บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ผู้ชายบ้ากาม 2

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ดีใจที่นายพุงยื่นคนนั้นมาหาคุณเหรอไง” เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมอง ก่อนจะหยุดยิ้มแล้วเชิดหน้าพูดไปว่า

“ไปว่าเขาพุงยื่นน่ะ ดูตัวเองก่อนเถอะค่ะ”

“ผมไม่มีพุง ผมเลยว่าคนอื่นได้” เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจเกินร้อย ก่อนจะดึงเสื้อยืดตัวเองขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบที่มีซิกแพคขึ้นเล็กน้อยพอสวยงาม

“ดูดิ ผมพุงไม่ยื่น”

ฟังคำพูดเขาแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะหมั่นไส้หรือว่าอายเขาดี ดวงตากลมโตหรี่มองหน้าท้องเขานิ่งนาน สองแก้มแดงปลั่ง ก่อนจะพูดออกมาเสียงแหลมว่า

“ฉันไม่อยากดูหน้าท้องของคุณนะ”

“จริงเหรอ เห็นดูซะนานเชียวนะ” ธัศไนยพูดแกมหัวเราะ

“อีตาเบื้อก” เธอค้อนเขาตาคว่ำ ก่อนจะเหลียวมองรอบๆตัวแล้วหันมาถามเขาว่า

“แล้วตะกร้านมหนูเมล่ะคะ”

“ตะกร้านม?” เขาทำหน้าฉงนสงสัย

“ใช่ค่ะ ตะกร้านม”

“อ๋อ ผมคงลืมเอามาน่ะ อยู่ในรถโน่น” เขาบอกด้วยสีหน้าระรื่น

“ไปเอามาเลยค่ะ” เธอสั่ง แต่ร่างสูงกลับไม่ยอมขยับทำตาม

“เดี๋ยวค่อยไปเอาไม่ได้เหรอ” เขาต่อรอง

“ไม่ได้ค่ะ คุณต้องไปเอามาเลย”

“แต่ว่า” ชายหนุ่มทำอิดออด

“บอกว่าให้ไปเอาไงคะ” เธอทำเสียงเข้ม จนเขาต้องพ่นลมหายใจออกทางจมูกยืดยาว

“โอเคๆ ผมไปเอาเลยก็ได้”

“ดีมากค่ะ อย่าไปนานนักนะคะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่ชายหนุ่มเปิดประตูร้านออกไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ร่างสูงเปิดประตูออกมาแล้ว สายตาคมๆก็ตวัดมองไปทางพื้นถนนหน้าร้าน แต่ก็ไม่พบวี่แววของธงชัยอีก ป่านนี้ธงชัยคงกลับไปแล้วกระมัง…

ธัศไนยคิดพร้อมกับเดินไปทางด้านซ้ายมือเพื่อตรงไปยังรถยนต์ราคาแพงของตัวเองที่จอดรออยู่ ชายหนุ่มคงเปิดประตูรถตัวเองออกไปแล้ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าโทรศัพท์มือถือของเขามันเปล่งเสียงร้องขึ้นมาเสียก่อน

“ฮัลโหล” ชายหนุ่มกดรับสายพร้อมกรอกเสียงไป

//ฮัลโหล นี่แววเองนะคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ อยู่บ้านหรือเปล่า แววไปหาได้ไหมคะ// เสียงใสๆถามออกมาเสียงออดอ้อน เล่นเอาธัศไนยต้องถอนหายใจเฮือก

“ผมคิดว่าเรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้วนะครับ คุณเองก็น่าจะเลิกติดต่อกับผมได้แล้ว”

//เอ๊ะ คุณจบ แต่แววยังไม่จบนี่คะ// แวววรรณพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะผ่อนเสียงให้เบาลงเหมือนเดิม //แววยังรักคุณอยู่นะคะธัศ//

“แค่นี้ก่อนนะครับ ผมมีธุระ” พูดจบ ชายหนุ่มก็ยอมเสียมารยาทกดตัดสายไปทันที ก่อนจะเปิดประตูรถให้เปิดออกกว้างแล้วมุดเข้าไปหยิบตะกร้าที่บรรจุสิ่งของจำเป็นสำหรับเด็กออกมา

แวววรรณคืออดีตสำหรับเขา เขาเคยชอบเธอ แต่นั่นมันก็เป็นแค่ความชอบ ไม่ได้รัก

เมื่อเธอทิ้งเขาไปมีคนใหม่ เขาจึงไม่ได้เสียใจอะไรมากมาย แล้วมาวันนี้เธอคิดจะกลับมาขอเขาคืนดีเพราะคนรักคนนั้นของเธอทิ้งเธอไปแล้ว

ตอนนี้เขาไม่มีเยื่อใยอะไรให้เธออีก สิ่งที่เขามีในตอนนี้ก็คือ…ความรู้สึกดีๆในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์กันเท่านั้น!!

ร่างสูงเดินหิ้วตะกร้ากลับไปยังร้านเล็กๆของประภาพิณก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร มือใหญ่ผลักบานประตูให้เปิดออกกว้างและก็ทันได้เห็นหนุ่มหน้าเสี้ยม ดวงตาหลุกหลิกคนหนึ่งเข้าพอดี

“!!” ทันทีที่ผู้ชายร่างผอมคนนั้นหันมาสบตากับเขา ก็สะดุ้งแล้วลนลานเดินหนีออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วโดยมีธัศไนยมองตามหลังไปอย่างงุนงง

“ท่าทางเขาจะกลัวคุณนะ” ประภาพิณพูดเสียงกลั้วหัวเราะ มือเรียวยังคงหยิบดอกไม้มาจัดอย่างชำนาญ

“เขาเป็นใคร” ชายหนุ่มถามพร้อมวางตะกร้าลง

“เขาเป็นคนส่งดอกไม้ค่ะ”

“เหรอ ท่าทางไม่ให้เลยนะ” ชายหนุ่มวิจารณ์ เล่นเอาเธอต้องหันมาค้อนใส่อย่างหมั่นไส้

“คุณเองก็หน้าไม่เหมาะจะเป็นครูเหมือนกันค่ะ”

“ผมเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วยน่ะ ต้องทำหน้าเข้มๆหน่อยสิ เดี๋ยวเด็กไม่กลัว” เขาลูบหนวดตัวเองไปมาแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาข้างๆหลานชายตัวน้อยที่เริ่มจะนั่งเป็นแล้ว

“อย่าว่าแต่เด็กเลยค่ะ ขนาดฉันยังกลัวคุณเลย”

“หมายความว่าไง” คิ้วเข้มๆเริ่มขมวดมุ่น

“ก็หมายความว่าฉันก็กลัวคุณน่ะสิคะ คนอะไรหน้าดุยังกับ…” หญิงสาวเงียบเสียงลง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่เธอจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆคนร่างสูงก็เดินมาหยุดยืนซ้อนอยู่เบื้องหลังของเธอ

“ยังกับอะไร” เขาถามเสียงนุ่ม เล่นเอาประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหายใจติดๆขัดๆ

“มายืนทำไมตรงนี้เล่า ไปดูแลหลานคุณโน่นสิ” เธอออกปากไล่ มือไม้เริ่มสั่นจนจัดดอกไม้ต่อไม่ถูก

“ผมอยากยืนตรงนี้ ไอ้เมมันโตแล้ว มันดูแลตัวเองได้ ผมไม่ต้องคอยตามดูแลมันทุกฝีก้าวหรอก” เขาพูดเสียงกริ่มๆ เล่นเอาประภาพิณต้องตวาดแหว

“อายุหกเดือนเนี่ยนะ โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว!”

“ใช่” เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะถามออกมาอีกครั้งว่า “ตกลงว่าคุณจะบอกผมได้หรือยังว่าผมหน้าดุยังกับ…อะไร”

“เหมือนโจร” เธอตอบสั้นๆ

“ห๊ะ!” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างนิดๆอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ในขณะที่เธอพูดออกมาอีกว่า

“เหมือนองคุลีมาล”

“ว่าไงนะ!”

“เหมือนคนบ้ากามด้วย”

“ห๊ะ!!”

ดูเหมือนว่าข้อกล่าวหาข้อสุดท้ายของเธอ จะทำให้เขารู้สึกตกใจมากที่สุด มือใหญ่จับร่างเธอให้หมุนหันหน้าเข้าหาเขา

“จะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวถามเสียงเขียว ในมือยังถือกุหลาบดอกโตไว้อยู่

“ทำอะไรก็ได้เพื่อจะให้สมข้อกล่าวหาที่คุณมาว่าผม..บ้ากาม” เขาพูดพร้อมหลุบตาลงมองริมฝีปากเธออย่างมีความหมาย

“นี่ๆๆ หลานคุณนั่งมองอยู่นะ”

“ไอ้เมมันลุ้นให้ผมจูบคุณอยู่ไง” เขาพูดอย่างไม่สนใจ พร้อมกับก้มหน้าลงมาใกล้เธอทีละนิดๆ

“เดี๋ยวหลานคุณก็เอาไปทำตามหรอก หลานคุณจะเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้านะ” คำพูดของหญิงสาว ทำให้เขาชะงักการกระทำลง ก่อนจะหรี่ตาลง

“นั่นสิ เดี๋ยวหลานชายผมใจแตกกันหมดพอดี มันตั้งหกเดือนแล้วด้วยสิ”

“ใช่ค่ะ หนูเมโตแล้ว เพราะฉะนั้นคุณถอยๆห่างไปเถอะนะคะ ฉันอึดอัด”

“ไม่ถอย” เขายังคงดึงดัน

“เอ๊ะ ทำไม” ตาโตๆเริ่มวาววับ ในขณะที่เขาหันไปมองเมธากรบนโซฟาแล้วหันมาบอกเธอว่า

“ไอ้เมมันหลับไปแล้ว”

“อะไรกัน เมื่อกี้ยังนั่งเล่นอยู่เลยนี่นา” ประภาพิณทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ พร้อมกับหันไปมองเมธากรและก็เห็นว่าเด็กชายหลับปุ๋ยไปแล้วจริงๆ

“แสดงว่านายเมรู้เห็นเป็นใจให้เขาจูบคุณ”

“อย่ามาล่วงเกินฉันนะ ไม่งั้นฉันจะ จะ” เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ชายหนุ่มกลับยักไหล่สั้นๆแล้วถามกลับเสียงรวนๆว่า

“ทำไมล่ะ คุณจะจูบผมกลับเหรอไง”

“ไม่ช่ายยยย ฉันจะต่อยคุณต่างหากล่ะ” ว่าแล้ว เธอก็ชูกำปั้นหราเป็นเชิงข่มขู่

“เหรอ ต่อยก็ต่อยไปสิ” เขาท้าทายพร้อมกับดึงร่างบางมาปะทะอกแกร่งแล้วก้มลงจูบเธอแนบแน่น

ขาแข็งแรงเสียดสีกับขาเรียวยาว อกกว้างแนบชิดกับอกนุ่มหยุ่น ลิ้นร้อนๆควานหาความหวานไปทั่วโพรงปากอย่างชำนาญ ในขณะที่มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เลื่อนมาประคองที่ใต้ท้ายทอยเธอเอาไว้ให้เธอเงยหน้าขึ้นรับจุมพิตจากเขาได้สะดวกๆ

ธัศไนยถอนจุมพิตออกจากปากบาง มือเล็กเงื้อขึ้นสูงตั้งใจว่าจะตบหน้าเขาสักฉาดสองฉาด แต่ว่าเขาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน

“ขออีกสักทีสิ เดี๋ยวให้ต่อย” พูดจบ เขาก็ก้มลงหาเธออีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ลิ้มรสเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างที่ต้องการ เขาก็ต้องหยุดชะงักการกระทำทั้งหมดลงเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น

ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“เสียงอะไรน่ะ” คิ้วเข้มๆขมวดขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ประภาพิณเม้มปากแน่นพร้อมยกมือขึ้นถูปากตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิดก่อนจะตอบเขาไปว่า

“หลานชายคุณตดน่ะ!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel