บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ถึงเวลาทำหน้าที่ ‘เมีย’

อาหารมื้อเที่ยงถูกส่งเข้ามาในวิลล่า พนักงานรีสอร์ตทำหน้าที่ตัวเองเสร็จก็ออกไปกันหมด ถึงแม้จะสงสัยว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้คือใคร แต่ด้วยตำแหน่งงานแล้วทำได้แค่เก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจแล้วรอโอกาสตอนรวมตัวหลังเลิกงานเพื่อซุบซิบเรื่องเจ้านาย

แขกแปลกหน้าอย่างเธอที่ไม่คุ้นชินกับสถานที่ต้องนั่งหงอยคนเดียวตามลำพัง อยากจะออกไปเดินเล่นก็กลัวเจ้าของจะดุ เลยต้องนั่งซึมที่ระเบียงหลังบ้าน มองสายน้ำลำธารไหลผ่านไป จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงแล้วเจ้าของรีสอร์ตก็ยังไม่กลับเข้ามา

น้ำพั้นช์ตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดสบาย ๆ แทนการใส่กางเกงยีนส์เพราะเริ่มจะอึดอัดกับการใส่ติดต่อกันครึ่งวันแล้ว เธอเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดสีขาวหลวม ๆ กางเกงผ้าสีดำขาสั้น รวมผมไว้กลางศีรษะ ปล่อยผมหน้าม้าด้านหน้า จากนั้นก็มานั่งลานโซฟาหลังบ้านเหมือนเดิม เปิดโน้ตบุ๊กเล่นเกมส์ไปพลาง ๆ

จนกระทั่งมีสายเรียกเข้าจากพวกเพื่อน ๆ น้ำพั้นช์จึงเปิดวีดีโอคอลแก้เหงาดีกว่าหายใจทิ้งไปเปล่าประโยชน์

(พี่ชายแกรีบมารับกลับไวเวอร์! ฉันยังไม่ทันกลับห้องเลย) ต้นหลิวบ่นทันทีที่หน้าจอโชว์หน้าเพื่อน ๆ ครบทั้งแก๊ง

(นั่นดิ นี่ก็เพิ่งสร่างเมา ยัยพั้นช์ก็ต้องกลับแล้ว) ปาร์ตี้บ่นต่อ

“ขอโทษ~ ฉันเองคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณ…เอ่อ..พี่ทิวาจะมารับแต่เช้า” น้ำพั้นช์ไม่กล้าเรียกทิวาว่าคุณเพราะกลัวจะผิดปกติ กลัวว่าเพื่อนจะสงสัยความเป็นพี่น้องกัน

(เพราะแกคนเดียวเลยไอ้วิน ฉันเลยอดเห็นหน้าหล่อ ๆ พี่ชายยัยพั้นช์) ต้นหลิวแหวเสียง ย่นจมูกใส่หน้าจอด้านข้างที่เป็นนาวิน

(โทษฉันได้ไง แกตื่นสายเองนะเว้ย) นาวินเถียงกลับทันควัน ถึงแม้จะแอบชอบเพื่อนอยู่ แต่การพูดคุยกันก็ยังไม่มีอะไรผิดสังเกตเกินคำว่าเพื่อน

(เพราะแกนั่นแหละ แดกเหล้าไม่ดูสังขารตัวเอง เป็นฉันทุกทีที่ต้องลำบาก รู้งี้ทิ้งให้นอนกับหมาหน้าร้านไม่ลากให้มาเถียงฉันฉอด ๆ แบบนี้หรอก)

(กล้าเหรอวะ…) นาวินเองไม่ยอมแพ้ คิดคำจะเถียงกลับ แต่ต้องหยุดนิ่งเพราะโดนห้ามทัพซะก่อน

(พอ ๆ เลยทั้งคู่ เถียงอยู่ได้ ฉันรำคาญ!)

“ฮึ!” น้ำพั้นช์หัวเราะ ชินชากับสถานการณ์นี้ดี

(ว่าแต่แกอยู่กับใครอะ) ปาร์ตี้ถามอย่างอย่างรู้ ชะโงกหน้าดูด้านหลังน้ำพั้นช์ ทว่ากล้องจับภาพแค่มุมแคบ เห็นเพียงหน้าของเพื่อนและหมอนรองศีรษะเท่านั้น

“อยู่คนเดียว”

(แล้วพี่แกล่ะ) ต้นหลิวดี๊ด๋าใหม่อีกครั้ง

(อย่าแรดให้มันมาก) ก่อนที่นาวินจะด่ากลับมา

(ไอ้วิน!)

(หยุดเลยพวกแกสองคน ถ้าไม่หยุด ฉันจะเตะออกจากแชท ให้ไปเถียงกันสองคน…)

(ไอ้วิน! มึงหุบปากไปเลย) ต้นหลิวชิงพูดก่อน (ตกลงพี่ไปไหน ทำไมปล่อยให้น้องสาวอยู่คนเดียวยะ)

“ฉันโตแล้วนะ ทำไมจะอยู่คนเดียวไม่ได้” น้ำพั้นช์เอ่ยไปอย่างงั้นเพราะเธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไร อยู่ที่ไหน

(แต่แกอยู่รีสอร์ตไม่กลับกรุงเทพก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้แวะไปหาแกที่รีสอร์ตได้ตลอดไง) คนในพื้นที่อย่างต้นหลิวดีใจที่สุดที่รู้ว่าเพื่อนสนิท เรียนจบแล้วจะไม่ห่างหายกันไป

(ฉันสิ เรียนจบไม่รู้ต้องกลับบ้านไปหางานแถวบ้านหรือกรุงเทพดี) กลายเป็นปาร์ตี้ที่ต้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย กระพริบตาน่าสงสาร

(แกไปสมัครงานที่รีสอร์ตยัยพั้นช์สิ ไม่ต้องกลับบ้าน กลับไปก็หางานยาก รีสอร์ตยัยพั้นช์เพิ่งเปิดได้ไม่นานน่าจะมีตำแหน่งว่าง) ต้นหลิวเสนอแนะ (ฉันจะไปสมัครงานที่นั้นด้วย พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันไง)

(งั้นฉันไปด้วย) นาวินรีบพูดขึ้นบ้าง

(เดี๋ยว! ไอ้วิน แกจะมาสมัครทำไมวะ บ้านแกก็มีกิจการ อยู่ทำงานที่บ้านไปสิ)

(พูดอย่างกะตัวเองไม่มีกิจการที่บ้านรองรับ แกคิดว่าป๋าแกจะให้มาทำงานที่รีสอร์ตเหรอไอ้หลิว) คราวนี้เป็นนาวินที่พูดถูก ตรงประเด็นที่สุด

(เอาน่า เรื่องนั้นค่อยว่ากัน แต่พรุ่งนี้เราไปสมัครงานที่รีสอร์ตยัยพั้นช์ เตรียมตัวเลยยัยตี้)

เพราะมีแค่ปาร์ตี้เท่านั้นที่ที่บ้านไม่ทำธุรกิจ เนื่องจากพ่อแม่เป็นข้าราชการ หากกลับบ้านไปก็คงต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบบรรจุราชการ

(โอเค แกบอกพี่ชายให้หน่อยน่า~) ปาร์ตี้หันมาอ้อนวอนน้ำพั้นช์ทันที

“คือว่า…” ความหนักใจมาอยู่ที่น้ำพั้นช์เต็ม ๆ จะบอกเพื่อนยังไงดีล่ะว่านี่ไม่ใช่กิจการครอบครัวของเธอ เธอเป็นเพียงผู้อาศัยเท่านั้น จะบอกความจริงเรื่องนี้มันก็ไม่ลำบาก ถ้าหากมีความจริงอีกด้านต้องปิดไว้

(ตกลงตามนี้นะยัยพั้นช์์) ปาร์ตี้ย้ำอีกครั้ง

“คือว่า…” น้ำเสียงหวานติดขัดพูดไม่ออก

(อะไรของแก จะพูดอะไรก็พูดมา)

“พวกแกอยากทำงานโรงแรมเหรอ”

(เฉย ๆ แกอยากอยู่กับพวกแก)

“งั้นไปทำโรงแรมที่กรุงเทพดีไหม น่าจะมีตำแหน่งว่างเหมาะกับเรา”

(อ้าว แล้วที่นี่ล่ะ เพิ่งเปิดใหม่ทำไมแกไม่…)

“ตกลงตามนี้น่ะ แค่นี้ก่อนนะพวกแก ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว เรื่องงานฉันจะติดต่อกลับไป”

น้ำพั้นช์ถอนหายใจบางเบากับสิ่งที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้า เธอต้องรับมืออย่างไรดี ไม่ให้เสียเพื่อนและไม่ให้เดือดร้อนถึงใครบางคน แต่ทว่าใบหน้าหวานต้องเงยหน้าละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเมื่อรู้สึกถึงการจับจ้องจากด้านหลัง

ดวงตากลมโตสบตาคมอย่างนิ่งชะงัก เขามองกลับมา มองแววตาที่แปรเปลี่ยนไปทุกที จากเด็กสาวสดใส กลายเป็นผู้หญิงเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ไม่ใช่ตัวตนของเธอ เพราะน้ำพั้นช์จะแสดงท่าทีพวกนี้เฉพาะเขาเท่านั้น

แล้วมาดูกันว่าจะเย็นชาใส่เขาได้นานแค่ไหนกัน

“เพื่อนอยากทำงานที่นี่เหรอ”

“คุณทิวา”

“พี่ถาม!?” ร่างสูงยืนกอดอกพิงประตู กดเสียงทุ้มให้ต่ำเพื่อให้อีกฝ่ายตอบให้ตรงคำถาม

“ค่ะ แต่พั้นช์จะชวนเพื่อนไปทำที่โรงแรมคุณลุงทศ”

“ที่นี่ยังพอมีตำแหน่งว่าง พรุ่งนี้ให้เพื่อนมายื่นใบสมัครสิ” เอ่ยจบเขาก็หมุนตัวกลับเข้าวิลล่า ปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งหน้าเหวอกับสิ่งที่เขาเพิ่งบอก

“คุณทิวาคะ” น้ำพั้นช์ปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วรีบวิ่งตามเข้าไปในวิลล่า

“ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าพั้นช์ควรเรียกพี่ว่าพี่ แต่เอาเถอะอยากเรียกอะไรก็เรียก พี่จะไม่บังคับพั้นช์”

“ค่ะ แต่พั้นช์ไม่รบกวนคุณทิวาเรื่องงานหรอกนะคะ พั้นช์กับเพื่อน ๆ จะไปทำงานที่โรงแรมคุณลุง”

“พั้นช์อย่าทำให้มากเรื่องได้ไหม พี่ไม่เข้าใจความคิดพั้นช์เลยว่าต้องการอะไรกันแน่ เมื่อก่อนก็เห็นดี ๆ อยู่หรอก แต่พอออกนอกบ้านก็เปลี่ยนเป็นคนละคนหรือคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว จะทำอะไรก็ได้” ทิวาตอกกลับเป็นชุด ๆ ไม่เว้นวรรคให้น้ำพั้นช์ได้เถียงกลับ

“พั้นช์มากกว่าที่ควรถามคุณ คุณทิวาต้องการอะไรกันแน่” ทีเมื่อก่อนรังเกียจไม่อยากจะเข้าใกล้ แต่มาตอนนี้กลับมาทำดี ดึงเธอเข้าไปในชีวิต

“พี่อยากให้พั้นช์ทำหน้าที่ตัวเอง…” ทิวาไม่เชื่องช้าอีกต่อไป บอกจุดประสงค์ของตัวเองทันที

“เดี๋ยวนะคะ ทำหน้าที่ตัวเองหมายถึงอะไรเหรอคะ” ใบหน้าหวานเงยไปสบตาอย่างรอคำถาม หัวใจดวงน้อยที่ไม่ได้ไร้เดียงสาจนเกินไป เริ่มจะเต้นแรงผิดจังหวะ

“เราจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หน้าที่ของพั้นช์คืออะไรล่ะ” เขาย้อนถาม

“แต่เมื่อก่อนคุณทิวาไม่ได้เต็มใจ”

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พั้นช์ควรทำหน้าที่ตัวเองสักที”

น้ำพั้นช์ตัวชา ยืนเงียบ เขาต้องการอะไรกัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เธอชักจะเดาไม่ถูกแล้ว ไหนบอกว่าอยากได้อิสระ อยากเจอผู้หญิงที่ถูกใจไง แล้วทำไมถึงไม่ยอมจบ

“เริ่มคืนนี้เลยเป็นไง”

“พั้นช์…”

“พั้นช์ยื้อมาสี่ปีแล้ว พี่จะไม่ยอมเสียเปรียบอีก”

ที่แท้ก็เพราะเขาคิดทุกอย่างเป็นธุรกิจ เลยไม่ยอมขาดทุนหากจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel