บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

วันนั้น เป็นวันในฤดูร้อนของเดือนมิถุนายน อากาศร้อนอบอ้าวครึ้มฟ้าครึ้มฝน เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มอยู่เป็นระยะๆ มิสซิสแอนน์ เดินไปเปิดไฟ ห้องครัวสว่างขึ้น แล้วจึงเดินไปที่เตาใช้ช้อนตักซุปในหม้อขึ้นมาชิมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ซุปทั้งข้นทั้งมันรสชาติกลมกล่อมดีเหลือเกิน หันไปหยิบเนื้อไก่ที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วใส่ลงในหม้อ โรยเครื่องเทศลงไปบางๆ ท้องฟ้าภายนอกดูมืดจนผิดปกติทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลากลางคืน

โดยอาชีพนางผดุงครรภ์ เธออดคิดอย่างกังวลใจไม่ได้ว่า ผู้หญิงอเมริกันนี่แปลกอยากมีลูกกันนัก แต่ไม่อยากเลี้ยง ใครเคยได้ยินเรื่องโง่ๆ แบบนี้บ้าง โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ที่อารยะธรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ช่างเถอะ แต่นี่อยู่ในเมืองเล็กๆ เก่าๆ ที่ยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีหลงเหลืออยู่บ้าง มันก็ยังอุตส่าห์เกิดขึ้นจนได้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันไปหมด และแล้วก็อดคิดเอาตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบไม่ได้ ที่เธอมีลูกถึง 7 คน และเลี้ยงมาด้วยลำแข้งแท้ๆ นับแต่วันที่สามีตายลง

เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้นครั้งหนึ่งสั้นๆ เธอผงกศีรษะนิดหนึ่งและเงี่ยหูฟัง ขณะเดียวกันก็คิดอยู่ในใจว่า ใครกันนะที่จะมาหาในเวลาอย่างนี้ คนไข้ที่ฝากท้องไว้ ส่วนใหญ่ก็ครบกำหนดคลอดกันเดือนหน้าทั้งนั้น ท่าจะเป็นพวกขายของเร่กระมัง...

“โรเซ่...”เธอร้องเรียกลูกสาวคนโต “ไปดูทีสิว่าใครมาที่หน้าประตู”

ไม่มีเสียงตอบ...เสียงกริ่งกดเรียกดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ดูจะแฝงแววร้อนรนอยู่มาก มิสซิสแอนน์ล้างมือลวกๆ เช็ดอย่างรีบร้อนกับผ้าเช็ดมือที่แขวนไว้ข้างประตู เดินผ่านห้องโถงออกไปยังประตูหน้าบ้าน

เด็กสาวคนหนึ่ง ท่าทางกระวนกระวายไม่น้อยยืนอยู่ที่นั่น ในมือถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ ไว้ ใบหน้าซูบซีดอิดโรย ดวงตามีแววตระหนกตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัดและจากรูปร่างก็บอกให้รู้ว่ากำลังท้องแก่เต็มที สายตาที่ชำนิชำนาญของมิสซิสแอนน์เก็งได้ทันทีว่า...กำลังใกล้คลอดแล้ว

“คุณเป็นผดุงครรภ์ใช่ไหมคะ?” เด็กสาวถามเสียงเบา ความกังวลใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น

“ใช่ค่ะ...คุณ...”มิสซิสแอนน์มองดูท่าทางเด็กสาว รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังเผชิญกับความผิดปกติบางอย่างอยู่

“ดิฉันต้องขอโทษค่ะที่มารบกวน...ดิฉันอยู่นิวยอร์กค่ะ...แต่...ดิฉัน...”ริมฝีปากเด็กสาวสั่นระริก ดูเหมือนจะสั่นไปทั้งตัวด้วยซ้ำ “ดิฉันกำลังจะคลอดค่ะ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน”

มิสซิสแอนน์หยุดคิดนิดหนึ่ง ถ้ารับเด็กสาวคนนี้ไว้ โรเซ่เห็นจะต้องย้ายห้องไปนอนรวมกับน้องๆ ซึ่งแกคงไม่ชอบใจแน่...บางทีเด็กคนนี้คงไม่มีเงินเสียค่าใช้จ่ายเสียด้วยซ้ำ เธอชำเลืองดูที่มือ ก็เห็นแหวนทองเกลี้ยงสวมอยู่ในนิ้วนางข้างซ้าย...แสดงว่าต้องแต่งงานมาอย่างถูกต้อง...แต่สามีไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ...?

“แต่ฉันไม่มีห้องหรอกค่ะ...”

“ดิฉัน...ดิฉันมีเงิน...” เด็กสาวพูดเหมือนจะอ่านใจเธอออก

“จริงๆ ค่ะ เราไม่มีห้องสำหรับคนไข้เลย”

“คุณต้องมีค่ะ” เสียงเล็กๆ นั้นอ้อนวอนแกมบังคับ “ดิฉันไม่มีเวลาจะไปที่ไหนอีกแล้ว ดิฉันมาที่นี่เพราะเห็นคุณขึ้นป้ายไว้ว่าผดุงครรภ์ไงคะ”

มิสซิสแอนน์ถอนหายใจ โรเซ่น่าจะต้องนอนกับน้องเสียแล้ว ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่ เพราะดูท่าเด็กสาวจะไปต่อไม่ไหวจริงๆ”

“เอา...เข้ามาก็แล้วกัน” เธอตอบอย่างตัดสินใจ เอื้อมมือไปดึงกระเป๋าเสื้อผ้ามาช่วยถือให้

เด็กสาวเดินตามมิสซิสแอนน์เข้าไปในห้องโถงที่เปิดไฟไว้เพียงดวงเดียวและขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของโรเซ่ ซึ่งจากหน้าต่างกระจกในห้องนั้น จะมองออกไปเห็นอาคารที่อยู่ติดต่อกันได้

“ถอดเสื้อคลุมออกเสียสิคะ ทำตัวให้สบาย” เธอเข้าไปช่วยถอดเสื้อคลุมให้เด็กสาวและพยุงร่างเล็กๆ ให้นอนลงบนเตียง

“ปวดนานสักเท่าไหร่แล้วคะนี่?”

“สักชั่วโมงเห็นจะได้ค่ะ ดิฉันไปต่อไม่ไหวจริงๆ เลยต้องหยุดที่นี่”

มิสซิสแอนน์พินิจพิจารณาเด็กสาว เห็นมีท่าทางตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ว่า จะต้องคลอดลูกในสภาพอย่างนี้ น่าจะเป็นในโรงพยาบาล ซึ่งมีบุคคลอันเป็นที่รักเช่นสามี คอยช่วยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ หรือมิฉะนั้นก็ควรจะเป็นที่บ้านซึ่งมีทั้งพ่อแม่หรือญาติ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เด็กสาวผู้นี้กลับไม่มีใครเลย ช่างน่าสงสารเสียจริง

อีกครั้งหนึ่งที่เธอพิจารณารูปร่างของเด็กสาวที่นอนหลับตาอยู่เบื้องหน้าและรู้สึกหนักใจอยู่บ้าง ที่รูปร่างของแกดูจะเล็กเกินไป เชิงกรานเล็กนิดเดียว มีลักษณะที่จะคลอดยาก และเมื่อตรวจภายในดู ก็พบว่าจะต้องรอเวลาอีกประมาณ 6-7 ชั่วโมง เพราะปากมดลูกยังไม่เปิด...

ธรรมชาตินี่ก็แปลก เด็กสาวจะกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวขึ้นมาได้ ก็ภายหลังจากที่ให้กำเนิดทารกแล้วเท่านั้น มิสซิสแอนน์มองดูเด็กสาว เกิดความเวทนาลึกๆ ขึ้นในใจ

“ยังมีเวลานะคะคุณ ต้องรอหน่อย แต่อย่ากังวลไปเลย ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ฉันก็คลอดเองทั้งนั้น ตั้งเจ็ดคนแน่ะค่ะ”

เด็กสาวยิ้มรับคำพูดฝืนๆ

“ดิฉันขอบคุณ...ขอบคุณอย่างที่สุดเลยค่ะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก...เอาละค่ะ ตอนนี้คุณต้องพยายามนอนให้หลับนะ ฉันจะลงไปข้างล่างก่อน อีกสักครู่จะขึ้นมาดูอาการให้ ถ้าได้นอนพักเสียหน่อยก่อนถึงเวลาคลอดนี่จะดีมากทีเดียว เอาละค่ะ...พักผ่อนเสียให้สบาย”

เธอยิ้มให้เด็กสาวอย่างปลุกปลอบ จากนั้นก็เดินลงบันไดกลับไปยังห้องครัวที่ทำอาหารค้างไว้ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อคนไข้เสียสนิท

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยถามก็ได้” เธอบอกตัวเองและทำอาหารต่อไปจนเสร็จ

เด็กสาวปิดเปลือกตาลงทันทีที่ร่างของนางผดุงครรภ์ผู้อารีลับไป พยายามจะนอนให้หลับแต่ก็เป็นไปไม่ได้ ความคิดต่างๆ ผ่านเข้ามาในสมองจนสับสน ไม่อาจข่มใจให้หลับลงได้ มันเหมือนกับเวลาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างรถไฟ มองดูทิวทัศน์ภายนอกโดยเฉพาะ “บ้านและโฮเดย์” ดูจะเป็นภาพที่แจ่มชัดที่สุดในความนึกคิด

เด็กสาวคนวนเวียนอยู่แต่ว่า...เขาจะคิดเป็นห่วงฉันบ้างหรือไม่หนอ...โฮเดย์ไปอยู่เสียที่ไหน...นานเหลือเกินแล้วที่เราไม่ได้พบกัน ก็วันนี้ไม่ใช่หรือที่โฮเดย์น่าจะอยู่เคียงข้าง เฝ้ารอดูลูกของเราที่จะเกิด”

เธอสะท้านสะเทือนไปทั้งอารมณ์ น้ำตาไหลพร่างพราย นึกถึงตอนที่เธอไปดักพบเขาตรงหัวมุมถนนใกล้ๆ ร้านขายของ ตอนนั้นฝนกำลังตกหนัก ลมพัดแรงน่ากลัวเสียเหลือเกิน แต่ก็อุตส่าห์คอยอยู่ถึง 2 ชั่วโมง ก่อนจะย้อนกลับเข้าไปในบ้าน

เมื่อเช้านี้ก็ลองโทรศัพท์ไปที่ทำงานของเขา แต่คนที่นั่นบอกว่า เขาออกไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวานนี้และยังไม่ได้กลับเข้ามา ดูเหมือนความรู้สึกร้อนใจนั้น เร่งเร้าให้เธอรู้สึกอยากพบเขามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้พบกันจนแล้วจนรอด โฮเดย์ไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย เขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยปละละเลยอะไรถึงเพียงนั้น มันอาจมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาก็ได้

เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง อยากรู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไรแล้ว เสียงฟ้าร้องดังอยู่เป็นระยะมองเห็นฟ้าแลบเป็นทาง ดูท่าว่าฝนจะตกหนักอีก ทั้งๆ ที่เพิ่งซาไปเมื่อชั่วครู่ อากาศดูมีความกดดันหนักๆ อย่างไรพิกล ในท่ามกลางความสงัดเงียบของห้องนั้น เธอได้ยินเสียงจานกระทบกัน เสียงคนพูดดังแว่วๆ มาจากห้องครัวที่อยู่ตรงกับห้องนอนพอดี

มิสซิส แอนน์ ห้ามลูกๆ ไม่ให้ส่งเสียงดัง ทันทีที่พวกแกกลับมาจากข้างนอก ค่อยๆ อธิบายให้โรเซ่ฟังว่า ขณะนี้ได้อนุญาตให้คนไข้เข้าไปนอนพักอยู่ในห้องของแกและสัญญาว่า ถ้าแกไม่โวยวาย ยอมไปนอนร่วมกับพวกน้องๆ ดีๆ แล้ว แม่จะให้รางวัล ซึ่งโรเซ่ดูจะพอใจในข้อเสนออยู่ จึงยอมสละห้องให้จนกว่าจะเสร็จเรื่องเรียบร้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel