ตอนที่ 5 หม่อมฉันไม่ต้องการแท่งหยกอันนั้น (1)
ตอนที่ 5 หม่อมฉันไม่ต้องการแท่งหยกอันนั้น (1)
“ถวายพระพรพระชายา” เสียงนางกำนัลดังตลอดทางเดิน เมื่อนายหญิงของเรือนเดินผ่าน
หนิงหว่านซูทำเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนจะเดินไปตามทางเพื่อให้ถึงห้องครัว ในใจก็ก่นด่าไม่หยุด ที่เรือนนี้ช่างกว้างขวางเสียเหลือเกิน จะไปไหนแต่ละที เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
เมื่อมาถึงห้องครัว นางสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมด ทว่าลี่เอ๋อร์และเสียนเสียนนางกำนัลอีกคนไม่ยอมออกไป เพราะกลัวว่าพระชายาจะได้รับบาดเจ็บยามที่ทำอาหาร
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าเกิดอันตราย ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว หากไม่ฟังคำสั่ง ข้าจะสั่งลงโทษพวกเจ้าทั้งสองคนเดี๋ยวนี้” หนิงหว่านซูส่งเสียงดุและหนักแน่นออกไปอีกครั้ง
สาเหตุที่นางต้องการจะทำอาหารคนเดียวนั้น เพราะนางต้องการทดสอบมิติที่ได้มาว่าใช้ได้จริงหรือไม่ หากมีคนอื่นอยู่ด้วย คงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
“แต่...” ลี่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น นี่คือคำสั่งของข้า” กล่าวจบนางเดินเข้าห้องครัวไปทันที พร้อมปิดประตูใส่หน้านางกำนัลทั้งสองทันที
เมื่ออยู่ตามลำพัง นางก็ส่งสายตามองไปยังวัตถุดิบที่มีอยู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
“วัตถุดิบก็ดูครบถ้วนดี แต่ทว่าหากทำอาหารด้วยวัตถุดิบของที่นี่ คงมีแต่อาหารที่จืดชืด ข้าคงกินข้าวได้ไม่กี่คำ” นางหยิบวัตถุดิบขึ้นมาแล้วเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ
“ว่าแต่มื้อนี้ทำอะไรกินดีล่ะ” ปากพูดไปมือก็หยิบของต่าง ๆ มาดูด้วย “มื้อเที่ยงเช่นนี้กินส้มตำน่าจะอร่อย ลองใช้มิติดูดีกว่า”
ว่าแล้วนางก็ลองเรียกมะละกอและวัตถุดิบในการทำส้มตำออกมาจากมิติ โดยการนึกในใจว่าอยากได้ของเหล่านั้น ชั่วพริบตาเดียวของทุกอย่างก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า นางจึงปรบมือด้วยความชอบใจ
“เช่นนี้สิ ค่อยน่ารักหน่อย” นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ
จากนั้นก็เริ่มลงมือจัดการกับมะละกอ และในขณะที่กำลังปอกมะละกออยู่นั้น นางคิดว่าควรจะมีหมูย่างหรือไก่ย่าง
“อยากกินหมูย่าง ไก่ย่าง แต่เรื่องนี้คงต้องให้นางกำนัลด้านนอกช่วยย่างเสียแล้ว ส่วนเรื่องเครื่องปรุงไม่ยาก”
คิดได้เช่นนั้นหนิงหว่านซูจึงวางมะละกอในมือลง จากนั้นจึงนำเครื่องปรุงออกมาจากมิติเพื่อเอามาหมักหมูและไก่ที่นางกำนัลเตรียมไว้ให้ เมื่อหมักเสร็จแล้วจึงถือเดินออกมาจากห้องครัว
“พวกเจ้าก่อไฟย่างเนื้อหมูและไก่พวกนี้ได้ใช่หรือไม่” นางถามออกไปทันที
“ได้เพคะพระชายา เรื่องย่างเนื้อพวกเราจัดการให้เองเพคะ ว่าแต่พระชายามีอะไรให้พวกเราช่วยอีกหรือไม่เพคะ”
เสียนเสียนเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม นางหวังว่าพระชายาจะใช้งานเรื่องอื่นด้วย เพราะหากท่านอ๋องรู้เรื่องในวันนี้เข้า พวกนางคงโดนลงโทษหนักแน่ ที่ให้พระชายาปรุงอาหารด้วยพระองค์เอง
“ไม่ล่ะ พวกเจ้าย่างหมูกับไก่พวกนี้ให้ดีก็พอ ส่วนในครัวนั้นหากข้าทำอาหารเสร็จแล้ว จะเรียกเข้าไปก็แล้วกัน” เอ่ยจบนางก็หมุนตัวกลับเข้าห้องครัวอีกครั้ง พร้อมกับปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนาเหมือนเดิม
อาหารในวันนี้นอกจากส้มตำ ไก่ย่างและหมูย่างแล้ว หนิงหว่านซูยังทำลาบหมู และต้มแซ่บกระดูกอ่อน แถมนางยังเอาข้าวเหนียวออกมานึ่งอีกด้วย อาหารมื้อนี้ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วยามทุกอย่างก็เรียบร้อย
“อาหารน่ากินทุกอย่างเลย แต่จะมีผู้ใดสงสัยหรือไม่นะ ที่ข้าทำอาหารพวกนี้” นางมองอาหารตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็แอบกังวลเล็กน้อย
“คงจะต้องกำชับนางกำนัลในห้องครัวว่าห้ามสงสัย และห้ามบอกกับผู้ใดในเรื่องนี้ มิฉะนั้นพวกนางจะต้องได้รับโทษไปด้วย ส่วนนางกำนัลคนสนิททั้งสองคน คิดว่าค่อยหาข้ออ้างบอกก็แล้วกัน” นางพูดกับตัวเองเบา ๆ หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ส่วนข้างนอกน่าจะย่างหมูย่างไก่เสร็จแล้วเหมือนกัน กลิ่นของทั้งสองอย่างหอมตลบอบอวลไปหมดแล้ว ออกไปดูสักหน่อยดีกว่า” นางเอ่ยขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม
