ตอนที่ 6
“จัดห้องพักให้คุณ..”
กานต์ร้องบอกสาวใช้วัยสามสิบเศษเมื่อเขามาถึงบ้าน แต่ก็ต้องหันมาหาเธอ
“มัชฌิมาค่ะ”
เขาย่นคิ้วด้วยความฉงน ทำให้เธอรีบยิ้มออกมา
“ถึงแม้ว่าฉันจะจำอะไรไม่ได้ แต่ว่า ฉันรู้สึกชอบชื่อนี้ค่ะ เรียกฉันว่ามัชฌิมาเถอะนะคะ คนที่วัดเรียกฉันชื่อนี้”
เขายิ้มน้อย ๆ
“จัดห้องให้คุณมัชฌิมาด้วย เตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวให้เธอด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
เขาหันมาหาเธออีกครั้ง
“หิวไหมครับ”
คำถามนั้นทำให้ท้องของเธอเริ่มรู้สึกตัว หลายวันมานี้แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องของเธอเลย
“นิดหน่อยค่ะ”
เขายิ้มเย็นก่อนจะหันไปมองสาวใช้อีกคน
“ให้แม่บ้านช่วยทำอาหารอ่อน ๆ ไว้สองที่”
“ได้ค่ะ”
“นั่งพักตรงนี้ก่อนดีกว่านะครับ”
เขาก้าวมาพร้อมกับวางมือลงที่แขนของเธอแล้วช่วยพยุงให้เธอเดินมานั่งยังอาร์มแชร์สีเหลือง ทำให้เธอกวาดสายตามองไปรอบบ้านที่กว้างใหญ่ดูโปร่งตาด้วยกระจกใสที่เขาใช้เป็นผนังแทนคอนกรีต มันจึงดูโปร่งตา อีกทั้งเมื่อเปิดหน้าต่างออก สายลมก็พัดผ่านเข้ามาได้อย่างสะดวก เพราะปลูกอยู่ตรงทิศทางลมพอดี
แต่ที่ทำให้เธอต้องรู้สึกหวาดกลัวและแค้นเคืองอย่างที่สุดก็ตรงที่ เมื่อมองมาทางด้านหลังก็สามารถมองเห็นหอคอยสีงาช้างที่โดดเด่นนั้นได้อย่างถนัดตา
แม้มันจะเป็นการปลูกสร้างที่ผสมผสานระหว่างประติมากรรมตะวันตกและตะวันออก มีการตกแต่ง ปั้นเติมเสริมให้ดูมีราคาและอลังการ แต่มันน่ากลัวอย่างมากสำหรับเธอ
มัชฌิมาวางมือลงยังบริเวณที่เก็บลูกแก้ววิเศษ พร้อมกับอธิฐานในใจว่า ขอให้คนทุกคนได้มองเห็นเธอแต่จงยกเว้นภูตมนต์ดำและบริวารของมันด้วยเถิด
“ปวดหรือครับ”
กานต์ร้องถามเมื่อเห็นเธอวางมือลงยังกลางอก ทำให้เธอมองหน้าเขาพลางส่ายหน้าแล้วยิ้มน้อย ๆ ส่งให้เขา ด้วยความสุภาพและใจเย็นอีกทั้งบุคลิกลักษณะของเขามันทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่ใกล้เขา
เขาสุภาพและอ่อนโยนอย่างมาก ใบหน้าสี่เหลี่ยมได้รูปดูสะอาดหมดจด ดวงตาคมกล้าดูอ่อนโยน แสดงถึงสภาพจิตใจที่ดีของเขา ปลายจมูกโด่งเป็นสันสวยงามอย่างมาก รับกับริมฝีปากได้รูปเป็นสีชมพูอ่อน อย่างน่ามอง เวลาเขายิ้มมองเห็นไรฟันที่ขาวสะอาดเรียงรายเข้าแถวกันอย่างมีระเบียบ และส่งให้ใบหน้าที่ขรึมคมดูอ่อนเยาว์ลงและน่ามองมากขึ้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขามีรอยยิ้มที่สวยงามอย่างมาก สวยงามจนเธอเผลอมองอยู่นาน
“ไม่ค่ะ”
เธอปฏิเสธ
“ขอบคุณนะคะ สำหรับความเอื้อเฟื้อที่คุณมีให้ฉัน”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลย ที่คุณต้องบาดเจ็บเป็นเพราะผม เพราะฉะนั้นผมควรจะต้องดูแลคุณอย่างดี หากเจ็บปวดตรงไหน หรือมีอาการผิดปกติอะไรให้รีบบอกผม อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาดนะครับ”
“ค่ะ”
“รอให้แม่บ้านเตรียมอาหารสักครู่คุณจะได้ขึ้นไปอาบน้ำแล้วพักผ่อน แต่ว่าสำหรับเสื้อผ้าคงต้องใช้ของคุณแม่ผมก่อน ดูจากรูปร่างของคุณน่าจะพอสวมใส่ได้ เสื้อผ้าของท่าน ผมเก็บเอาไว้อย่างดี แต่วันพรุ่งนี้ ผมจะหาซื้อมาให้ใหม่”
“รบกวนคุณอย่างมาก ขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยนะครับ อยู่ให้สบาย ถือว่าที่นี่คือบ้านของคุณ”
เธอมองเขานิ่งด้วยหัวใจที่เบิกบานอย่างมาก ความหวาดกลัวและว้าวุ่นที่มันครอบงำเธอมาหลายเวลานั้นดูเหมือนจะผ่อนคลายลง
“อาหารเสร็จแล้วค่ะคุณกานต์”
แม่สุภาแม่บ้านของเขาเข้ามารายงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ไปครับคุณมัช”
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีเขาเข้ามาประคองให้เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารในห้องถัดไป
“ใครล่ะ ผู้หญิงคนนี้”
แม่สุภาร้องถามอ้อเบา ๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน คุณกานต์ให้พี่หวานขึ้นไปจัดห้องแล้วเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้”
“คุณไอลดารู้หรือเปล่านะ ว่าคุณกานต์พาผู้หญิงอื่นเข้าบ้าน”
อ้อส่ายหน้าแล้วเดินจากไปเพื่อดูแลเขาและเธอที่โต๊ะอาหาร ส่วนแม่บ้านสุภารีบเดินไปโทรศัพท์กดหมายเลขตรงไปยังบ้านของไอลดาทันที
“อะไรนะ! ผู้หญิงหรือ”
“คุณไม่รู้หรือคะ”
“ไม่ มันเป็นใคร”
แม่สุภาหันไปมองยังร่างบางอรชรของมัชฌิมาที่กำลังตักอาหารทาน
“อายุราวยี่สิบปีค่ะ แต่งตัวแปลก ๆ เหมือนชุดพื้นเมืองของคนต่างจังหวัด แต่ว่าคงป่วยนะคะ เห็นคุณกานต์ประคับประคองยามจะลุก จะเดิน”
“ประคองงั้นหรือ”
“ค่ะ”
ไอลดากำมือแน่น
“ขอบใจมาก แกดูมันไว้ให้ดีนะ”
“ได้ค่ะ”
เมื่อแม่สุภาวางสาย โทรศัพท์มือถือของกานต์ก็ดังขึ้น เขามองหน้าเธอพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการขออนุญาต แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ผม กานต์รับสายครับ”
“ไอเองนะคะกานต์”
“มีอะไรหรือครับ”
“ต้องมีด้วยหรือคะ แค่ไอคิดถึงคุณ”
กานต์ยิ้มเย็นก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะที่น่าฟัง ทำให้มัชฌิมาลอบมองดูใบหน้าและแววตาของเขา ยามที่เขาได้ยินเสียงในโทรศัพท์ ซึ่งเธอเดาว่าคนที่โทรมาต้องมีความสำคัญกับเขาอย่างมาก จึงทำให้ผู้ชายที่อบอุ่นคนนี้หัวเราะออกมาอย่างน่าฟัง
“ไอไปหาคุณนะคะ”
“อย่าเลยครับดึกมากแล้ว”
“ทำไมล่ะคะ ก็ไอคิดถึงคุณ หรือว่าคุณมีใครอยู่ด้วย เลยไม่อยากให้ไอไปหาคะ”
กานต์ตวัดสายตามามองหน้ามัชฌิมาที่รีบหลุบเปลือกตามองอาหารในจานของเธอ
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน อยากจะพักผ่อน อย่าลำบากมาเลยนะครับ ไว้พรุ่งนี้ผมจะโทรหา ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
เขาพูดจบก็วางสายแล้วตักอาหารทานต่อ ทำให้ไอลดากำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ ผู้หญิงคนนั้นต้องมีความสำคัญกับเขาอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าโกหกหล่อนได้ เมื่อคิดอย่างนี้ทำให้ไอลดาไม่สามารถจะข่มตาให้หลับลงไปตลอดทั้งคืน
เช่นเดียวกับมัชฌิมา แม้จะรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน แต่เธอก็นอนมองไปยังปราสาทสีงาช้างนั้นโดยไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลย เพราะว่าเธอสามารถมาอยู่ใกล้ป้าของเธอแค่นี้ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือหล่อนออกมาได้ มันทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างหนัก
