EP 5
“ห้องน้ำอยู่หลังกระท่อม แยกออกไป แต่ไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
“เซี่ยเซี่ย...”
เธอกล่าวขอบคุณ พร้อมส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ยังทำหน้านิ่งไม่ยิ้มตอบ เมื่อเห็นเธอไม่ได้ถามอะไรเขาแล้ว เขาก็เดินออกไปง่ายๆ ทำเอาหญิงสาวอ้าปากค้าง
“คุณจาง...คุณจะกลับเลยหรือคะ?”
เขาหันกลับมามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อยากให้ผมอยู่ต่องั้นเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง แต่เราจะไม่ทำความรู้จักกันหน่อยเหรอคะ”
“ถ้าผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ผมจะมาเอง คุณไม่ต้องเรียกร้องหรอก”
เขาพูดเสียงเรียบ แววตานิ่งไม่หวั่นไหว หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว บอกไม่ถูกว่าอับอายหรือโกรธกันแน่
อันที่จริงเธอเองก็อยากจะงีบสักพัก เพราะตลอดการเดินทางที่นั่งรถมากับเขา เขาเงียบขรึมจนเธอแอบนึกกลัว แต่เมื่อเดินหน้าแล้ว ย่อมไม่ถอยเด็ดขาด เขาพาเธอมาทิ้งไว้ที่นี่ก็ดี ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก ขอเพียงทุกอย่างเป็นไปตามสัญญาเท่านั้น เหลียนฮัวหยิบยาคลายเครียดออกมากินแล้วล้มตัวลงนอน ภาวนาว่าเหตุการณ์ภายหน้ามันต้องดีขึ้น
“วันนี้ พระจันทร์เต็มดวง ไปเดินชมจันทร์กันดีกว่า”
เสียงกระซิบกระเส่าข้างหู ทำให้หญิงสาวที่นอนหลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
“ผมเอง....”
ริมฝีปากที่เริ่มมีเคราระคายผิวเลื่อนแนบมาที่ใบหน้านุ่มแล้วจูบเบาๆ
“ฉันเผลอหลับไปน่ะค่ะ”
เหลียนฮัวขยับลุกแล้วเลื่อนมือจะเปิดโคมไฟ แต่มือของเหว่ยจางเร็วกว่า เขาคว้ามือเธอเอาไว้แล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อย เธอก็ลุกขึ้นยืนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไปเดินเล่นข้างนอกกัน”
ชายหนุ่มเดินจูงมือเหลียนฮัวออกไปรับอากาศที่กำลังเย็นสบาย แสงจันทร์กระจ่างลบแสงดาวออกไปจนหมด ไร่ชาที่ปลูกเป็นทิวเนินเขาสูงๆ ต่ำๆ มองไกลสุดตา เขาสูดอากาศเข้าปอดแล้วหลับตาแหงนหน้ายิ้มรับแสงจันทร์ในค่ำคืน เหลียนฮัวหันมองเขาแล้วอดเคลิ้มไม่ได้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตรงหน้านี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
เหว่ยจางซึมซับอากาศบริสุทธิ์แล้วก็ลืมตาหันมามองใบหน้าที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว
“คุณมองผมนานแล้วนะ ไม่เบื่อเหรอ?”
“เอ้อ...”
เหลียนฮัวเก้อไปในทันทีที่ถูกทัก เธอทำหน้าไม่ถูกได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วหันมองไปทางอื่น
“อากาศดีนะคะ ถ้าหนาวกว่านี้ฉันคง....นอนขดตัวอยู่ในห้องดีกว่า
“ถึงจะหนาวกว่านี้ ผมก็ไม่ยอมให้คุณขดตัวอยู่ในห้องหรอก เพราะผมทำให้คุณอุ่นได้”
หญิงสาวก้มหน้าลงเขินๆ เมื่ออรู้ความนัยของชายหนุ่ม สายตาคมกริบกวาดมองเรือนร่างอวบอิ่มที่อยู่ภายใต้เสื้อโค้ท ตัวยาว ซึ่งเขารู้ดีว่าภายใต้เสื้อโค้ทนี้ เป็นเสื้อยืดบางเบาเท่านั้น และท่าทีเธอตอนนี้เนื้อตัวคงร้อนผ่าวเพราะคำพูดของเขา เขาเลื่อนมือไปแตะที่ขอบเสื้อโค้ทตัวหนา เหลียวฮัวขยับถอยหนี
“จะทำอะไรคะ?”
“ไม่หนาวหรอก ถอดเสื้อดีกว่า”
ทันทีที่เสื้อโค้ทตัวใหญ่หลุดร่วงออกจากตัว เรือนร่างอวบอัดใต้เสื้อยืดตัวเล็กก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของชายหนุ่ม
“นึกอยู่แล้ว.....”
“ฉัน...ไม่คิดว่าจะต้องถอดโค้ท เลยไม่ได้ใส่อะไรให้รัดกุมกว่านี้” เหลียนฮัวพูดอ้อมแอ้ม แล้วก้มลงจะหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวม แต่เหว่ยจางรั้งไว้
“ไม่ต้องหรอก....ยังไงก็ต้องถอดอยู่แล้ว”
“คะ?”
เขาไม่ทวนคำ แต่กลับคว้ามือของเธอออกเดินไปด้วยกัน
“ลมเย็นจังเลย”
เหลียวฮัวสวมเพียงเสื้อยืด ทำให้เธอหนาวจนสะท้าน นึกหงุดหงิดที่เขาถอดเสื้อโค้ทเธอ แต่จะขัดขวางเขาได้ยังไง ในเมื่อเธอรับหน้าที่มาบำเรอเขา
“เดินไปอีกนิด เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
เหว่ยจางรั้งร่างกลมกลึงมากอด แล้วก้มลงมองด้วยสายตาเสน่หา
“หายหนาวหรือยัง?”
หญิงสาวพยักหน้ารับ แม้จะยังหนาวอยู่ แต่ไออุ่นของเขาที่ส่งมาหาก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เหว่ยจางจูงมือหญิงสาวเดินไปกลางไร่ชาที่กว้างใหญ่ มองเห็นบ้านเรือนของผู้คนอยู่ลิบๆ
“เรานั่งเล่นกันตรงนี้ดีกว่า”
เหว่ยจางชวนเธอนั่งตรงที่ว่างของเนินไร่ชาที่แสงจันทร์ส่องสว่างมองเห็นเนินเขาสลับซับซ้อน และกลิ่นดอกเหมยฮวาโชยชายเข้ามาเป็นระยะๆ ที่สำคัญบริเวณนั้นถูกปูด้วยผ้าผืนใหญ่หนานุ่มราวกับเตรียมไว้เพื่อเธอ
