหลือเกิน เสียงเธอช่างหวานบาดหูทำเอาควบคุมร่างกายไม่ได้ทีเดียว ไม่อยากคิดเลยถ้าเธอนอนครางใต้ร่างจะดีแค่ไหน
“ผมชอบคุณ” เสียงทุ้มกระซิบบอกข้างหูคนตัวเล็ก จากนั้นเอื้อมมือขึ้นขยำทรวงอกอวบอั๋นห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้า
“หยุดนะ” มือเรียวคว้าหมับข้อมือหนาอย่างสั่งห้าม ไม่ให้ล้ำเส้นไปมากกว่านี้
“ผมชอบคุณ”
“ฉันไม่ได้ชอบคุณ”
“ทำไมล่ะ ผมจูบได้ไม่ดีพอเท่ากับผู้ชายที่ผ่านมาของคุณเหรอ” เขาไม่รู้เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อนเนื่องจากดูไม่ใช่สาวเรียบร้อยออกแนวเซ็กซี่ด้วยซ้ำ แต่บางครั้งก็มีมุมหวานแบบนั้นแหละทำให้เขาสนใจเธอเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ
“ไม่ใช่” นี่เขาเข้าใจว่าเธอเคยจูบกับคนอื่นมาก่อนเหรอ ถึงกระนั้นไม่คิดอธิบายให้ฟังอยู่ดี
“ผมไม่ดีตรงไหน” นิ้วแกร่งลูบไล้พวงแก้มสวย
“คุณเจ้าชู้”
“ถ้าผมมีคุณแค่คนเดียว รับปากไหมจะยอมคบกัน”
“ไม่” เบือนหน้าหนี
“ผมเสียใจนะลูกหว้า ได้ยินคำตอบแบบนั้นจากปากคุณ”
“เรื่องของคุณ” เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ
“ไม่รู้สึกหึงหวงผมบ้างเหรอ ที่เห็นคนอื่นใกล้ชิดผมเมื่อกี้”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมฉันต้องรู้สึกแบบนั้นด้วย” หลุบตาลงมองพื้นด้วยความกลัวอีกฝ่ายจะเห็นอาการผิดปกติจากสีหน้า ไม่ใช่ไม่รู้สึกแต่โคตรปวดใจเลย แต่นั่นแหละบอกเขาให้รู้ไม่ได้
“รู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดเลย”
“อย่ายุ่งกับฉัน” ลูกหว้าผลักคนตัวโตจนเขาเซ วิ่งกลับไปยังโต๊ะทำงาน
“ผู้หญิงใจร้าย” กองทัพเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะลูกหว้า ไม่วายพ่นคำด่าใส่ก่อนกลับไปโต๊ะทำงานตัวเอง
‘คุณจริงจังกับฉันจริงหรือเปล่า หรือหวังแค่เรื่องบนเตียง’
ชำเลืองมองเจ้านายหนุ่มอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่ไม่อยากเปิดใจให้กองทัพแต่รู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาเจ้าชู้มากเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น
จะให้เธอเอาตัวเองไปยุ่งได้ไง ขนาดคนมีประสบการณ์รักมาเยอะแยะยังไม่สามารถกุมหัวใจเขาได้ นับประสาอะไรกับเด็กอ่อนหัดที่ไร้ประสบการณ์ความรักเข้าขั้นติดลบอย่างเธอ คงไม่พ้นคำว่าเสียใจ
