บท
ตั้งค่า

บทนำ

บทนำ

สวิตช์ไฟภายในห้องทำงานกว้างของบริษัทโรเบตาร์ ฟาร์มาซี บริษัทผลิตยาและอุปกรณ์การแพทย์รายใหญ่ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ถูกดับลงด้วยฝีมือของเจ้าของร่างสูงใหญ่ภูมิฐานในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสแลค มือข้างหนึ่งเกี่ยวเอาสูทสีเทาพาดบ่า เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูลงกลอนอย่างหนาแน่น หลังจากใช้มันทำงานมาติดต่อกันมากกว่าสิบสองชั่วโมงตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้ว แต่ดูเหมือนว่าความเหนื่อยล้าจากการทำงานจะไม่มีผลอะไรต่อชายหนุ่มเลยสักนิด เมื่อเขาคิดว่ากลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ เขาก็จะเข้าไปนั่งในห้องทำงานที่บ้านและสะสางงานที่คั่งค้างต่ออีกสักสองสามชั่วโมง

แฟรงคลิน โรเบตาร์ ยืนรอลิฟต์อยู่ครู่ใหญ่ เจ้ากล่องเคลื่อนที่นั้นก็เคลื่อนจากชั้นล่างสุดมายังชั้นที่เขาใช้ทำงาน ร่างสูงก้าวเข้าไปในลิฟต์และกดเลขชั้นที่ต้องการก่อนจะเอนหลังพิงผนังอย่างสบายอารมณ์ ดวงหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วเข้มหนาพาดเฉียงกับนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวที่ดูแล้วช่างมีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย โดยเฉพาะกับบรรดาสาวๆ ในวงสังคมไฮโซที่ต่างรู้กันดีว่าถ้าจัดอันดับตระกูลที่รวยที่สุดของประเทศแล้ว ตระกูลของชายหนุ่มก็คือที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยฐานะทางการเงิน ชาติตระกูล ความสามารถ และเครื่องหน้าที่เรียกว่าเทพเจ้ารังสรรปั้นแต่งมาได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม แฟลงคลิน โรเบตาร์ จึงก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุดและเป็นผู้ชายในฝันหรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ ‘สามีมโน’ ของบรรดาสาวๆ แทบจะทุกเพศทุกวัย

ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเมื่อมันเคลื่อนตัวมาถึงชั้นของลานจอดรถของบริษัท และเมื่อก้าวเท้าออกจากลิฟต์ แฟรงคลินก็พบกับยานิส ลูกน้องคู่ใจที่ถือว่าเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ และทั้งบอดี้การ์ดส่วนตัวเลยก็ว่าได้ยืนรอรับเขาอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มกว้างตามประสาคนขี้เล่นและไม่ค่อยจะมีเรื่องเครียดอะไรในสมองสักเท่าไหร่นัก ผิดกับเจคอบ บอดี้การ์ดคนสนิทอีกคนลิบลับที่เขากับยานิสแอบตั้งฉายาให้ว่า ‘เสือยิ้มยาก’ และเวลานี้เสือยิ้มยากก็ยืนรอเขาอยู่หน้ารถเรียบร้อยแล้ว

“พรุ่งนี้เราต้องเข้าประชุมกับทางโรงพยาบาลรัฐเรื่องการวิจัยยาป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ใช่มั้ย” แฟรงคลินเอ่ยถาม สองเท้าก็ยังคงก้าวไปยังรถยนต์คันหรูซึ่งเจคอบสตาร์ทเครื่องรอไว้อยู่แล้ว

“ใช่ครับ และช่วงบ่ายสามเราก็มีประชุมประจำเดือนกับฝ่ายการตลาด” ยานิสตอบเสียงเรียบทว่าดวงหน้าทะเล้นนั้นยังคงยิ้มละไมขณะเปิดประตูเบาะหลังรถให้เจ้านายเข้าไปนั่ง ส่วนเขาก็เดินอ้อมมานั่งที่เบาะหน้ารถข้างๆ เจคอบที่ขับเคลื่อนรถออกทันที

มีเจ้าพวกนี้เป็นบอดี้การ์ดก็ดีอย่าง ได้ทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้อง ทั้งคนขับรถ และเลขาส่วนตัว ทั้งที่เขาก็มีเลขาอยู่แล้ว แต่เลขาจริงๆ ของเขาน่ะหรือก็มีหน้าที่แค่จดรายงานการประชุมแทนเจ้ายานิสกับเจคอบเท่านั้น เพราะสองคนนี้งานละเอียดแบบนั้นมันไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่...

“ประชุมอีกแล้วหรือ นี่ตกลงอาทิตย์นี้ฉันต้องประชุมติดกันทุกวันเลยใช่มั้ย” คนเป็นนายบ่นเบาๆ แต่มันก็เรียกรอยยิ้มจากมุมปากของสองลูกน้องหนุ่ม ด้วยรู้ดีว่าแฟรงคลินก็บ่นไปอย่างนั้นแหละในเมื่อชายหนุ่มเป็นคนสั่งการให้มีประชุมเอง

“ทำไงได้ล่ะครับ ก็นายเป็นคนสั่งประชุมเองนี่นา นี่อาทิตย์หน้าก็มีประชุมกับทางฝ่ายวิจัยยาอีกนะ” เจคอบที่เรียกว่าเป็นคนพูดน้อยที่สุดก็ยังไม่วายกระเซ้าทั้งยังเลิกคิ้วสูงใส่ตาขุ่นๆ ของเจ้านายผ่านทางกระจกหลังรถอีกต่างหาก

“ที่น่าเห็นใจไม่ใช่นายเท่านั้นนะ คุณเคที เลขาคนสวยของนายก็น่าสงสาร นี่วันนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ขนาดผมทักก็ยังแทบไม่เงยหน้ามองเลย” ยานิสทำปากคว่ำขณะที่อีกสองหนุ่มพากันหัวเราะในความกะล่อนของบอดี้การ์ดหนุ่ม แฟรงคลินน่ะอยากจะสวนกลับเหลือเกินว่าที่เคที เลขาของเขาไม่ค่อยจะพูดคุยกับยานิสเท่าไหร่ ไม่ใช่เป็นเพราะงานยุ่งหรอก แต่เป็นเพราะเหตุผลที่คุณเลขาแอบกระซิบบอกเขามากกว่า

“คุณยานิสน่ะหรือคะ ไม่เอาหรอกค่ะ เมื่อสองวันก่อนยังเห็นควงเด็กแผนกบัญชีไปทานข้าวกระหนุงกระหนิงอยู่เลย เจ้าชู้อย่างนี้ดิฉันขอบายค่ะ”

...ไอ้หมอนี่มันทำตัวเป็นเสือผู้หญิง แต่ถูกหญิงปฏิเสธทางอ้อมแล้วยังไม่รู้ตัวอีก...

“อ้อ...มะรืนนี้นายจะต้องไปประชุมกับโรงพยาบาลเมดิคอล เฮลท์ ของคุณไฮสันด้วยนะครับ อย่าลืม” เจคอบที่กำลังเหยียบเบรกรถเพื่อหยุดจอดรอสัญญาณไฟเอ่ยเตือนความจำ และอีกครั้งที่เขาลอบสบตาแฟรงคลินผ่านกระจกด้วยสายตาที่ผู้เป็นนายรู้ดีว่าลูกน้องมีนัยยะอะไรแอบแฝงในคำพูดนั้น และนัยยะนั้นก็ถูกเฉลยด้วยน้ำเสียงกึ่งๆ สยองของยานิสว่า

“แหม...อย่างนี้คุณเฮเลนา ลูกสาวของคุณไฮสันก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารอนายเลยสิครับ เฮ้ยเจค งานนี้แกไปกับนายแล้วกันนะ ฉันจะอยู่ดูแลงานทางนี้ให้เอง” พอได้ทีก็โยนกลองให้เพื่อนทันทีจนเจคอบถึงกับตาขวางและออกแรงกระชากรถเหยียบคันเร่งจนยานิสหน้าแทบกระแทกคอนโซลหน้ารถอย่างหมั่นไส้

ก็จะไม่ให้หมั่นไส้ได้ยังไงล่ะในเมื่อไอ้ยานิสมันหนีเอาตัวรอดเห็นๆ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ไอ้หมอนี่มันโยนเวรมาให้เขา แต่ทุกครั้งที่แฟรงคลินจะต้องเดินทางไปประชุมกับผู้บริหารของโรงพยาบาลเมดิคอล เฮลท์ โรงพยาบาลเอกชนที่แฟรงคลินมีหุ้นส่วนและเป็นผู้ให้งบประมาณสนับสนุนในการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เหตุผลน่ะหรือก็คงเป็นเพราะคุณหนูเฮเลนา ลูกสาวของไฮสัน ที่มักจะตามติดเจ้านายของเขาแจจนบางครั้งก็พาให้ใครต่อใครเข้าใจผิดคิดว่าคุณเธอคือว่าที่ภรรยาของแฟรงคลิน ในขณะที่แฟรงคลินเองก็ไม่ยอมออกมาแก้ข่าวใดๆ ด้วยคิดว่าเรื่องไม่จริง สักวันคนเขาก็จะรู้เอง แต่ดูเหมือนยิ่งปล่อยไว้คุณเธอก็จะยิ่งได้ใจถึงขนาดตามราวีผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาติดพันชายหนุ่ม จนเจ้านายของเขาก็มีทีท่าเมือนจะรำคาญและเริ่มจะตีตัวออกห่างหรือจะพูดภาษาปากก็คือ ‘เขี่ยทิ้ง’ นั่นแหละ

“พวกนายจะอะไรกันนักหนา เดี๋ยวพอเข้าห้องประชุม เฮเลนก็มาวุ่นวายไม่ได้แล้ว ประชุมเสร็จก็รีบกลับ ไม่เห็นยาก” แฟรงคลินกล่าวอย่างตัดปัญหาอย่างเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องทั้งสองดี ตาคมกล้าสีฟ้าอมเขียวทอดสายตามองไปนอกหน้าต่างรถชมทิวทัศน์บนท้องถนนยามค่ำคืนที่ทุกอย่างเงียบสงบ น้อยนักที่จะมีรถสักคันขับผ่านมา แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น แฟรงคลินนิ่วหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยิบมือถือรุ่นล่ามาดูว่าใครโทรมาและกดรับเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานี้คือแอนนิต้า อดีตเด็กกำพร้าที่เขาเคยให้เงินทุนสนับสนุนการศึกษาจนทุกวันนี้เรียนจบทำงานทำการจนกลายเป็นรองผู้จัดการผับไรซ์ดร้า ผับชื่อดังในแวดวงสังคมไฮโซ “ว่าไงแอนนี่”

“คุณแฟรงค์คะ ยัยลิต้าแย่แล้วค่ะ!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel