เหมยกุ้ยฮวา ชายาซ่อนพิษ (玫瑰 公主隐藏毒药)

285.0K · จบแล้ว
Lin Mei Gui (琳玫瑰)
101
บท
329.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

​หากตามนิยายทั่วไปล้วนข้ามภพแบบไม่ทันตั้งตัว นี่คงเป็นนิยายสวนกระแส เพราะ เหมยกุ้ยฮวา เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เธอถูกเลี้ยงดูเยี่ยงสตรียุคโบราณ หลักสามเชื่อฟังสี่จรรยา ศาสตร์ศิลป์ทั้งสี่ พิณ หมาก อักษร วาดภาพ นางล้วนเชี่ยวชาญ เหมยกุ้ยฮวา คุณหมอสาวผู้สืบทอดคำสั่งจากบรรพบุรุษให้เตรียมตัวข้ามมิติเวลา เน้นย้ำต้องรักษาสกุลให้อยู่รอดปลอดภัย เธอถูกบังคับจับเรียนเยี่ยงสตรีโบราณ ยังดีที่ได้เรียนหมอสมใจ เฮอะ!!! ข้ามมิติเวลา นี่มันเรื่องเหลวไหลอะไรกัน แต่....ไอน์สไตน์ช่วยด้วย!!! .....ระหว่างขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาทำวิจัยเพื่อทำปริญญาโท เธอดันพลาดตกเขา แล้วข้ามมิติเวลามาได้จริง เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงหวังเพียงใช้ชีวิตให้ดี แต่งงานสืบสกุลตามคำสั่งบรรพบุรุษ ง่ายถึงเพียงนี้ ที่ใดกัน!!! เหตุใดยามข้ามเวลามาถึงจึงยากนักเล่า ด้วยร่างกายใหม่วัยเพียงห้าขวบปี ทั้งยังถูกมองว่าสติเลอะเลือน บุรุษวุ่นวาย สงครามดุเดือด เธอจะใช้ชีวิตสงบได้อย่างไร นี่มิใช่ทำร้ายกันเกินไปหรอกหรือ  จากเด็กน้อยเข้าสู่วัยสาว ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงตำแหน่ง สงครามระหว่างแว่นแคว้นที่ต้องการเพียงใช้ชีวิตอย่างสงบ กลับถูกใช้เป็นหมากทำร้ายผู้คนรอบตัวครั้งแล้วครั้งเล่า หากยังทำตัวสงบเสงี่ยมต่อไปจะมีชีวิตรอดเพื่อสืบสกุลได้อย่างไร เพื่อรักษาสกุลเจ้าของร่างให้อยู่รอด และสืบทอดสกุลเดิมตามคำสั่งบรรพบุรุษ เธอจึงเผยพิษที่เก็บซ่อนไว้  "แม้นหมอยาต่ำต้อยอย่างกระหม่อม มิอาจมีลมหายใจต่อไปได้ ขอเพียงพระองค์ทรงพระเมตตา ละเว้นคนที่เหลือ ชีวิตนี้ก็ไม่เสียดายแล้ว"  ลมสารทโชยฉ่ำชื่น จันทร์คืนสารทแสงเด่นงามใบไม้ร่วงสุมซ่านตาม ยามหนาวนกเนาหวาดบินสุดถวิลจะพบกันวันใดเล่า ยามราตรีนี้สิเศร้าสุดจินต์  นิยายเรื่องนี้ แต่งตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่อิงประวัติศาสตร์ ไม่อิงสถานที่จริง ใช้ความชอบส่วนตัวล้วนๆสำนวน คำ อาจไม่สละสลวย ขัดจิตขัดใจไปบ้าง หรือมีความผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ยินดี และ น้อมรับคำติชม เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในอนาคต ใครเป็นแฟนนิยายนางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ควรพลาดใครเป็นแฟนพระเอกสายหลัว หลงเมีย รักเมีย ไม่ควรพลาด ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ^^​

นิยายจีนโบราณองค์หญิงท่านอ๋องนางเอกเก่งข้ามมิติเกิดใหม่โตมาด้วยพระเอกเก่งจีนโบราณ

กู่เหมยฮวา บุตรีผู้เป็นที่รัก (1)

ทันทีที่กู่จางหย่งเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า พ่อบ้านหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งอย่างร้อนรน กู่เหมยฮวา ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ใจผู้เป็นพ่อได้ฟังร้อนดั่งไฟสุมขอน อาศัยวิชาตัวเบาทะยานถึงหน้าเรือนบุตรีเพียงชั่วพริบตา หลี่มามา ฮูหยินของพ่อบ้านหลี่ผู้เลี้ยงดูกู่เหมยฮวารายงานทั้งน้ำตาว่า ได้เชิญท่านหมอมาถึงแล้ว กำลังตรวจดูอาการคุณหนูอยู่ด้านใน

ตึง!!! โครม!!!  เสียงดังสะท้านสะเทือนจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียง

ร่างสูงใหญ่ที่ผ่านการกรำศึกมานานกว่าสิบปีเดินวนไปวนมา มือด้านหนาจากการจับดาบฟาดสิ่งกีดขวางเพื่อระบายโทสะที่ไม่อาจข่มกลั้น

ถัดไปไม่ไกล สตรีร่างแบบบางวัยไม่เกินยี่สิบปี ยืนสะดุ้งตัวสั่นไหว พลางก้มหน้าปิดตาอย่างหวาดหวั่น ข้างกายมีสาวรับใช้คุกเข่ากอดขาด้วยความหวาดกลัวอยู่ข้างละคน

"เหตุใดจึงช้านัก ฮวาเอ๋อเป็นอย่างไรกันแน่" กู่จางหย่ง ตวาดเสียงดังลั่น ไอสังหารแผ่กระจาย สร้างแรงกดดันไปทั่วบริเวณ

บ่าวไพร่ต่างคุ้นชินแต่ก็ยังพากันตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ เดิมทีแม่ทัพกู่เจ้าของจวนมิใช่คนอารมณ์ร้อน ปกครองบ่าวรับใช้ในเรือนด้วยความเมตตา แต่ด้วยเรื่องตอนนี้เกี่ยวกับ กู่เหมยฮวา บุตรีคนเล็กที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ จึงไม่อาจสงบอารมณ์ลงได้โดยง่าย

ทันใดบานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ชายผู้มีผมขาวเคราขาว มองแม่ทัพเจ้าของจวนอย่างสุขุม ยกมือขึ้นประสานทำความเคารพอย่างนอบน้อมคราหนึ่งเอ่ย

"คารวะท่านแม่ทัพกู่"

กู่จางหย่ง รีบยกมือขึ้นประสานแสดงความเคารพกลับ พร้อมเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

"ล่วงเกินท่านหมอจงแล้ว" ถึงอย่างไรจงหลิวก็อาวุโสกว่าเขาหลายปีนัก ทั้งยังเป็นหมอมากฝีมือที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง เขาไม่ควรเสียกริยาเช่นเมื่อครู่

จงหลิวพยักหน้าเข้าใจไม่ได้ถือโทษ ด้วยรู้ถึงความรักในบุตรีเพียงคนเดียวของแม่ทัพหนุ่มรุ่นลูก ว่ากันว่า หากเปรียบคุณหนูกู่เหมยฮวาในใจท่านแม่ทัพ แม้แต่ไข่มุกหรือหยกล้ำค่า ก็หาเปรียบได้ไม่ 

"เชิญท่านแม่ทัพ" จงหลิวเบี่ยงตัวผายมือข้างที่ไม่ได้ไขว้หลังเชิญเจ้าของจวนให้เข้ามาด้านใน ก่อนเดินตามไปที่เตียงนอนภายในห้อง ด้านหลังยังมีพ่อบ้านหลี่ หลี่มามา และสตรีแบบบางกับสาวใช้ส่วนตัวสองคนตามเข้ามาด้วย

กู่จางหย่ง เพ่งมองเด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวละเอียดราวไข่มุกที่นอนสิ้นสติบนเตียงกว้าง รอบศีรษะถูกพันผ้าสีขาวไว้รอบ รอยสีแดงจางๆ ทำให้รู้ว่าบาดแผลภายใต้ผ้านั้นยังมีโลหิตซึมออกมาไม่หยุด แขนเรียวมีรอยแดงช้ำทั้งสองข้าง พลันรู้สึกเจ็บจุกตรงกลางอกจนตัวห่อ มือหนาสั่นเทาเอื้อมไปข้างหน้าก่อนจะหยุดชะงักลงเพราะเสียงท้วงติงของจงหลิว

"ท่านแม่ทัพโปรดให้คุณหนูได้พักอีกหน่อยเถิด แผลไม่สาหัสมาก เพียงแต่บอบช้ำรุนแรงนัก รอให้คุณหนูคืนสติข้าจะตรวจดูอีกครั้ง ตอนนี้ท่านคงอยากรู้ไม่ต่างจากข้า ว่าเหตุใดคุณหนูกู่จึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"

กู่จางหย่งกำมือที่ชะงักค้างแน่น ตาเรียวลึกหลับลงก่อนพ่นลมหายใจเพื่อสงบโทสะอีกครั้ง ร่างหนาหันไปค้อมศีรษะให้จงหลิว หันตัวเดินนำออกมาที่โต๊ะกลางห้อง จงหลิวเดินตามออกมาเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างผายมือเชิญให้คนตรงข้ามนั่งลง กู่จางหย่งลงมือรินน้ำชาให้จงหลิวด้วยตัวเอง เป็นการให้เกียรติผู้อาวุโส ทั้งคู่จิบน้ำชาเพื่อผ่อนคลายก่อนเริ่มสืบสาวราวเรื่อง

"หลี่มามา" กู่จางหย่งเอ่ยเรียกคนดูแลบุตรี 

หลี่มามา เป็นหญิงอายุราวห้าถึงหกสิบปี พี่เลี้ยงคนสนิทของ หยู่เยี่ยน อดีตฮูหยินแม่ทัพที่จากไปหลังจากกู่เหมยฮวาอายุได้เพียงหนึ่งปี นางรับหน้าที่ดูแลคุณหนูฮวาเอ๋อ ตามคำสั่งเสียของอดีตฮูหยิน รักและดูแลประหนึ่งเป็นบุตรีของตน

หลี่มามาก้าวออกมา ยอบกายทำความเคารพ เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียงสั่นเครือ

"เรียนนายท่าน วันนี้คุณหนูเดินเล่นอยู่หน้าเรือนรอคุณชายใหญ่เหมือนเช่นทุกวันเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคุณหนูจะหิว จึงเดินไปหาของว่างในเรือนครัว เพียงชั่วครู่ ชั่วครู่เดียวเท่านั้น กลับมาก็เห็นคุณหนูถูกบ่าวรับใช้กับแม่นางท่านนี้ทุบตีอย่างน่าสงสาร บ่าวรีบวิ่งเข้าไปห้ามแต่ก็ถูกทุบตีทำร้าย ต่อเมื่อคุณหนูถูกเหวี่ยงจนหัวกระแทกกับหินหมดสติ พวกนางถึงได้หยุดมือ คุณหนูที่น่าสงสาร บ่าวดูแลคุณหนูไม่ดี ผิดต่อฮูหยินยิ่งนัก ขอนายท่านโปรดลงโทษบ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ" หลีมามาทิ้งตัวเข่ากระแทกพื้นดัง ปึก!!! ตามด้วยเสียงโขกศีรษะหนักๆ ติดกันอีกหลายครั้ง ปากพร่ำขอรับโทษไม่หยุด

"หลี่มามา อย่าได้ทำเช่นนี้ หากเยี่ยนเอ๋อรับรู้จะตำหนิข้าได้"  กู่จางหย่งโบกมือให้พ่อบ้านหลี่ช่วยพยุงหลี่มามาให้ลุกขึ้น หันหน้าไปทาง 'แม่นาง' ที่หลี่มามากล่าวถึง

จางหลีหลิว จากที่หวาดหวั่นเพราะถูกไอสังหารกดดันในตอนแรก พอรู้ว่าคนที่ตนลงมือทำร้ายมิได้หมดลมหายใจลงไปก็สามารถกลับมาควบคุมตนเองได้ ยืนนิ่งเชิดหน้ารอสายตาของกู่จางหยงอยู่ก่อนแล้ว นางเป็นถึงพระญาติสนิทของจางฮองเฮา ถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงคุณหนูสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจ ผูกใจรักต่อกู่จางหย่งตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ ถึงขั้นยอมเป็นฮูหยินรอง แต่กลับถูกกู่จางหย่งปฏิเสธเพราะต้องการอยู่กินเพียงคู่สามีภรรยากับ หยู่เยี่ยน ไม่ต้องการมีสามภรรยา สี่อนุ จนกระทั่งฮูหยินแม่ทัพจากไป กู่จางหย่งก็ยังคงปฏิเสธตลอดมา

แต่หลีหลิวไม่ยอมแพ้อ้อนวอนจนจางฮองเฮาเห็นใจทูลขอฮ่องเต้จ้าวฉงเจินให้ออกราชโองการพระราชทานสมรสกับแม่ทัพกู่ได้สำเร็จ วันนี้หมายมาทำความรู้จักกับบุตรีคนเล็กของว่าที่สามี ด้วยหวังว่าหากนางสามารถสนิทสนมกับแก้วตาดวงใจของเขา เขาย่อมไม่มีหนทางที่จะปฏิเสธงานมงคลได้อีก

ยังไม่ทันที่จางหลีหลิวจะได้เอ่ยวาจาแก้ต่าง หน้าประตูห้องก็ปรากฏร่างชายหนุ่มสามคนขึ้นพร้อมกัน

คนแรกคือองค์ชายใหญ่ จ้าวหลี่จิ้น โอรสองค์โตของฮ่องเต้กับพระสนมหม่ากุ้ยเฟย ชายหนุ่มสูงสง่า วัยสิบแปดปี ผู้มีใบหน้าเรียว ดวงตาคมดุจพยัคฆ์ คิ้วหนาเข้ม ขับให้ดูดุดันแต่ทรงเสน่ห์ กลิ่นอายสูงศักดิ์เหนือคนสมเป็นโอรสมังกร

คนที่สองคือ กู่จางเหว่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพกู่ วัยสิบหกปี ผู้มีท่าทางองอาจผ่าเผย แม้รูปหน้าจะไม่งดงามเท่าองค์ชายใหญ่ แต่ก็ถือเป็นรองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คนที่สามคือ กู่หวังเหว่ย บุตรชายคนรองของแม่ทัพกู่ แม้จะมีอายุเพียงสิบสามปี แต่กลับมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ อย่างหาได้ยากที่เด็กวัยเดียวกันจะมี

เมื่อเห็นชัดว่าผู้มาใหม่เป็นใคร คนในห้องพากันลุกขึ้นแสดงความเคารพโดยพร้อมเพรียง

"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่"

"ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้น ลุกขึ้น" องค์ชายใหญ่ตรัสพลางโบกมือห้ามปราม ก้าวเข้าไปประคองแม่ทัพกู่ที่กำลังค้อมกายทำความเคารพ

"ท่านลุงมิต้องเกรงใจ ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว เสียมารยาทแล้ว" ด้วยกู่จางหย่งเป็นสหายกับฮ่องเต้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ยังเป็นแม่ทัพคู่บัลลังก์มานานหลายปี กู่จางเหว่ยก็เป็นสหายร่วมเรียนขององค์ชายด้วยเช่นกัน องค์ชายจึงให้ความเคารพ และเรียกขานกู่จางหย่งว่าท่านลุงอย่างสนิทสนม

"มิกล้า มิกล้า เหตุใดองค์ชายใหญ่จึงเสด็จมาถึงจวนกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ มิใช่ต้องอยู่ที่สำนักศึกษาหรือ" กู่จางหย่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนเรื่องที่บุตรีของเขาถูกทำร้ายจะกลายเป็นเหตุจุดไฟเผาจวนเสียแล้ว

"มีคนไปแจ้ง จางเหว่ย กับ หวังเหว่ย ว่า ฮวาเอ๋อ โดนทำร้าย เราจึงขอตามมาด้วยความเป็นห่วง ฮวาเอ๋อตัวเล็กถึงเพียงนั้นใครกล้าทำร้ายนางกัน แล้วนี่อาการเป็นอย่างไรบ้างให้เราตามหมอหลวงมาดีหรือไม่" องค์ชายหลี่จิ้นตรัสด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ เพราะตาม หวังเหว่ย กลับมาที่จวนแม่ทัพบ่อยๆ จึงทรงเอ็นดูฮวาเอ๋อไม่ต่างจากน้องสาว

เป็นจังวหะให้สองพี่น้องตระกูลกู่ทำความเคารพผู้อาวุโสพร้อมกัน จงหลิวค้อมกายเล็กน้อยรับการคารวะ

"กราบทูลองค์ชาย ท่านหมอจงตรวจอาการของฮวาเอ๋อแล้วพ่ะย่ะค่ะ อาการไม่สาหัส เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ กระหม่อมขอขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงเป็นห่วง ความหวังดีของพระองค์ กระหม่อมน้อมรับไว้ด้วยใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ" กู่จางหย่งเอ่ยอย่างนอบน้อม

ในที่นี้มีจางหลีหลิวอยู่ด้วย ในหวังหลังแก่งแย่งชิงตำแหน่งกันเงียบๆ มีหรือแม่ทัพอย่างกู่จางหย่งจะไม่รู้ องค์ชายรองผู้กำเหนิดจากจางฮองเฮา หวังตำแหน่งรัชทายาทเพียงใด ที่ฮองเฮาทรงทูลขอราชโองการให้เขาสมรสกับจางหลีหลิวผู้นี้ มิใช่หวังจะใช้ตำแหน่งแม่ทัพของเขาเป็นเครื่องมือเสริมอำนาจสู่การขึ้นเป็นรัชทายาทให้บุตรของตนหรอกหรือ เรื่องความสนิทชิดเชื้อ ความห่วงใยที่องค์ชายใหญ่มีต่อตระกูลกู่ ย่อมถึงพระเนตรพระกรรณ จางฮองเฮา จากนี้มิใช่จะวางตัวเป็นกลางได้โดยง่าย ช่างน่าปวดหัวยิ่งนัก