ตอนที่ 6 บอกว่าตัวฉัน ก็คือฉัน
“โคตรเจ๋งเลย มึงคิดได้ไงวะ?” พวกพี่เป้าออกปากชมยกใหญ่ เมื่อได้ฟังพลอตหนังสั้นของพี่เสือ ผมก็ไม่รู้ว่าจากใจหรือประชด
“ใช้กล้องของสตูฯ ใช้ห้องตัดต่อของสตูฯ ใช้พนักงานของสตูฯ มาเป็นตากล้อง แถมแสดงเองอีกตางหาก มึงนี่แม่งไม่ลงทุนเลยนะ”
“ใครว่ากูไม่ลงทุน นี่กูลงทุนเปิดเผยชีวิตตัวเองเลยนะ” ตอบเพื่อนแต่กลับมองมาทางกล้องที่ผมยังถ่ายอยู่ “จะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงกันก่อน”
“มึงหมายถึงกรรมการเหรอ?” พี่เป้าเงยหน้าจากแก้วเหล้าขึ้นมาถาม
“เปล่า กูหมายถึงคนดู”
“พูดเหมือนมึงชนะแล้ว หนังกำลังจะได้ฉาย”
“ถึงไม่ชนะก็มีคนดู”
“ใครวะ?”
ผมมองผ่านกล้องอย่างลุ้นๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าลุ้นอะไรอยู่ แต่คำตอบของพี่เสือก็ทำให้ผมใจสั่น
“ไอ้เวรนี่ไง มันต้องตัดต่อให้กู”
คืนนี้นอกจากผมจะรับหน้าที่เป็นตากล้องแล้ว ผมยังต้องเป็นคนขับรถให้พี่เสือด้วยนะครับ เมาเป็นหมาเลย นี่เหรอผู้กำกับหนัง
ผมพาพี่เสือมาส่งที่ห้อง จัดท่านอนให้เสร็จสรรพ พร้อมกับตั้งกล้องถ่ายเอาไว้ จะได้จับภาพตอนที่พี่เสือตื่นขึ้นมา เผื่อว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะมาไม่ทัน อยากได้เรียลๆ ใช่ไหม ไอ้เวนจัดให้ครับ
ผมจับพี่เสือถอดเสื้อผ้า เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว แต่ก็ห่มผ้าให้อ่ะนะ กันอุจาดตา แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า คิดว่าจะขโมยรถพี่เสือขับกลับคอนโดนั่นแหละ เพราะพรุ่งนี้ผมก็ต้องมาถ่ายต่ออยู่ดี
ผมจัดการตัวเองในห้องน้ำแค่ไม่กี่นาที พอกลับออกมาก็เจอดีเลยครับ
“แม่งเอ๊ย! เมาทีไรช่วยตัวเองทุกที”
ผ้าห่มผืนหนาถูกตวัดจนร่วงลงข้างเตียง กางเกงในที่ผมอุตส่าเหลือไว้ให้บัดนี้มันม้วนเป็นเลขแปดอยู่ตรงเท้าของผม ส่วนเจ้าของมันกำลังนอนครางฮืออยู่บนเตียง
“ร้อนว่ะ ลดแอร์ลงหน่อย” ยังออกปากสั่งผมอีกนะ ทั้งๆ ที่ตาปิดสนิท
ผมมองหารีโมทแอร์แถวๆ นั้นอยู่นานก็ไม่เห็นมี จนตอนนี้คนบนเตียงร้องอย่างหงุดหงิด
“ร้อน!”
เออ รู้แล้วว่าร้อน ท่อนเอ็นถึงได้ชี้โด่ขนาดนั้น ผมพยายามไม่มองแต่มันก็คอยจะเข้ามาอยู่ในสายตา หารีโมทแอร์ได้ผมจะรีบกลับไปทันทีเลย
แล้วผมก็เจอมันจนได้ที่ใต้หมอนของพี่เสือ ผมขยับขาก้าวไปเบื้องหน้าหวังจะโน้มตัวลงหยิบรีโมท แต่แล้วก็สะดุดกับห้าผ่มที่กองอยู่ตรงนั้น
ล้มเก่งจังวะ ผมด่าตัวเอง แล้วก็ดันล้มลงไปตรงนั้นพอดี
เกลียดตัวเองฉิบหายที่ละสายตาจากท่อนเอ็นใหญ่นั่นไม่ได้ บังคับมือตัวเองก็ไม่ได้ ใจตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ ผมบังคับร่างกายของตัวเองไม่ได้เลย
ทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำกับคืนนั้นอีกครั้ง เหมือนเดิมทุกอย่างโดยที่ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย
หลงแท่งเหรอวะ? ผมถามตัวเองขณะที่ใช้หลังมือปาดน้ำสีขาวขุ่นที่ผมรีดออกมาจากกึ่งกลางกายของพี่เสือจนทะลักปากของตัวเอง ทิ้งร่างนอนหงายก่ายหน้าผากอยู่ข้างๆ เอวของเจ้าของห้องอย่างหมดแรง แล้วผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกเมื่อยขบกัดกินไปทั้งแผ่นหลัง คงเป็นเพราะนอนผิดท่าสินะ หมอนก็ไม่ได้หนุน ปกติผมชอบหนุนหมอนสูง พอนอนราบแบบนี้ทีไรก็เลยปวดหลังทุกที
ผมกระพริบตาถี่ๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าน่าจะสายมากแล้ว พอยันกายขึ้นมานั่งบนเตียงก็เห็นว่าพี่เสือนั่งหัวยุ่งอยู่ตรงปลายเตียงแล้ว ในมือถือกล้องเอาไว้ด้วย
“เมื่อคืนมึงลืมปิดกล้องเหรอวะ?”
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนผมตั้งกล้องถ่ายเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นตอนที่ผม…
“เฮ้ย! พี่” ผมรีบพุ่งตัวไปแย่งกล้องมาจากมือพี่เสือ
“มึงตกใจอะไรเนี่ย?”
“ปะ เปล่า คือ ผะ ผม ผมคงลืมอ่ะ ขอดูหน่อย”
“แบตมันหมดไปแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นผมก็ลอบพรูลมออกมา
“เดี๋ยวผมชาร์จให้ พี่ไปอาบน้ำเถอะ”
พอพี่เสือเข้าห้องน้ำไปผมก็รีบดึงเอสดีการ์ดออกมา ใส่อีกอันกลับเข้าไปแล้วก็จัดการชาร์จแบตทันที
“เกือบไปแล้ว” ผมกำเอสดีการ์ดอันนั้นไว้ในมือ ก่อนจะยัดมันเข้าไปในกระเป่าสตางค์ เอาไว้ค่อยลบทีหลังก็แล้วกัน
