ตอนที่ 3 เพื่อนน้องสาว
“คืนพรุ่งนี้นะเป้ย แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันไปรับที่คอนโด” เพื่อนสนิทส่งเสียงเริงร่ามาตามสายสรุปใจความเสร็จสรรพ ไม่เว้นช่องว่างให้คนที่ถูกชวนได้ปฏิเสธ
“จะดีเหรอหมวย พี่แกปิดร้านเลี้ยงฉลองต้อนรับแกนะเว้ย ชวนฉันไปด้วยจะดีเหรอ”
ถ้าถามความรู้สึกจริง ๆ ก็อยากจะไปอยู่นั่นแหละ แต่พอกีรติบอกว่าพี่ชายปิดร้านเลี้ยงฉลองเลยทำให้คิดว่า บางที...เขาอาจต้องการความเป็นส่วนตัวกันแค่ภายในครอบครัวก็ได้
“นี่เป้ย...” เพื่อนรักไซซ์มินิเรียกเสียงเข้ม “งานเลี้ยงก็ไม่ได้มีแค่ฉันกับเฮียตี๋สักหน่อย ยังมีเพื่อนเฮียอีก พาแกไปด้วยน่ะดีแล้ว ฉันขี้เกียจคุยกับพวกผู้ชายแก่ ๆ อ้อ ยกเว้นพี่กร”
เหตุผลนั้นทำเอาคนที่ตั้งใจฟังหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กับพี่ชายกับคนอื่นเรียกคนแก่ แต่กับคนที่ตัวเองชอบกลับเรียกว่าพี่เสียงอ่อนเสียงหวาน ทั้งที่อายุเท่ากันแท้ ๆ
“แหม...นี่อยากไปงานฉลองหรืออยากไปเจอพี่กรกันแน่ยะ...ยัยหมวย”
“ก็ทั้งสองอย่าง หรือว่าแกไม่อยากเจอเฮียตี๋ตัวเป็น ๆ ล่ะ”
นั่นสินะ...ทำไมถึงลืมคิดข้อนี้ไปเลยล่ะ ถ้าไปงานเลี้ยงก็จะได้เจอกับเขาคนนั้น จะได้ทำความรู้จักมากขึ้น แล้วก็...โอกาสก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
“ตกลง ฉันไปด้วย”
“ดีมากจ้ะเพื่อนรัก อย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ ไปยั่วพี่ชายฉันด้วยนะจ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้หนึ่งทุ่มตรงหน้าคอนโดจ้ะ”
กีรติวางสายไปแล้ว เป่าเป้ยก็รีบดีดตัวลุกจากเตียงนอนตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกดูชุดที่จะใส่ไปวันพรุ่งนี้ มือเล็กเลื่อนดูชุดที่แขวนอยู่ไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ชุดเดรสเกาะอกสีขาว ซึ่งเธอคิดว่ามันน่าจะดึงดูดความสนใจจากอีกฝ่ายได้มากทีเดียว...
วันต่อมา
กิตติภพนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาภายในห้องเล่นคอนโดของน้องสาวสุดที่รัก นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดูแล้วดูอีก ปลายเท้ากระดิกขึ้นลงเมื่อคนที่เขากำลังรอไม่ออกมาจากห้องนอนเสียที
รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ยัยน้องสาวตัวยุ่งก็เปิดประตูออกมา สายตาคมกริบไล่มองชุดที่กีรติใส่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเด็กดื้อ
“หัดแต่งตัวโป๊ ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แกแน่ใจนะว่าไปอยู่จีนหนึ่งปีนี่ไปเรียน”
มั่นใจว่าไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ไอ้กระโปรงสั้น ๆ ที่แค่ปิดแก้มก้นเอาไว้มันใช้ได้ที่ไหน ไม่ต้องคิดไปถึงตอนก้มหรอก ขนาดยังไม่ก้มก็ยังจะเห็นก้นกลม ๆ นั่นอยู่รอมร่อ มันน่าจับขังไว้ที่ห้องแล้วยกเลิกงานเลี้ยงเสียดีไหม
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้น่าเฮีย...อุ๊ย” น้องสาวตัวดีพูดแล้วเอามือป้องปากท่าทางยียวน “ลืมไปว่าเฮียก็แก่จริง ๆ นั่นแหละ”
“ยัยหมวย...” กิตติภพเปรยเสียงเข้มลอดไรฟัน ในขณะที่กำลังข่มอารมณ์ไม่ให้จับเด็กดื้อมาตีก้น “โตขึ้นนิดเดียวกล้าว่าพี่ตัวเองแล้วเหรอฮะ”
ฝ่ามือหนาวางทาบลงบนศีรษะทุยเล็กอย่างนึกมันเขี้ยว พร้อมกับขยี้จนผมยาวสลวยที่จัดลอนไว้สวยงามฟูฟ่อง
“โอ๊ย...เฮียตี๋ ผมหมวยยุ่งหมดแล้วเนี่ย”
“เอาน่า ผมยุ่งแต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี”
เรื่องสปอยล์น้องตัวเองเขามันที่หนึ่งอยู่แล้ว ก็อย่างว่า...เมื่อก่อนป๊ากับม๊าเคยเล่าให้ฟังว่าตั้งใจมีลูกแค่คนเดียว แต่เด็กดื้อตรงหน้ากลับทะลุแผงยาคุมมาเกิดเสียได้ เขาเลยมีน้องสาวที่อายุห่างกันถึง 14 ปี
ถึงตอนแรกจะไม่ได้ตั้งใจ แต่พอยัยหมวยออกมาลืมตาดูโลกแล้วทุกคนก็รักมาก ๆ รวมถึงตัวเขาด้วย ทั้งรัก ทั้งหวง น้องสาวคนนี้ที่สุด
“รีบไปดีกว่าเฮีย เดี๋ยวเป้ยรอนาน”
ใบหน้าคมพยักรับ เอาจริงเขาก็อยากจะเห็นหน้าเพื่อนของน้องสาวเหมือนกัน เพราะกีรติพูดถึงให้ฟังบ่อย ๆ ว่าน่ารักอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ บางทีก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนน้องสะกดจิตอยู่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ปกติยัยตัวแสบแทบจะไม่เล่าเรื่องเพื่อนเลย การมีใครมาให้สนิทสักคนเหมือนที่เขาสนิทกับเพื่อนซี้ทั้งสองก็ถือว่าไม่เลว
รถยนต์ราคาแพงแล่นมาตามท้องถนน มีเสียงเพลงแดนซ์เปิดดังมาตลอดทางและไม่ต้องเดาว่าใครเป็นคนเปิด จะเป็นใครไปได้นอกจากน้องสาวจอมซนที่ตอนนี้เอาแต่โยกย้ายส่ายตัวไปมา ทำราวกับกำลังวอร์มอัพก่อนถึงร้าน
“เต้นขนาดนี้ กว่าจะถึงร้านก็เหนื่อยแล้วมั้ง” กิตติภพอดที่จะแซวไม่ได้ และน้องสาวเพียงคนเดียวก็ทำเพียงหันหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้แต่ก็ยังเต้นอยู่อย่างเดิม จนรถมาหยุดอยู่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งตามคำบอกทางของกีรติ
“ไหนล่ะเพื่อนเรา” เจ้าของรถราคาแพงเอ่ยถาม พลางกวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณ แต่ก็ยังไม่เห็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาตามที่คนนั่งข้าง ๆ บอกเลยแม้แต่คนเดียว
“เดี๋ยวหมวยโทรหาเป้ยก่อนนะ อาจจะยังไม่ลงมาค่ะ”
แต่เพียงแค่โทรศัพท์มือถือแนบกับใบหูของคนตัวเล็ก กีรติก็ยิ้มแป้นพร้อมกับลดกระจกรถลงอย่างรวดเร็ว
“ทางนี้เป้ย! ทางนี้” เสียงตะโกนมาพร้อมกับมือที่กวักเรียกใครบางคนซึ่งกำลังเดินออกมาจากคอนโด
กิตติภพหันไปมองยังทางที่น้องสาวกำลังกวักมือเรียกใครบางคนอยู่ นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง การกระทำทุกอย่างหยุดค้างกลางอากาศในทันที แม้แต่ลมหายใจเข้าออกในในตอนนี้ก็แทบจะหยุดไปด้วย
ผู้หญิงคนนั้น...
ผู้หญิงคนที่เขาเจอที่ร้านอาหารของอัครา
ผู้หญิงที่มีกลิ่นหอม ๆ จนทำให้ตี๋น้อยแข็งคนนั้น...เป็นเพื่อนกับยัยหมวย
“ขึ้นมาเลยเป้ย ฉันปลดล็อกประตูให้แล้ว”
ประตูตรงเบาะหลังถูกเปิดออก แล้วหญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีขาวแสนเซ็กซี่ก็เข้ามานั่งด้านใน แวบหนึ่งที่เขาเหลือบมองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นว่าเธอกำลังส่งยิ้มมาให้
“เฮียตี๋...นี่เป้ย เพื่อนสนิทหมวยเอง”
“สวัสดีค่ะ...เฮียตี๋ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“คะ ครับ”
ตอนนี้ทำได้เพียงตอบรับสั้น ๆ ก่อนที่จะขับรถออกมาจากบริเวณคอนโดแล้วตรงไปยังคลับของตัวเอง ทั้งน้องสาวและเพื่อนต่างคุยกันสนุกสนาน พูดเรื่องเรียนบ้าง เรื่องคลับที่กำลังจะไปบ้าง แต่หูของเขาตอนนี้กลับเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
ในใจมัวแต่พะวงกับไอ้กลิ่นหอม ๆ ที่ลอยมาเตะจมูกแถมร่างกายไม่รักดีมันเริ่มจะทำปฏิกิริยาอีกแล้ว เหลือบมองกระจกมองหลังอีกครั้ง ก็พบว่านัยน์ตาสีน้ำตาลแสนยั่วเย้านั้นกำลังจ้องมองเขาอยู่ ไม่ได้...ไม่ได้เด็ดขาด นั่นเพื่อนน้องสาวและอายุห่างตั้งสิบกว่าปี ไม่ใช่ทาง และไม่ใช่สเปกสักนิดเดียว!
‘ฉิบหายแล้ว’ กิตติภพได้แต่สบถคำอยู่ในใจ ตอนนี้ภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มกำลังมีบางสิ่งเริ่มพองตัวดุนดันขึ้นมา โชคดีที่เขาสวมแจ็กเกตหนังเอาไว้ เลยพอทำให้ชายเสื้อแจ็กเกตช่วยปิดบังส่วนกลางลำตัวได้บ้าง
‘น้ำหอมกลิ่นเหี้ยอะไรวะ’ อยากจะจอดรถถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขืนทำอย่างนั้น มีหวังทั้งน้องสาวและผู้หญิงคนนั้นก็รู้หมดพอดีว่าเกิดอะไรขึ้น
ลมหายใจถูกพ่นออกและสูดเข้าเป็นจังหวะเนิบนาบเพื่อควบคุมสติและไอ้ตี๋น้อยไม่ให้ขยายไปมากกว่านี้ ในระหว่างที่สองมือต้องพยายามประคองพวงมาลัยรถให้ขับตรงไปยังจุดหมายอย่างปลอดภัย
“เฮียตี๋ เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเหงื่อออกเต็มหน้าเลย” กีรติหันมาทางพี่ชายแล้วเอ่ยทัก กำลังจะขยับตัวเขาหาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่า...เสียงเข้ม ๆ ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน
“นั่งดี ๆ เลยหมวย เฮียไม่ได้เป็นอะไร แค่รู้สึกว่าอากาศมันร้อนไปหน่อยน่ะ”
“ร้อน? แอร์ในรถเฮียเปิด 16 องศานี่ยังร้อนอยู่เหรอ ถ้างั้นก็ถอดแจ็กเกตออกสิ ใส่ทำไมก็ไม่รู้”
น้องสาวตัวแสบก็ช่างสงสัยเสียจริง เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามกรอบหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาต้องใช้หลังมือปาดออก เกิดมาจนอายุ 35 ปี เพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก ถ้าหากได้ดื่มเหล้าคงคิดว่าตัวเองโดนยาปลุกเซ็กซ์ แต่นี่มันไม่ใช่
กลิ่นหอมนั่น สักวันต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นกลิ่นอะไร...
///////////////////////////////////////////////////////
