บทที่ 3 เหตุการณ์ไม่บังเอิญ
เพราะความเครียดจากเรื่องเมื่อวาน เช้าวันนี้ลูกหว้าเลยขับรถไปหาเพื่อนสนิทอย่างหวานยี่หวา แต่ใครจะคาดคิดทันทีที่ก้าวลงจากรถบังเอิญเจอกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา นิสัยเจ้าชู้แบบกองทัพยืนพิงหลังกับรถ จ้องมองมายังเธอราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวทำเอาขนลุกซู่ทีเดียว
“สวัสดีคนสวย ไม่เจอกันนานเลย” โปรยยิ้มเสน่ห์แก่ลูกหว้า แต่หญิงสาวทำเมินแล้วย่างเท้าเข้าข้างใน ไม่สนใจกองทัพสักนิดจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เขาไม่ละความพยายามแค่นั้นรีบตามหลังคนตัวเล็กให้ทัน ไปยังห้องรับรองแขกที่แม่บ้านเป็นคนนำทางพาไป
“ไม่เจอกันนานเลย ไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ”
“ไม่จำเป็น เราไม่ได้สนิทกันสักหน่อย” ตอบเสียงเย็น
“อีกไม่นานก็สนิทกันแล้ว” เผยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“หมายความว่าไง” หันขวับมองคนตรงหน้า นัยน์ตาคู่หวานจ้องเขม็งคนตัวโตทำเหมือนมีลับลมคมใน
“เปล่าสักหน่อย” ทำเป็นไม่แยแสก่อนหลบสายตา
“น่ารำคาญ” เสียงหวานเอ่ยพึมพำแต่ดังพอกระทบใบหูของอีกคน
“บล็อกแชทผมทำไม”
“…” เธอเลือกไม่ตอบคำถามเขา เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนแบบนั้น
“หยิ่งจังเลยคนสวย ผมอุตส่าห์พูดด้วย” ลอบมองหน้าจิ้มลิ้มของอีกฝ่าย ไม่เจอกันนานเธอสวยขึ้นเยอะยิ่งทำให้เขาอยากได้เธอมาครอบครองเร็ว ๆ
“นี่…”
“ลูกหว้า” เสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้น ลูกหว้าหยุดการตอบโต้เพียงเท่านั้นและหันมองเพื่อนสนิท
“ยี่หวา” ลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนสนิทพร้อมทั้งฉีกยิ้มกว้าง
“มีอะไรหรือเปล่า”
“อยากคุยด้วยหน่อย สะดวกไหม”
“ได้สิ” พยักหน้ายืนยันคำตอบแก่ลูกหว้า ก่อนสะดุดกับเพื่อนของสามี “อ้าวพี่ทัพมาพร้อมลูกหว้าเหรอคะ”
“ไม่ใช่ ลูกหว้าจะมากับคนแบบนั้นได้ไง” ปฏิเสธทันขวับ กลัวหวานยี่หวาเข้าใจผิด
“พี่ไม่ได้มากับเพื่อนน้องยี่หวาหรอกครับ พอดีพี่มาหาไอ้อิน” ว่าพลางหรี่ตามองคนตัวเล็กข้างกายภรรยาเพื่อนสนิท
“อ๋อค่ะ งั้นพี่ทัพรอแป๊บหนึ่งนะคะ พี่อินอยู่ในห้องทำงานคงจะใกล้ลงมาแล้ว”
“ครับ” เผยยิ้มอ่อนแก่หวานยี่หวา
“รีบไปกันเถอะยี่หวา ลูกหว้าไม่อยากอยู่ตรงนี้” กระซิบบอกเพื่อน ปรายตามองคนตัวโตด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ขอตัวก่อนนะคะ” จบคำพูดหวานยี่หวาถูกลูกหว้าลากไปยังสวนหลังบ้านที่เป็นสวนดอกไม้และมีศาลาไว้สำหรับผ่อนคลาย
ลูกหว้าไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังจากนั่งเธอถอนหายใจทิ้งหลายรอบ
“เป็นอะไรเหรอลูกหว้า” ท่าทางของเพื่อนอดไม่ได้จะเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“มีเรื่องนิดหน่อย” เอียงศีรษะซบหัวไหล่มนของหวานยี่หวา ปลดปล่อยใจให้ผ่อนคลายกับบรรยากาศรอบกาย สายลมพลิ้วเย็นสบาย
“ระบายมาเถอะลูกหว้า อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย”
ผงกหัวมองหวานยี่หวา เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง
“มีอะไรให้ยี่หวาช่วยไหม” ถามด้วยความห่วงใยหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบ
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณที่รับฟังพอได้ระบายก็ดีขึ้นแล้ว” ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย เธอไม่ปรารถนาให้เพื่อนวุ่นวายใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่รับฟังก็ดีมากพอ
“ถ้ามีอะไรที่ยี่หวาช่วยได้บอกมาเลยไม่ต้องเกรงใจ” ว่าพลางกุมมือบางเพื่อนสนิท
“ขอบใจนะ” แค่หวานยี่หวาคอยรับฟังเท่านี้ก็ดีมากเหลือเกิน
“อืม”
“น้องภูมิอยู่ไหน” เธอหมายถึงลูกชายหวานยี่หวาซึ่งหญิงสาวมักจะมาเล่นด้วยเป็นประจำเวลาเหงา
“หลับ”
“ว้า…เสียดายจังเลย คิดถึงหลาน”
“ว่าแต่ลูกหว้าเถอะเมื่อไรจะมีแฟนสักที” เหลือบมองใบหน้าลูกหว้าเพื่อสังเกตปฏิกิริยา
“จริง ๆ ลูกหว้าเริ่มออกเดตหลายรอบแล้วแหละ แต่ไม่ได้เลยสักคนมีแต่อะไรไม่รู้” ส่ายหัวไปมาอย่างผิดหวัง
“พี่ทัพล่ะไม่สนใจเหรอ จีบลูกหว้ามานานแล้วนะ”
“เหอะ! ถ้าเป็นเขาคนนั้นลูกหว้าขออยู่คนเดียวดีกว่า เขาเจ้าชู้นะยี่หวาดูไม่ออกเหรอ” สบตาหวานยี่หวาอย่างเค้นคำตอบ
“ไม่รู้สิ พี่ทัพก็ดูไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะ” ทำท่าครุ่นคิด
“ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว” เธอรีบตัดบท ไม่อยากนึกถึงผู้ชายเจ้าชู้คนนั้นพานอารมณ์เสียเปล่า ๆ
ทั้งคู่คุยเล่นพักหนึ่งก่อนลูกหว้าขอตัวกลับไปดูร้านกาแฟต่อ แต่ระหว่างนั้นบังเอิญเจอกับกองทัพเดินออกมาจากบ้านพอดีเตรียมจะขึ้นรถ หญิงสาวสบตาเขาแวบหนึ่งแล้วหันไปทางอื่น จากนั้นขึ้นรถจากไปอย่างไวไม่แม้เหลียวหลังมองเขาสักนิด
“วันนี้เท่านั้นที่ผมจะยอมปล่อยคุณไป” จ้องรถคันหรูค่อยลับหายไปเรื่อย ๆ
วันต่อมา
ร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตสีหวาน กระโปรงสอบเหนือหัวเข่า มัดผมหางม้ากำลังแหงนหน้ามองโรงแรมแห่งหนึ่งตามโลเคชั่นที่มารดาส่งในเมื่อคืน
“ที่นี่เหรอ” เสียงหวานพึมพำ มองดูภาพถ่ายในโทรศัพท์สลับมองตึกสูงเบื้องหน้าเนื่องจากสถานที่จริงค่อนข้างหรูหราทีเดียว
หญิงสาวรวบรวมความกล้าเข้าข้างใน ตรงไปหาประชาสัมพันธ์
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาหารองประธานค่ะ”
“คุณลูกหว้าหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ”
“เชิญทางนี้ค่ะ ดิฉันจะเป็นคนนำทางไปเอง” ประชาสัมพันธ์สาวเชื้อเชิญให้หญิงสาวเดินตามหลังเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน ก่อนพาไปหยุดยังห้องหนึ่ง
ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะท่านรอง ดิฉันพาคุณลูกหว้ามาพบ”
“เชิญ” คนภายในห้องตอบรับเพียงสั้น ๆ
“เข้าไปเถอะค่ะคุณลูกหว้า” เปิดประตูให้คนตรงหน้าพลางผายมือเชิญ
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อรวบความมั่นใจ จากนั้นย่างกรายเข้าไปหยุดกลางห้อง
“สวัสดีค่ะ ฉันลูกหว้าที่จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยคุณ” ไม่รอช้าแนะนำตัวกับอีกฝ่าย
“เจอกันอีกแล้วนะครับคนสวย”
“คุณ!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อคนที่เงยหน้าจากเอกสารคือใคร เธอตั้งสติได้เตรียมหมุนตัวออกจากห้องแต่ช้าไปกว่ากองทัพคว้าข้อมือเล็กและรวบเธอเข้าสู่วงแขน
“ปล่อยนะ” กำปั้นน้อยทุบแผงอกล่ำสัน แรงอันน้อยนิดไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านใด ๆ หนำซ้ำยังกระชับกอดเธอ
“จะมาเป็นผู้ช่วยผมไม่ใช่เหรอ” ส่งยิ้มยียวนแก่คนตัวเล็กอย่างผู้ชนะ
“คุณรู้เหรอว่าฉันจะมาเป็นผู้ช่วย”
“อืม”
“ฉันขอปฏิเสธ” รวบแรงทั้งหมดผลักอกแกร่ง อาศัยจังหวะเขากำลังเซจับลูกบิด ขณะจะเปิดประตูออกกองทัพปิดประตูก่อนกดล็อกทันที
“นี่คุณ!!” มองค้อนใส่คนตัวโต
“อย่าใช้อารมณ์สิ เรามาคุยกันดี ๆ เถอะ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“ลืมไปแล้วเหรอ มาที่นี่ทำไม”
ถ้อยคำของชายหนุ่มส่งผลให้ลูกหว้าชะงัก เธอเพิ่งตระหนักได้ตัวเองมาที่นี่เพื่อมาทำงานเป็นผู้ช่วยเขา เพราะครอบครัวติดหนี้
“ไปนั่งเถอะ”
“อืม” เงยหน้ามองคนตรงหน้าแวบหนึ่ง แล้วตอบตกลง
กองทัพถือวิสาสะจูงข้อมือเล็กให้เดินตามหลังไปนั่งยังโซฟารับรองแขก
“หลังจากวันนี้คุณต้องมาเป็นผู้ช่วยผม คุณคงรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม” ว่าพลางชำเลืองมองคนตัวเล็ก
“ค่ะ”
“งั้นก็เริ่มงานตั้งแต่พรุ่งนี้เลย”
“ค่ะ”
“เป็นอะไร” คิ้วดำดกเลิกขึ้นเชิงสงสัยในท่าทีของลูกหว้า เธอคงไม่อยากทำงานกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ
“เปล่าค่ะ” ต่อให้มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ เขาก็ไม่จำเป็นต้องมารับรู้หรอก เรื่องของเธอ เธอจัดการเอง
“ไม่ชอบผมขนาดนั้นเลย” เหลือบมองหน้าสวยหวาน
“รู้แล้วจะถามอีกทำไม” คราวนี้เธอมองเขาแบบไม่หลบสายตา
“แต่หลังจากนี้ผมจะเป็นเจ้านายของคุณแล้วนะครับ ต่อให้คุณไม่ชอบยังไงเราต้องทำงานร่วมกันอยู่ดี”
“ที่นัดมาคุยเพราะเรื่องแค่นี้ใช่ไหม งั้นขอตัวก่อนละกัน” เธอไม่อยากอยู่นาน ประเดี๋ยวคงได้ปะทะคารมกับเขาไม่เลิกราจึงรีบชิงหนีดีที่สุด
“เดี๋ยวก่อนสิ” คว้าท่อนแขนเธอพร้อมออกแรงกระชาก จนเธอล้มเซนั่งบนตักเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ทำบ้าอะไรของคุณ!” จ้องเขม็งอย่างไม่พึงพอใจ “ปล่อยสิ” พยายามดิ้นสุดฤทธิ์
“ทำไมดื้อจัง”
“เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ ปล่อย!!”
“เถียงเก่งซะด้วย” ท่าทางของคนบนตักทำเอาอดไม่ได้จะเผยยิ้ม
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
“หัวใจของคุณให้ผมได้ไหม” วาจาของกองทัพส่งผลให้หญิงสาวอึ้ง ใจสาวเต้นตึกตักราวกับจะปะทุออกนอกอก
“พูดบ้าอะไรของคุณ” เธอผลักเขาก่อนกระโดดลงจากตักแกร่งและรีบออกจากห้อง
“น่ารักจังเลย” มองตามหลังคนวิ่งออกจากห้องพลางส่ายหัวไปมา เขาไม่รู้สักนิดกำลังยิ้มให้กับพฤติกรรมของลูกหว้า
