ตอนที่ 1
ยายปลวก...ตื่น ๆๆๆ หลับคาหนังสืออีกแล้วนะแก"
ฉันชื่อ รสิกา ปีนี้อายุ 20 ปีแล้ว ฉันสะดุ้งตื่นจากฝัน ปรือตาขึ้นมองคนเรียก
"ฉันชื่อผึ้งโว้ย...ไอ้บ้ามะนาว ชอบเรียกปลวกอยู่ได้"
ฉันเถียงทั้งที่ตายังปรืออยู่ คนที่ปลุกฉันคือยายมะนาว ชื่อจริง มนัสชนก เป็นเพื่อนรักของฉันเอง กำลังยืนหัวเราะชอบใจ
"ก็แกชอบทำตัวเป็นปลวกนี่หว่า กินนอนกับกองหนังสือทุกวัน จะไม่ให้เรียกปลวกได้ไงวะ"
"ช่างฉันเถอะ...ว่าแต่แก มาเรียกฉันทำไม มีอะไรด่วนเหรอ"
"เฉียนเหล่าซือให้ฉันมาตามแกน่ะสิ"
ฉันหูผึ่งขึ้นมาทันที...เมื่อได้ยินว่าเฉียนเหล่าซือเรียก รีบลุกขึ้น...เดินออกจากห้องพักทันที
ฉันกับยายมะนาวเป็นเพื่อนรักกัน เราชิงทุนได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยกัน แต่เรียนคนละสาขา และได้เป็นรูมเมทกันด้วย
ใคร ๆ ก็ว่าฉันหน้าตาดี แต่ชอบแต่งตัวเฉิ่ม ๆ เชย ๆ ฉันไม่สนใจแฟชั่นอะไรทั้งนั้น ฉันชอบหมกตัวอ่านหนังสือ…มากกว่าจะเที่ยวเตร่กับเพื่อน
ฉันหลงใหลประวัติศาสตร์จีนมาก จนเรียกได้ว่าบ้าเข้าเส้นเลือดเลยล่ะ ฉันสามารถพูด อ่าน เขียนภาษาจีนได้ดี ส่วนยายมะนาวเรียนวรรณคดีจีน…แต่เราก็คุยกันรู้เรื่องนะ
เฉียนเหล่าซือ มีชื่อจริงว่าเฉียนเหวินหัว เป็นครูผู้หญิงอายุ 40 ปี เธอเป็นครูคุมหอของพวกเราเองแหละ ฉันไปหยุดยืนที่หน้าห้องเธอ และเคาะห้องเบา ๆ 2-3 ที
"เข้ามา.."
พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เห็นเฉียนเหล่าซือนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอส่งยิ้มให้ฉัน ฉันคำนับให้เธอ
"นั่งสิ...*ไท่เม่ย"
เฉียนเหล่าซือชอบเรียกฉันว่าไท่เม่ย ที่แปลว่าน้องสาวจากเมืองไทย
"เหล่าซือ...มีอะไรจะใช้ฉันหรือคะ"
ฉันถามเธอ...เมื่อนั่งลงแล้ว
"ฉันมีหนังสือมาให้เธอแปล"
เฉียนเหล่าซือหยิบหนังสือเล่มหนามาวางตรงหน้าฉัน ฉันรีบหยิบมาเปิดดูอย่างสนใจ
"ประวัติศาสตร์สมัยถังหรือคะ เยี่ยมเลยค่ะเหล่าซือ"
ฉันตื่นเต้นดีใจมาก...อยากอ่านมาตั้งนานแล้ว แต่หาอ่านยากมากเลย จะซื้อก็แพงมาก…นักศึกษาอย่างฉันไม่มีปัญญาซื้อหรอก แต่นี่มาให้อ่านฟรี ๆ เลยนะ
"ค่าแปลเขาให้หน้าละ 40 หยวน (ประมาณ 200 บาทไทย) นะ เธอตกลงไหม"
"ตกลงค่ะ...เท่าไหร่ฉันก็รับค่ะ ขอบคุณเฉียนเหล่าซือมาก ๆ นะคะ"
เฉียนเหล่าซือขยับแว่น มองฉันยิ้ม ๆ
"คิดแล้วเชียว...ว่าเธอต้องชอบ"
เฉียนเหล่าซือเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบซองยาวสีขาวออกมายื่นให้
"นี่เงินค่าจ้างแปลของเธองวดที่แล้วนะ ลองนับดูว่าถูกต้องไหม"
ฉันยิ้มแป้นเลย พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม หยิบซองมาเปิดดู ก็เห็นมีเงินปึกใหญ่อยู่ในนั้น
"โอ้โห...ทำไมเยอะจังคะเหล่าซือ"
"ทั้งหมด 30,000 หยวนจ้ะ เธอแปลสองเล่มไม่ใช่เหรอ"
"จริงด้วยค่ะ"
ฉันดึงเงินในซองออกมา 3,000 หยวนให้เฉียนเหล่าซือเป็นสินน้ำใจ แล้วยกมือไหว้ลาออกมา
คืนนั้น...ยายมะนาวหลับไปนานแล้ว แต่ฉันยังนั่งจมอยู่ที่โต๊ะทำงาน ฉันนั่งเปิดอ่านหนังสือทีละหน้า ยิ่งอ่านก็ยิ่งเพลิน
"ในหนังสือเริ่มเรื่องที่ปลายยุคราชวงศ์สุย ในสมัยของสุยหยางตี้ พระองค์ทรงฟุ้งเฟ้อ สำมะเลเทเมามาก ฉุดคร่าหญิงสาวไม่เลือกลูกเขาเมียใคร ในที่สุด... พระองค์ก็ถูกอวี้เหวินฮั่วจี๋...ซึ่งเป็นองครักษ์คนสนิททำการรัฐประหารและปลงพระชนม์
แม่ทัพหลี่ยวนยกทัพปราบปรามอวี้เหวินฮั่วจี๋ได้ โดยมีบุตรชายคนที่ 2 นามหลี่ซื่อหมิน เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ หลังจากที่บ้านเมืองสงบแล้ว แม่ทัพหลี่ยวนก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ปกครองแผ่นดิน ทรงมีพระนามว่าถังไท่จู่ ก่อตั้งราชวงศ์ถังอันรุ่งเรืองขึ้น"
ฉันอ่านแล้วจดแปลลงในสมุดคร่าว ๆ เอาไว้เรียบเรียงทีหลัง ฉันเพลิดเพลินกับการอ่านและการแปล โดยไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย จนแปลมาถึงสมัยของฮ่องเต้ถังไท่จง
มีตอนหนึ่งที่กล่าวถึงการพระราชทานป้ายหยกให้แก่เสนาบดีคนสนิท 3 คน หนึ่งในนั้นมีนามว่า "จวงซิ่งจง" ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงมหาอำมาตย์ และท่านก็เป็นบรรบุรุษของฉันด้วย
ฉันเป็นลูกหลานจีนที่เกิดในเมืองไทย ในตระกูล "จวง" มีชื่อเป็นภาษาจีนที่ปู่ตั้งให้ว่า จวงฝูหยง ซึ่งแปลว่าดอกชบา ตอนอยู่เมืองไทย...ฉันแทบไม่มีโอกาสใช้ชื่อนี้เลย ทั้งที่ชื่อนี้แสนจะไพเราะ
ฉันคิดถึงป้ายหยกที่แม่ให้มาแขวนคอเลยดึงออกมาดู เป็นแผ่นหยกสีขาว กว้าง 1 นิ้ว ยาว 2 นิ้ว หนา 1.5 ซม. สลักเป็นรูปดอกโบตั๋นชัดเจนสวยงามมาก มีเชือกสีแดงถักเป็นลวดลายร้อยไว้ ป้ายหยกนี้ชื่อ หยกฉางเล่อ แปลว่า "สุขนิรันดร์" ปู่มอบให้ฉันก่อนที่ท่านจะจากไปเมื่อ 2 ปีก่อน ปู่บอกว่าบรรพชนของเราได้รับพระราชทานมาจากถังไท่จงฮ่องเต้ ฉันอดตื่นเต้นไม่ได้ ที่อ่านพบว่าบรรพบุรุษของฉันได้รับพระราชทานหยกนี้มาจริง ๆ ฉันลูบคลำหยกเบา ๆ อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้
