ตอนที่ 04 ชอบรุ่นพ่อ ไม่ใช่รุ่นพี่ (3)
“โอเค ไม่พูดให้ใครฟังหรอก แกเป็นเพื่อนฉันนะ”
“อือ”
“แกแอบชอบเขาเหรอ” ยัยจินยังคงถามต่อ
“...คงงั้นมั้ง ตั้งแต่เจอหน้าครั้งแรก แต่ตอนนี้ไม่ขนาดนั้นแล้ว” ฉันตอบมันพลางถอนหายใจ “พี่เขาเจ้าชู้ ก็ได้แค่ชอบแหละ ให้เอาเป็นผัวก็ไม่หรอก”
“คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ให้คบคนเจ้าชู้ฉันก็เลือกอยู่แบบโสดๆ ดีกว่า” ยัยจินเอ่ยแล้วยิ้มคล้ายกำลังปลอบใจ “บ้าผู้ชายไปวันๆ นั่นแหละดีแล้ว อย่าไปจริงจังกับใครให้ใจเจ็บดีกว่า วันหนึ่งคนที่ดีคนที่ใช่จะมาเอง”
ฉันยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน
หลังจากส่งยัยจินลงตรงนั้นฉันก็คับรถกลับคอนโดของตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เข้าห้องมานอนเล่นมือถือไปพลาง ระหว่างนั้นก็เปิดหนังดูไปด้วย แต่แปลกนะ มันรู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก
ทั้งที่ตอนนี้ฉันก็ใช้ชีวิตแบบเดิมแบบที่เคยทำแต่มันก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อและเหงาอย่างนี้มาก่อน หรือมันเป็นตั้งแต่ตอนนั้นที่มีเขาเข้ามาในชีวิต ชวนคุยทุกวันจนมันติดเป็นนิสัย แต่เขาก็หายไปเป็นเดือนๆ แล้วความเหงาเหล่านั้นมันก็ยังไม่หายไปสักที
ระริน ไม่ใช่ ละลิน : ไปร้านนมกันไหม
เมื่อรู้สึกเบื่อจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงฉันจึงตัดสินใจทักไปหายัยจินอีกที แต่ไม่ได้รอมันตอบกลับฉันก็ขยับตัวไปหยิบเสื้อคลุมกับกุญแจรถออกจากห้องแล้ว ถ้าเพื่อนไม่ไปก็คงไม่เดือดร้อนอะไรเพราะร้านนมที่ว่าอยากไปนั้นก็อยู่ไม่ไกลนัก
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ยัยจินไม่ตอบเพราะมันคงหลับไปแล้ว ฉันมานั่งอยู่ร้านนมคนเดียว ดื่มนมร้อนกับขนมปังนึ่งนุ่มๆ บนชั้นดาดฟ้าของร้านนมที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศดีที่สุด ไฟสีเหลืองอบอุ่นถูกประดับประดาอย่างสวยงาม มีเสียงเพลงฟังสบายหู
ต้องอารมณ์เปลี่ยวขนาดไหนถึงต้องมานั่งคนเดียวแบบนี้ได้นะยัยระริน
“เจอกันอีกแล้ว”
เสียงเข้มของใครบางคนทำให้ฉันต้องหันมอง พอเห็นว่าเป็นรุ่นพี่คนที่เจอกันเมื่อกี้นี้ก็แอบตกใจเหมือนกัน เพราะเขาขอไลน์ไปแต่ไม่ได้ให้แอบเนียนหนีมากับยัยจินสุดท้ายยังมาเจอกันที่ร้านนม
“ค่ะ” ฉันหัวเราะแห้งๆ แล้วยกแก้วนมร้อนขึ้นมาจิบเมื่อถูกสายตาของอีกฝ่ายจับจ้อง
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ...” ฉันไม่อยากตอบแบบนี้เลยเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาขอนั่งด้วยกัน แล้วมันก็จริงอย่างที่คิดเอาไว้
“พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม พอดีโต๊ะเพื่อนมันเต็มแล้ว”
เขาไม่พูดเปล่ายังชี้ไปที่อีกโต๊ะหนึ่งนั้น พอฉันหันไปมองก็เห็นว่าไม่มีที่ว่างอยู่แล้วจริงๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาหรอกถ้าเขาอยากจะนั่งกับเพื่อน แค่หยิบเก้าอี้สักตัวไปตรงนั้น แล้วฉันจะปฏิเสธยังไงล่ะ
“ค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ แล้วยิ้มส่งไปให้อย่างมีมารยาท
มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรก็แค่ทำความรู้จักกัน ถึงเขาจะดูภายนอกเจ้าชู้แต่ใครจะไปรู้ นิสัยใจคอจริงๆ ของเขาอาจจะเป็นอีกแบบก็ได้ ขนาดว่าบางคนที่เราเห็นว่าไม่มีอะไรยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังน่ากลัวเลย
“ขอบคุณนะคะ” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยแล้วก็ยิ้มหวานส่งมาให้
คำว่า ‘นะคะ’ ของเขาทำเอาฉันประหลาดใจไม่น้อย ผู้ชายที่พูดแบบนี้มันดูน่ารักจนฉันเผลอยิ้มออกมา เกิดมาเพิ่งจะมีคนพูดแบบนี้ด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่ชื่อนนท์นะครับ”
“ระรินค่ะ” ฉันตอบทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขารู้จัก จนเขายิ้มแก้มปริตอบกลับมา
จะว่าไปแล้วพี่นนท์ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะ ถ้าตัดสายตาเจ้าชู้ของเขาออกไป เขาคือคนที่น่าสนใจมากทีเดียว ติดที่ฉันเกลียดคนเจ้าชู้นี่ล่ะ ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน
“พี่เห็นเราตั้งแต่ช่วงประกวดดาวเดือน เคยขอให้ไอ้ไมมันไปจีบเราให้พี่ด้วยแต่มันไม่ให้ความร่วมมือ” เขาหัวเราะเบาๆ กับการเล่าเรื่องในอดีต
“...” ฉันได้แต่ยิ้ม เพราะได้ยินชื่อนั้นแล้วก็คิดอะไรไม่ออก
“แล้วคิดยังไงมานั่งร้านนมคนเดียว”
“พอดีเบื่อๆ ค่ะ”
“งั้นวันหลังถ้าเบื่อชวนพี่ได้นะ ร้านนี้พี่มาเกือบทุกวัน”
ฉันกับพี่นนท์คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยเกือบชั่วโมง เขาเป็นคนพูดคล่องจนฉันต้องเป็นผู้ฟังที่ดี แต่รุ่นพี่คนนี้ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรมากมาย เราแลกไลน์กันสมใจเขา ฉันเองก็ไม่อยากเสียมารยาท ลองเปิดใจดูสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่ก็แค่ถอยออกมา การผูกมิตรคงดีกว่าก่อเป็นศัตรูแน่นอน
“ไว้พี่จะทักไปคุยด้วยนะครับ”
“...” ฉันไม่ได้ตอบแค่พยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มไปให้
หลังจากนั้นพวกเราก็แยกกันตรงหน้าร้านฉันก็เดินมาขึ้นรถที่จอดไว้บริเวณด้านหลังของร้าน ระหว่างที่เดินอยู่ตรงลานจอดสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นพอดี จะไม่แปลกใจหรอกถ้าไม่ใช่เขา
พี่ไมเนอร์ อีกแล้ว...
------------------
ตามเขาแหละแต่ทำเป็นเรื่องบังเอิญ
กดหัวใจ กดเข้าชั้น คอมเม้นกันด้วยน้าา
