พบกันครั้งแรก
ภัคพลกำลังลืมตาตื่นจากความฝัน เมื่อสัมผัสจากรอบด้านทำให้เขาค่อยๆ รู้สึกตัว ชายหนุ่มลืมตาโพรงขึ้นมา เมื่อเขารู้สึกว่าอยู่บนเตียงอากาศหนาวเย็น ไม่ต่างกับฤดูฝน ซึ่งได้กลิ่นของความหนาว บรรยากาศโดยรอบผิดไปจากปกติ
มันควรจะเป็นอากาศร้อนแบบเมืองไทยในกรุงเทพฯ แล้วนี่... เขารีบสะดุ้งตื่นจากเตียงฟูกหนา และผ้าห่มนวมให้ความอบอุ่น พื้นที่โดยรอบมันไม่ใช่ห้องนอนของเขา เป็นลักษณะบ้านเรือนเล็ก ตกแต่งประดับด้วยหินเก่า เฟอร์นิเจอร์สวยหรูหรา ของใช้เล็กน้อยภายในจำเป็น
ชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่กลางห้อง เมื่อพบว่ามันเป็นห้องใหม่ แล้วที่นี่ที่ไหนกัน... มองหาที่มาของแสงสว่าง เขารีบวิ่งตรงปรี่ไปที่หน้าต่าง เพื่อเปิดมันออก แล้วชะโงกหน้าออกไปข้างนอก
“เอาจริงหรือพ่อ?” ภัคพลสบถดัง เมื่อภาพที่ปรากฏ มีคฤหาสน์หลังงามอยู่เบื้องซ้าย และทางออกที่นี่คือประตูรั้วด้านขวา เขาคงจะถูกนำตัวมาขังไว้ที่นี่ แปลว่าเขาต้องจากเมืองไทย และสมปองคู่นอนส่วนตัว และทุกๆ อย่าง ในกรุงเทพ
ภัคพลคิดว่าควรควานหาโทรศัพท์มือถือ เพื่อต่อสายหาพ่อ มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่จะต้องบีบบังคับเขาให้มาเรียนต่อในลอนดอน หรือมาอยู่กับคนในครอบครัวอื่น เพื่อปรับพฤติกรรมของเขา เข้ากับสังคม... ภัคพลอยากเป็นตัวของตัวเอง และอยากจะทำอะไรก็ได้ ที่ต้องการ...
แม้จะพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือเท่าไหร่ก็ไม่พบ นอกเสียจากประตูนอกห้องถูกคลายกลอนประตู และมีบุรุษรับใช้ เดินเข้ามาภายในห้องเขาอย่างสุภาพ ด้วยชุดสูทขาวดำ เชิดหน้านิ่งเงียบ ภัคพลหันไปพบเขายืนอยู่ข้างหลังพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแพค-คะ-พอน กระผมชื่อ โทมัส วิลเลี่ยม เป็นพ่อบ้านรับใช้ตระกูลสจวต... คุณท่านกำลังรอคุณแพค-คะ-พอน เข้าพบที่ตัวคฤหาสน์ใหญ่อยู่นะขอรับ” เขาพยายามสะกดชื่อของภัคพล สำเนียงค่อนข้างแปล่ง ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เมื่อได้ยินภาษาอังกฤษแบบนั้น
“ภัก-คะ-พน” ภัคพลพยายามย้ำชื่อสะกดให้ถูกต้อง
“แพค-คะ-พอน” เขาพยายามสะกดชื่อของแขก ผู้เขามาอยู่ในคฤหาสน์ และเป็นสมาชิกคนใหม่... ลิ้นและสำเนียงคงไม่ค่อยเอื้ออำนวย...
“โปรดทำความสะอาด แต่งตัว เสื้อผ้าผมจะวางไว้ตรงนี้ เสร็จแล้วออกไปพบผมข้างนอก มีเวลาให้คุณแค่สิบห้านาที” ชายหนุ่มรับใช้กล่าวจบเดินออกพลางล็อคประตูห้อง...
******
ภัคพลไม่โอเคเรื่องในเช้าวันนี้ เมื่อตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในอังกฤษ นี่เขาหลับไปกี่วัน ถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ และถูกบีบบังคับมาแบบนี้ ใช่ว่าทางออกจะมีเพียงแค่ประตู เขาหันเหไปทางหน้าต่าง แต่เมื่อมองลงไปด้านล่าง มันกลายเป็นชั้นสอง ซึ่งไม่มีทางปีนป่ายลงไปใดๆ
“นี่เราจะต้องทำตามที่มันสั่งจริงๆ รึ?” ภัคพลรู้สึกแย่เมื่อถูกบังคับให้ทำตามคำสั่ง หรืออาจจะต้องขอคุยกับเจ้าของคฤหาสน์ที่นี่ เพื่อทำเรื่องส่งตัวเขากลับบ้านที่กรุงเทพฯ หากว่าเขาคือ เพื่อนสนิทของบูรณ์พิภพ สมัยเรียนอ๊อกฟอร์ด
ชายหนุ่มจากเมืองไทย อาบน้ำแต่งตัว สวมเสื้อผ้าซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างดิบดี โดยมันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสุภาพ ทับด้วยสเวตเตอร์สร้างความอบอุ่น เพราะที่นี่อากาศหนาว เขาสวมกางเกงแต่งตัวแบบคนอังกฤษในชุดลำลอง กำลังนั่งรอโทมัสเข้ามาอีกครั้ง เพื่อนำพาเขาไปสู่คฤหาสน์ เพื่อการเข้าพบกันครั้งแรก ระหว่างภัคพลกับดยุค...
“ได้โปรดตามกระผมมาขอรับ” เขาโค้งสุภาพ ยืดตัวตรง ผายมือเชื้อเชิญให้ภัคพลไปกับเขา ในท่วงท่าสุภาพบุรุษ และสง่างาม ทำให้ภัคพลเหลือบหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ ราวกับหุ่นขี้ผึ้งที่เคลื่อนไหว ประติมากรรมที่เดินได้ คำพูดก็สุภาพฟังดูจนน่าเบื่อ นี่พ่อเขาต้องการให้เขาเป็นแบบนี้จริงๆ รึ?
******
ภัคพลถูกเชิญให้มานั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ เป็นที่รับรองผู้มาเยือนทุกๆ คน ซึ่งภายในตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมโบราณ น่าจะมีมานานกว่าหลายร้อยปี เขาไม่อาจแน่ใจว่ามันยุคไหน แต่คิดว่าน่าจะประมาณตั้งแต่ก่อนเรเนซองค์ หากดูจากรูปภาพ
มันเป็นภาพวาดสีฝุ่นตั้งแต่ยุคไบเซนไทน์ หากเขาจำไม่ผิดตอนเรียนอยู่เอกชนม.ปลาย ที่นี่คงจะเก่าแก่หรืออาจจะมีผีบรรพบุรุษตระกูลสจวต แค่คิดก็เริ่มจะหนาวสันหลัง ตามระดับความเย็นของบรรยากาศในลอนดอน
มีสภาพอากาศเย็นชื้นและฝนตก บ้างก็อากาศแจ่มใสร้อนชื้น โทมัสเดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเครื่องชงดื่ม ดูจากกาน้ำชา และถ้วยกาแฟ มีลวดลายโบราณ ทาสีเหลี่ยมทองคำ วิจิตรงดงาม ราวกับคัดสรรมาอย่างดีเลิศ
“อย่างกับต้อนรับเราเป็นเจ้าชายเลยแฮะ แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน” ภัคพลเริ่มทำตัวตามสบาย เอนเอียงตัวพิงกับโซฟาแสนนุ่มสบายกาย ไม่เคยนั่งเฟอร์นิเจอร์ที่ดีอะไรแบบนี้มาก่อน...
******
เสียงปึงปังจากประตูบ้านเปิดกว้าง กระทบกับกำแพง ทำให้ภัคพลตกใจเหลือบหันไปตามเสียง ขณะรอเจ้าของคฤหาสน์มาพบ เขากลับพบใครคนหนึ่ง อยู่ในชุดดำ สวมเสื้อผ้าราวกับทหารนาวิกโยธิน ยืนตัวตรง พร้อมด้วยสัมภาระทั้งตัว แบกมาทั้งหมด เดาว่าน่าจะน้ำหนักประมาณ 20-30 กก.
“เจ้าของบ้านมีลูกชายเป็นทหารหรอกรึ?” ภัคพลเดา ท่าทางจะเป็นคนดุร้ายหรืออาจจะเป็นคนโหดๆ ภัคพลรู้สึกว่าควรจะทำตัวนิ่งดีกว่ามีเรื่องเบาะแว้งกัน...
แววตาหญิงสาวภายใต้ชุดคลุมทั้งตัวปิดหน้า เธอมองไปยังห้องโถงกลางพบชายหนุ่มผมดำ ดูจากเบ้าหน้าแล้วอาจจะเป็นคนเอเชีย ไม่แน่ใจว่ามาจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี แต่ที่แน่ๆ ท่าทางหน่อมแน้ม ตุ้งติ้งแบบนั้น มาทำอะไรที่นี่ภายในบ้านเธอ
ไม่อยากจะเสียเวลาเสวนา อยากจะถามบิดาให้มันชัดๆ ไปเลยดีกว่า เขาเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ ภายในเขตส่วนตระกูลของสจวต เธอเดินจ้ำอ้าว กระฉับกระเฉงสไตล์ทหาร ตรงปรี่เข้าไปส่วนภายใน โดยมีโทมัสรีบเปิดประตูจากระหว่างห้องโถง ไปยังโถงทางเดิน เขาพบเธอถึงกับยิ้มแย้มดีใจออกหน้าออกตา...
“กลับมาแล้วรึครับ คุณหนู... คุณท่านกำลังรออยู่ข้างใน เชิญครับ” ชายรับใช้สุภาพ สง่างาม รีบรับสัมภาระทั้งหมด จนตัวเอนเอียงเกือบล้ม ร่างภายในชุดดำปิดหน้า เดินเข้าไปภายในห้องโถง เพื่อไปพบบิดาอย่างเร่งรีบ...
“อีกสักพัก คุณท่านจะออกมาพร้อมกับคุณหนูนะครับ คุณแพค-คะ-พอน” โทมัสยังคงปฏิบัติความสุภาพไว้เช่นเดิม ค่อยๆ พยุงกระเป๋าทีละใบไปเก็บให้เรียบร้อย
ด้วยความสงสารของภัคพล คิดว่าน่าจะลุกไปช่วยชายผู้มีอายุราวห้าสิบปี ช่วยเขาทำงานเสียหน่อย เผื่อว่าพวกนั้นเดินกลับมา จะได้ไม่ดุกล่าวว่าร้ายโทมัส ซึ่งพยายามดูแลภัคพลมาเยือนที่นี่...
“ผมช่วยนะครับ” ภัคพลพยายามจะหิ้วกระเป๋าสีดำใบใหญ่ มันหนักจนเขาแทบจะยกไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าภายในมีอะไรบ้าง โทมัสยังยืนถือตัวเอียง แต่เขายกมันไม่ขึ้นเลย...
“ไม่เป็นไรครับ กระผมจัดการเองได้ คุณหนูชอบเอาของที่ทำงานมาเล่นที่บ้านเสมอนะครับ” สีหน้าชายหนุ่มยิ้มแย้ม บอกว่าไม่เป็นไร เขารับสภาพนี้บ่อยเป็นประจำ... ภัคพลจึงเดินถอยหลัง เพื่อกลับไปนั่งรออยู่ที่ชุดโซฟารับรอง เป็นเฟอร์นิเจอร์งดงามเก่าแก่ ราวกับดูแลมาอย่างดีหลายปี...
******
“พ่อเข้าใจนะ ลูกคงจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งปรับตัว แต่มันไม่ยากสำหรับคนเก่งของพ่อนะ ธัญญ่า” ชายชราสูงวัย เดินออกมากับ ใครคนหนึ่งในชุดดำซึ่งยังคงปิดหน้า ค่อนข้างจะทำตัวงี่เง่าเล็กน้อย
“เขาจะอยู่กับเราเฉพาะแค่ช่วงเวลาไปเรียนที่อ๊อกฟอร์ดใช่มั๊ยคะ?” น้ำเสียงที่เล็ดออกมาภายใต้หน้ากากปิดหน้า เป็นเสียงของหญิงสาว ถ้าภัคพลไม่หูฝาด แต่รู้สึกว่าทำไมไม่ยอมเปิดหน้า...
“อย่าเสียมารยาทน่ะ เขาเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อ เปิดหน้าเปิดตาได้แล้ว เราควรจะเลิกมาทะเลาะเรื่องเก่าๆ กันได้แล้วนะ ทำตัวเป็นกุลสตรีเสียบ้าง” ชายสูงวัยในชุดลำลองแสนสบาย ในลายสก็อตสีน้ำตาลเข้มสลับดำ ค่อยๆ เดินออกมา โดยมีคนๆ หนึ่งในชุดดำ พยุงแขนไว้...
อีกมือหนึ่งดึงหน้ากากปิดหน้า ปรากฏเรือนหน้ของหญิงสาวไร้เครื่องสำอาง เรือนหน้านวลขาว และผมสีดำประกายน้ำตาล ถูกรวบไว้สูง ปล่อยสยายยาวหางม้า รับกับดวงตาใหญ่กลมโต สวยงามจนภัคพลมองตะลึง
-ผู้หญิง... คนนี้ ...เนี่ยนะ ที่ถืออุปกรณ์ทั้งหมดคนเดียว โดยไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อย ยกได้ไงวะ? - ภัคพลมองหญิงสาวในชุดดำ ราวกับไปออกสนามรบสงครามที่ใดมาสักแห่ง กลับมาพร้อมกับสัมภาระหนักอึ้งแบบนั้น ไม่มีผู้หญิงคนไทยที่ไหน ยกของอะไรแบบนั้นได้หรอก
“ขอแนะนำให้รู้จักกับ ดยุค อดัม สจวต แห่งรอธเซย์ เป็นขุนนางเก่าแก่รับใช้ควีนอลิซาเบธที่2 มาหลายชั่วอายุคนตั้งแต่ต้นตระกูลไปร่วมรบในสงครามครูเสด... เป็นเจ้าของคฤหาสน์ทั้งหมดภายในอาณาบริเวณนี้... “โทมัสกล่าวแนะนำตัวท่านดยุคแห่งรอธเซย์ ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี เมื่อได้พบกับหลานชาย ซึ่งเป็นลูกเพื่อนสนิทตนสมัยเรียน....
“สวัสดีครับ กระผมชื่อ ภัคพล อธิษฐ์โภคิน เป็นลูกชายของ บูรณ์พิภพ มาจากเมืองไทยครับ” ชายหนุ่มรู้สึกนั่งไม่ติดโซฟา เลยขออนุญาตยืนตัวตรงกล่าวแนะนำตัวอย่างลืมตัว เขาไม่เคยเป็นทหารมาก่อนหรอก เพราะทำเรื่องขอผ่อนผันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย... เลยไม่ได้เข้ารับใช้ชาติแม้แต่ครั้งเดียว
แววตาหญิงสาวมองเขาแบบเหยียดชนชั้น เรือนหน้าไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า เธอคงจะทำตัวสูงส่งเกินใคร...
“และนี่คือ คุณหนู ธัญญ่า สจวต ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นร้อยตรีหญิง ในหน่วยคอมมานโด สังกัดข่าวกรอง ฝ่ายสื่อสาร...” ไม่ทันโทมัสจะแจงรายละเอียด หญิงสาวยกมือห้ามปราม
“พอเถอะ โทมัส ไม่ต้องบอกอะไรให้เขารู้มาก แค่มาเรียนต่อตอนอยู่บ้านเราไม่กี่ปี เขาก็กลับไปแล้ว อย่ามาวุ่นวายเรื่องงานของฉันเลยนะ ขอบคุณโทมัส” หญิงสาวขึ้นค้านเสียงแข็ง ความจริงไม่ใช่ธุระอะไรที่เขาจะต้องมารู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ
ทีแรกที่ธัญญ่าพบกับภัคพลครั้งแรก นึกตกใจว่าพ่อเรียกกลับบ้าน เพื่อให้มาดูตัวกับผู้ชายที่ไหน เพื่อหมั้นและจับแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว อยู่บ้านทำตัวเป็นกุลสตรี มันน่าเบื่อมากสำหรับเธอ... แต่เมื่อได้ถกเถียงกันไปแล้วว่า มันไม่ใช่... เธอค่อยรู้สึกโล่งอกหน่อย
ชายคนนี้ท่าทางจะควบคุมยาก เอาแต่ใจ คนเป็นพ่อแม่ยังต้องส่งมาให้เรียนต่อต่างประเทศ เพื่อปรับพฤติกรรม แววตาหญิงสาวมองเขาอย่างเอือมระอา คงไม่เคยลำบากมาก่อนอย่างเธอ... ธัญญ่าเผลอผ่อนลมหายใจ แล้วหยุดกลางคัน
“ยินดีที่ได้รู้จักกันนะครับ หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้” ภัคพลกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษปนสำเนียงไทย เธอรู้ได้เลยว่า คงเป็นคนไทยถูกส่งมาแน่ๆ ยิ่งพ่อบอกว่าเป็นลูกเพื่อนมาจากกรุงเทพฯ ความสนใจของเธอไม่มีความตื่นเต้นเลย
แววตาหญิงสาวหันมาทางบิดา ไม่อยากรับมิตรภาพไม่ยั่งยืน อย่างที่เธอรู้ดีจนไม่อยากกลับเมืองไทยไปกับแม่ คนไทยมักเป็นมิตรกับใครได้ไม่นาน หากมีเรื่องเงินและความใคร่เจือปน...
“เขาจะอยู่กับเราที่นี่ชั่วคราว ในฐานะ ลูกชายบุญธรรมของพ่อ และน้องชายบุญธรรมของลูกนะ” น้ำเสียงเมตตาของดยุค บอกให้พวกเขาทั้งสองคนปรับความเข้าใจพร้อมกัน ว่าจะต้องอาศัยร่วมกันอยู่ภายในเขตบ้านจนกว่า ภัคพลจะเรียนจบ และมีงานการทำเป็นเรื่องเป็นราว เขาถึงจะกลับบ้านได้
“อะไรนะ!!!?” ภัคพลและธันยพร อุทานตกใจพร้อมกัน นี่พวกเขาจะต้องนับเครือญาติกันอีกรึ...
“ดูแลเขาให้สมชายชาตรีด้วยนะ ธัญญ่า อย่างที่พ่อสอนลูกทุกอย่าง...” ดยุคชรา กล่าวสีหน้าเบิกบาน เพราะเขาเลี้ยงธันยพรไม่ต่างกับลูกชายทั่วไป ในเมื่อตอนนี้ลูกชายของบูรณ์พิภพทำตัวไม่สมชายชาตรี ก็หวังเพียงว่าธันยพรจะรับหน้าที่นี้ และปฏิบัติให้ดีที่สุด...
******
