บทที่ 1
คนบนเรือทยอยหยิบสัมภาระของตนมาถือไว้ เสียงตะโกนลั่นบอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะถึงฝั่ง เมื่อเรือจอดสนิททุกคนทยอยลงและไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
"สวยมาก" ทะเลในโลกที่ว่าสวยเขาไปสัมผัสมาเกือบหมด แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนทีมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ต้องข้ามฟ้ามาเยือนถึงถิ่นเท่าครั้งนี้ เกาะหวน...
"ไหนล่ะ คนที่จะมารับเรา" ธาม ไกรศรหรือทอม หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษถามขึ้นคำแรกเมื่อก้าวลงจากเรือ
คนที่มาด้วยมัวแต่ชื่นชมกับความงดงามของสายลมแสงแดด และน้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นผืนทรายใต้ล่าง เพราะเคยแต่ชื่นชมผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อได้มาสัมผัสจริงก็พบว่างดงามกว่าที่เห็นเป็นร้อยเท่า จึงไม่ทันได้ฟังคำถามของผู้ร่วมเดินทางที่มีสีหน้าหงุดหงิดในเวลานี้
"อีธาน แกจะมองทะเลอีกนานไหม ไหนล่ะ คนจากรีสอร์ทที่จะมารับเรา" ธามเอ่ยซ้ำด้วยความหงุดหงิด
คนอื่นที่เดินทางมาพร้อมกันต่างมีคนรับไปเกือบหมดแล้ว แต่ไม่เห็นมีป้ายรีสอร์ทที่อีธานบอกว่าเป็นที่พักของค่ำคืนนี้
"แกเป็นอะไรทอม หงุดหงิดเหมือนคนแก่ไปได้ บอกแล้วไงว่าให้เอาคู่หมั้นมาด้วยจะได้อารมณ์ดีขึ้น" อีธาน แอนเดอร์ลีย์ ทายาทเจ้าของธนาคารชื่อดังของเกาะอังกฤษวัยยี่สิบแปดปีมองหน้าเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ
นับจากที่ธามเข้าพิธีหมั้นอย่างจำใจกับรติรส คู่หมั้นสาวสวยที่บิดาหามาให้เพื่อนรักกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าคู่นี้แสนอารมณ์ดีและมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้างที่พบเห็นเสมอ
"อย่าพูดถึงยัยผีดิบได้ไหม หมดอารมณ์มาเที่ยวกันพอดี" ธามชักสีหน้าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
"โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด เดี๋ยวก่อนนะ" อีธานหยิบเศษกระดาษในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
"อะไรของนาย"
'จันทร์เจ้ารีสอร์ท' มีเบอร์โทรศัพท์พร้อมแผนที่เรียบร้อย แต่ทำไมมันถึงได้ถูกวาดใส่เศษกระดาษมาแทนที่จะเป็นนามบัตรหรือเรียบร้อยกว่านี้
"ศรุตเขียนให้" อีธานเฉลย
"โอเค แล้วไงต่อ" ธามค่อยโล่งใจขึ้น เพราะรู้ดีว่าศรุตเพื่อนรักอีกคนเป็นนักจัดการที่เรียบร้อยทุกอย่าง แน่นอนว่าถ้าศรุตเป็นคนหาที่พักให้ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แน่
"เขาจะมารับเมื่อไร" ธามถามทันที เมื่อเห็นอีธานวางสายโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปที่รีสอร์ท
"เขา..." อีธานยังไม่ทันตอบก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อทั้งสองคนมาแต่ไกล
"คุณธามและคุณอีธานใช่ไหมครับ"
ทั้งสองหันไปมองหาตามต้นเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผิวสองสีเดินตรงมาหาทั้งคู่ พร้อมกับทักทายเป็นภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่ว
"เชิญครับ ผมมนัส ขอต้อนรับสู่จันทร์เจ้ารีสอร์ท" ว่าแล้วเขาก็เดินนำนักท่องเที่ยวทั้งสองลัดไปทางป่าริมหาด โดยไม่มีพาหนะใดมารับนอกจากสองเท้าที่ก้าวตามไปอย่างช้าๆ
คนที่มีความสุขมากที่สุดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากอีธาน เพราะทันทีที่ถึงที่พักเขาก็ไม่ทำอะไร นอกจากวิ่งลงทะเลไปดำผุดดำว่ายราวกับเป็นฉลามหนุ่มอย่างมีสบายใจ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่มาด้วยจะมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดไหน
"เป็นอะไรอีกล่ะ ทอม" อีธานถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเดินขึ้นมานั่งพักที่ริมหาดหลังจากที่เล่นน้ำทะเลโต้คลื่นเพียงคนเดียวอย่างมีความสุข
"นายแน่ใจนะว่า คืนนี้เราจะนอนที่นี่" ธามแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือรีสอร์ที่ศรุตหาให้
บ้านไม้ระแนงริมหาดที่แสนธรรมดาคือที่พักของสองหนุ่มในคืนนี้ ธามพยายามติดต่อกลับไปหาศรุตเพื่อถามให้แน่ใจว่า จันทร์เจ้ารีสอร์ทที่ชายหนุ่มหาให้คือที่นี่ไม่ผิดแน่ใช่ไหม เพราะว่ามัน...
"บ้านเก่ามาก แกเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน" ธามมั่นใจว่าอีธานไม่มีทางที่จะพักในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ แม้กระทั่งโทรทัศน์สักเครื่องแน่
สองหนุ่มเดินกลับเข้ามาในบ้านพัก ธามแสนประหลาดใจเมื่อไม่เห็นอีธานทำท่าไม่อยากอยู่ ตรงกันข้ามเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำฮัมเพลงอย่างมีความสุขอีกต่างหาก
"ฉันขอให้ศรุตหาที่พักแบบนี้ให้เอง" ชายหนุ่มเฉลยหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ
"ฉันอยากมาเที่ยวทะเลแบบไม่ต้องนอนแอร์ ไม่มีอะไรนอกจากทะเลแล้วก็ทะเล"
ธามกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากทะเลจริงๆ อย่างที่อีธานพูด เตียงนอนกลางห้องมีมุ้งสีขาวใบใหญ่กันยุงให้ ห้องน้ำมีเพียงอ่างล้างหน้าชักโครกและฝักบัวธรรมดา ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นไม่มีอ่างให้นอนแช่ ที่สำคัญมีลมธรรมชาติเป็นเครื่องทำความเย็นแทนแอร์คอนดิชั่น
"แน่ใจนะว่าจะอยู่" ธามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
สำหรับตนเองไม่เท่าไรเพราะแค่สามวันที่มาพักผ่อนอยู่อย่างไรก็ได้ แต่สำหรับลูกชายนายธนาคารใหญ่ที่เคยชินกับความเลิศหรูทุกอย่าง ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าพ่อนักท่องเที่ยวรักทะเลคนนี้จะอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
ทั้งสองมารับประทานอาหารค่ำที่ทางรีสอร์ทจัดไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาพัก ธามสังเกตเห็นว่านอกจากโต๊ะของตนกับอีธานแล้วแทบไม่เห็นแขกคนอื่นเลย
"รับอะไรเพิ่มไหมคะ" เสียงหวานหูทำให้สองหนุ่มเงยหน้ามองหา
"รีสอร์ทเรามีอาหารขึ้นชื่อหลายอย่าง ที่เสิร์ฟอยู่ตอนนี้คือทะเลคลั่งค่ะ" สาวน้อยหมายถึงเมนูปลารสชาติจัดจ้านที่อีธานกินจนน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ในตอนนี้
"ส่วนอันนี้คือแปดขาพลีชีพค่ะ" เธอชี้ไปที่ไข่เจียวปูเครื่องเคียงที่ทานคู่กับทะเลคลั่งได้เป็นอย่างดี
"ชื่อแปลกดีนะครับ" ธามบอกด้วยรอยยิ้ม
"ดิฉันชลาลัย สายชลเป็นผู้ดูแลที่นี่ค่ะ" หญิงสาวแนะนำตนเอง พร้อมทั้งพนมมือไหว้ทักทายแขกต่างชาติที่มาพักด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มแสนหวานตลอดจนท่าทางอ่อนโยน ทำให้อีธานกระตือรือร้นที่อยากจะรู้จักกับชลาลัยให้มากยิ่งขึ้น เมื่อรสชาติจี๊ดจ๊าดที่ทำให้น้ำหูน้ำตาไหลบรรเทาลง เขาก็ถือโอกาสชวนคุยจนธามต้องเป็นฝ่ายนั่งฟังแทน
"ที่นี่สงบเงียบดีนะครับ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน"
"ค่ะ เราต้องการเน้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและพักผ่อนอยู่กับตนเอง โดยไม่มีสิ่งอื่นมารบกวนให้มากที่สุดค่ะ"
"ที่นี่นอกจากทะเลสวยแล้ว มีอย่างอื่นที่น่าสนใจไหมครับ" ชายหนุ่มหยอดคำหวานไปพร้อมกับสายตาเป็นประกาย
ธามได้แต่อมยิ้ม รู้ว่าเพื่อนรักเริ่มจะทอดสะพานหวานเหมือนเช่นที่เคยทำกับคนอื่นมานักต่อนักแล้ว เขารู้จักอีธานดีว่านิสัยอย่างไร รักสนุก ไม่ผูกมัดและไม่เจาะจงเพียงใครคนเดียวเท่านั้น นี่ล่ะ คืออีธาน แอนเดอร์ลีย์ ตัวจริงเสียงจริง
แต่ดูเหมือนว่าสะพานที่อีธานพยายามจะทอดหวังให้ชลาลัยเดินข้ามมาไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คิด เพราะหลังจากที่อาหารค่ำจบลงด้วยของหวานแสนอร่อย ชลาลัยก็ขอตัวแยกไปทำหน้าที่ของตน โดยไม่ไปเดินเล่นริมทะเลตามคำชวนของชายหนุ่มแต่อย่างใด มีเพียงแค่ตอบรับว่าพรุ่งนี้เธอจะให้คนของรีสอร์ทมาพาสองหนุ่มไปท่องเที่ยวเท่านั้นเอง
"เริ่มไม่สนุกแล้วหรือไง อีธาน" ธามเย้าเมื่อเห็นอีธานเดินทอดน่องริมหาดด้วยท่าทางเหงาหงอย
"เปล่า ฉันปกติดี" คนรักทะเลเดินต่อไปอย่างช้าๆ
"ที่นี่มีที่เที่ยวอย่างที่นายชอบด้วยนะ เพียงแต่เราต้องออกไปนอกรีสอร์ทหน่อย จะไปไหน ฉันจะไปเป็นเพื่อน" ธามกลัวว่าเพื่อนรักจะเหงา เพราะปกติอีธานชอบแสงสีและความสนุกครื้นเครง แต่ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากเสียงคลื่นและหาดทรายเท่านั้น
"ไม่ ไปนอนดูดาวกันดีกว่า"
อีธานเร่งให้ธามเดินกลับไปที่บ้านพักโดยเร็ว เขาอยากรู้เรื่องการหมั้นของเพื่อนรักที่เพิ่งเกิดขึ้นสดร้อนๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้มากกว่า การออกไปท่องราตรีอย่างเช่นทุกครั้งไป
