บท
ตั้งค่า

บทนำ ไม่อยากมีเมีย

ยูนิคอร์นบาร์

หญิงวัยกลางคนกำลังก้าวเท้าเข้ามาด้านใน รูปร่างท้วมนิดหน่อย ทรงผมตีกระบัง อยู่ในชุดผ้าไหมสีชมพูสดใสพร้อมกับกระเป๋าคู่ใจที่คล้องอยู่ตรงแขน

แค่ก้าวเท้าเข้ามา เหล่าบรรดาพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ต่างก็พากันรีบก้มหัวลงทักทาย ก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะพยักหน้าตอบ สายตามองตรงไปด้านหน้า และจุดหมายก็คือห้องวีไอพีที่อยู่บนชั้นสอง

“หยุด! จะไปไหน” เสียงที่เอ่ยมานั้นดังพอจะทำให้พนักงานที่กำลังจะวิ่งขึ้นไปชั้นสองต้องหยุดชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ

“คือ ผม เอ่อ ผม...” น้ำเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนกำลังทำความผิด

“ไม่ต้องคิดจะไปบอกเจ้านายของพวกเธอเลยนะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปดูเอง”

“คะ ครับ” พนักงานคนเดิมได้แต่ก้มหน้าก้มตาตอบกลับ

คุณหญิงเธียรธาราก้าวขาเร็ว ๆ เพื่อจะขึ้นไปหาลูกชายเพียงคนเดียว ที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้คงกำลังดื่มเหล้าเคล้านารีอยู่ในห้องวีไอพีด้านบน ซึ่งบาร์แห่งนี้ก็เป็นของผู้เป็นลูกชาย ส่วนเรื่องที่เปิดทำไม ไม่ใช่ว่าต้องการจะอยากมีรายได้ แต่ต้องการเอาไว้เป็นสถานที่หาผู้หญิงมาคลอเคลียต่างหาก

“ตาธีร์ นะตาธีร์ มันน่าจะจับมาตีก้นให้เหมือนตอนเป็นเด็ก” ระหว่างที่เดินก็เอาแต่บ่นลูกชายเพียงคนเดียวไปด้วย อายุสามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว แต่ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง จนผู้เป็นแม่ต้องมาหาที่นี่เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาด

สองเท้าของหญิงวัยกลางคนมาหยุดอยู่หน้าห้องวีไอพีบนชั้นสอง ก่อนที่จะใช้มือผลักประตูเข้าไปด้านใน

“ตาธีร์!”

“แม่!” ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีเอ่ยเรียกบุพการีด้วยความตกใจ ก่อนที่จะรีบดันหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักออก แล้วกระซิบบอกให้พวกเธอลงไปข้างล่างก่อน

“แม่มาได้ยังไงครับ ทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้ไปรอรับที่สนามบิน” ธีร์ธวัช หรือ ธีร์ เอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นมารดาเอาไว้หลวม ๆ ท่าทางออดอ้อนเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด

“ถ้าบอก ฉันจะได้มาเห็นกับตาเหรอว่าแกเปิดร้านบังหน้า แต่ความจริงแล้วเอาไว้คั่วผู้หญิงน่ะฮะ” เธียรธาราเอ่ยบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา

“โถ่ แม่ครับ ก็ผมยังโสด จะมีเรื่องผู้หญิงมันก็ไม่เสียหายนี่ครับ ว่าแต่แม่ขึ้นมาจากใต้นี่ มีธุระที่กรุงเทพฯ เหรอครับ” ครอบครัวของธีร์ธวัชเป็นเศรษฐีเจ้าของเหมืองอยู่ทางใต้ ส่วนตัวเขาขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย

“ใช่ ฉันขึ้นมาทำธุระสำคัญ แล้วธุระนั้นก็เกี่ยวกับแกด้วย” พอได้ยินคำตอบของผู้เป็นแม่ ขนอ่อนภายในร่างกายของธีร์ธวัชก็ลุกซู่ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เพราะธุระที่สำคัญและเกี่ยวกับเขา มันก็คงมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น

“พรุ่งนี้สายขิมจะมากรุงเทพฯ” คุณหญิงเอ่ยบอกลูกชาย

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”

“เกี่ยวสิ เพราะสายขิมจะมาอยู่กับแก”

พอได้ยินคำตอบ ธีร์ธวัชก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าหล่อ ๆ ซีดเผือดแล้วรีบนั่งคุกเข่ากอดขาแม่ตัวเองเอาไว้

“แม่ แม่จะให้สายขิมมาอยู่กับธีร์ทำไมอะแม่ สายขิมอยู่ที่ใต้คอยดูแลแม่ก็ดีอยู่แล้วนี่” เหตุผลของแม่นั้นเขารู้อยู่แก่ใจดี แต่ลองถาม ๆ ไปก่อนเผื่อมันจะไม่ใช่

“อีกไม่นานแกก็ต้องแต่งงานกับสายขิม มาอยู่ด้วยกันเพื่อศึกษาดูใจก็ไม่แปลก ให้ดีก็รีบ ๆ มีหลานเลยก็ได้”

“แม่!”

ชายหนุ่มเรียกผู้เป็นแม่เสียงดังแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทำหน้างุ้มงอ ดีหน่อยที่ในนี้ไม่มีพนักงานคนอื่นอยู่ ไม่อย่างนั้นภาพของเจ้านายที่เหมือนเด็กถูกขัดใจคงกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปหลายวัน

“ไม่ต้องมาเรียกแม่”

“แต่แม่ก็รู้ว่าธีร์ยังไม่อยากมีเมีย แล้วธีร์ก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบสายขิมแบบนั้น จะแต่งงานกันได้ยังไง”

สายขิม คือหญิงสาวที่แม่ของธีร์ธวัชรับมาอุปการะตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ของเธอเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนญาติก็ไม่มีใครต้องการอยากรับไปดูแล

ตอนนั้นคุณหญิงเธียรธาราอยากมีลูกสาวไว้แก้เหงา เลยทำเรื่องขอมาอุปการะเป็นลูกบุญธรรม และสายขิมก็อายุห่างกับธีร์ธวัชถึงสิบสองปี

“ฉันก็ให้โอกาสแกหาเมียด้วยตัวเองแล้ว แต่แกก็ยังเอ้อระเหยลอยชาย ทำตัวเที่ยวเล่นเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ฉันก็เลยต้องจัดการเองนี่ไง”

ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิอยู่บนพื้น ส่วนใบหน้าก็ยังงุ้มงออยู่เช่นเดิม

“แกโตขนาดนี้แล้ว เพื่อนมีเมียกันหมด เหลือก็แต่แกนี่แหละที่ไม่ยอมแต่งงานสักที แล้วแม่จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”

“ใครว่าเพื่อนธีร์มีเมียหมดอะแม่ ยังเหลือไอ้กรกับไอ้ตี๋อีกตั้งสองคน” ธีร์ธวัชเถียงกลับ ส่วนชื่อที่ใช้ขึ้นมาอ้างก็คือเพื่อนซี้สองคนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย และทั้งหมดก็ยังไม่แต่งงาน ไม่มีแม้กระทั่งแฟน

อย่างว่า คนเหมือนกันย่อมคบกันได้ เขากับเพื่อนสนิทก็มีนิสัยไม่ต่างกัน

“แกเลิกอ้างคนอื่นเลย พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าอย่าลืมไปรับสายขิมที่สนามบิน ถ้าแม่รู้ว่าแกไม่ไปรับน้องหรือว่าไปสายล่ะก็ แม่จะตัดแกออกจากกองมรดกแล้วยกให้สายขิมทั้งหมด อ่อ...แล้วแม่ก็จะยุให้สายขิมไปหาผู้ชายคนอื่นแต่งงานด้วย”

ผู้เป็นลูกได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของมารดา คิดไปคิดมาก็ยังไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วเป็นเขาหรือยัยเด็กเตี้ยนั่นกันแน่ที่เป็นลูกแม่แท้ ๆ

“รู้แล้วครับแม่ พรุ่งนี้ผมจะไปรอตั้งแต่ตีห้าเลย” ผู้ชายตัวโตวัยสามสิบห้าพูดออกไปอย่างประชด แต่ว่า...

“ดี ตีห้าถ้าแกไม่ถึงสนามบินแกโดนดีแน่”

“แม่!!”

“ไม่ต้องมาเรียก ฉันกลับล่ะ เดี๋ยวดึกกว่านี้พรุ่งนี้จะตื่นไปทำผมไม่ไหว”

คุณหญิงเธียรธาราพูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งทำตาละห้อยอยู่คนเดียวในห้องวีไอพี

เมื่อเห็นแม่กลับไปแล้ว ธีร์ธวัชก็รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วกดวิดีโอคอลหาเพื่อนซี้ทั้งสองทันที รอเพียงไม่นาน ชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาอีกสองคนก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

//ว่าไงครับเสี่ยธีร์ เวลาแบบนี้มึงว่างโทรหาเพื่อนด้วยเหรอวะ//

ภัทรกร หรือ กร อดที่จะแซวไม่ได้ ปกติเวลามืด ๆ แบบนี้ธีร์ธวัชโทรหาเพื่อนเสียที่ไหน

//กูว่าวันนี้แม่มันมาหาแน่เลยว่ะ หน้าถึงได้บูดเป็นตูดขนาดนี้//

คราวนี้เป็นเสียงของ กิตติภพ หรือ ตี๋ เพื่อนซี้อีกคนพูดขึ้นบ้าง แถมยังเดาแม่นราวกับมีตาทิพย์

“พวกมึงหยุดพูดกันก่อน แล้วก็รีบออกมาแดกเหล้ากับกูที่บาร์ด่วน มีเรื่องเครียด”

//เครียด!!!//

เสียงของสองเพื่อนซี้ตะโกนทวนคำมาตามสาย ก่อนที่จะทำสีหน้างุนงง คนอย่างธีร์ธวัชเนี่ยนะเหรอจะมีเรื่องเครียด ยกเว้นแต่ว่า...

//เรื่องเมียแน่นอนเลยว่ะ// กิตติภพพูดขึ้นอีกครั้ง

“เลิกพูดไอ้ตี๋ มึงด้วยไอ้กร รีบ ๆ มา กูรออยู่บนห้อง”

พูดแค่นั้นก็เป็นอันรู้กัน เพื่อนสนิททั้งสองกดวางสาย แล้วธีร์ธวัชก็โยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปาก

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

“ไหน มึงมีอะไรไอ้ธีร์ รีบ ๆ พูด กูจะกลับไปดูร้านต่อ เสียเวลาทำมาหากินฉิบหาย” กิตติภพยิงคำถามใส่ทันทีที่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาภายในห้องวีไอพี

“เออ กูก็ต้องรีบกลับไปนอน พรุ่งนี้ต้องเปิดร้านแต่เช้า” ภัทรกรพูดขึ้นบ้าง เพื่อนทั้งสองคนเปิดบาร์กับคลับ มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นเจ้าของร้านทองและต้องเปิดร้านในตอนเช้า หากจะมาโต้รุ่งกับเพื่อนบ่อย ๆ คงไม่ดี

“พรุ่งนี้สายขิมจะมากรุงเทพฯ” หลังจากกระดกแก้วเครื่องดื่มรสแรงเข้าปากไปสองแก้ว เจ้าของใบหน้าหงุดหงิดก็พูดขึ้น

“สายขิมไหนวะ” ภัทรกรเอ่ยถามแล้วทำท่าครุ่นคิด ก่อนที่จะดีดนิ้วดังผึงหนึ่งที “อ้อ...กูจำได้ละ ที่มึงเคยบอกว่าแม่มึงจะให้แต่งงานด้วยใช่ไหมวะ”

“อืม...คนนั้นแหละ” ธีร์ธวัชตอบกลับแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง

“แม่กูบอกว่า นับตั้งแต่พรุ่งนี้สายขิมจะมาอยู่กับกูที่คอนโด เพื่อเป็นการศึกษาดูใจกัน”

จบประโยคนี้กิตติภพก็ขำพรืดออกมา ทำให้เหล้าที่อยู่ในปากกระเด็นไปโดนเพื่อนทั้งสอง

“ไอ้เหี้ยตี๋ แดกดี ๆ ดิวะ”

“โทษทีไอ้กร กูแค่ขำไอ้ธีร์”

“ขำกูทำไม”

ผู้ชายตัวโตหัวคิ้วขมวดกัน ตอนนี้เขากำลังเครียดสุด ๆ เพราะไม่อยากจะแต่งงานกับน้องบุญธรรมที่แม่เลือกให้ แต่ดูเพื่อนตัวดีกลับมาหัวเราะกันเสียได้

“เสี่ยธีร์ครับ เรื่องแค่นี้มึงต้องเครียดขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไม่อยากแต่งงานก็แค่ทำตัวแย่ ๆ ใส่ไปดิ ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงไม่มีใครทนได้หรอก”

‘ความคิดเข้าท่า’ ธีร์ธวัชทำท่าครุ่นคิดตามสิ่งที่เพื่อนพูด

นั่นสินะ หากเขาทำตัวแย่ ๆ ใส่สายขิม ควงผู้หญิงคนอื่นให้เห็นบ่อย ๆ ต่อให้แม่จะจับคู่ให้อย่างไร หรืออ้างบุญคุณที่เคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก มันก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนจะยอมทนถึงขนาดนั้น

และถ้าหากสายขิมเป็นคนไปจากเขาเอง แม่ก็จะไม่มีสิทธิ์มาตัดชื่อเขาออกจากกองมรดก แผนการนี้ยอดเยี่ยม ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

“แผนนี้กูซื้อ ขอบใจมึงว่ะไอ้ตี๋”

แก้วเหล้าสามแก้วถูกยกขึ้นชนกัน ก่อนที่ผู้ชายทั้งสามคนจะนั่งคุยช่วยกันวางแผนเพื่อให้ธีร์ธวัชไม่ต้องแต่งงาน

///////////////////////////////////////////////////////

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel