ตอนที่ 21
เธอละคำพูดไว้เพียงเท่านั้น เมื่อหันมามองสบตาคมของเขา
“ฉันไม่อยากจดจำคุณ จนไม่อาจจะลบออกจากใจได้ ฉันไม่อยากเจ็บปวดในวันที่ฉันต้องจากไป”
เธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ
“เพราะฉะนั้น อย่าทำดีกับฉันนักเลยนะคะ เพื่อตัวของคุณ เพื่ออนาคตของคุณ เพื่อที่ฉันเองจะได้อยู่อย่างเป็นสุขในที่ที่ฉันควรอยู่ด้วย”
“มัชฌิมา”
เขาทำได้เพียงแค่เรียกชื่อของเธอ แล้วมองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะยอมก้าวออกมาจากห้องของเธอแล้วตรงมายังห้องของเขา แต่ไม่อาจจะข่มตาให้หลับลงได้ เขาไม่อาจจะเถียงว่าสิ่งที่เธอพูดมันไม่เป็นความจริง
เขามีไอลดาอยู่แล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหน มีเพียงไอลดา ซึ่งเขาก็ไม่เคยถามตัวเองสักครั้งว่ารู้สึกกับหล่อนแบบไหน จนกระทั่งเขามาพบมัชฌิมาได้อยู่ใกล้เธอ มองเห็นทุกวัน
มันทำให้เขาเริ่มพิจารณาถึงความรู้สึกของเขาตนเอง แต่ว่ามันก็ถลำลึกจนยากจะถอนได้แล้ว ยิ่งเวลาที่เธอหายไป เขาห่วงใยจนแทบบ้า หัวใจเจ็บปวดและหงุดหงิดวิตกกังวลอย่างหนัก
ความรู้สึกนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกกลัดกลุ้มและเริ่มทรมาน ยิ่งนึกถึงไอลดา เขาก็ยิ่งเจ็บ เพราะรู้ดีว่าไอลดารักเขามากแค่ไหน หล่อนปักใจรักเขาตั้งแต่แรก เขาเองก็เหมือนให้ความหวังกับหล่อนมาโดยตลอด นี่เขาควรทำอย่างไรดี
ในขณะที่กานต์ ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ มัชฌิมาเองก็เฝ้ามองที่ยอดปราสาทสีงาช้างซึ่งเป็นที่คุมขังป้าของเธอ เธอจะหาใครคนนั้นเจอได้อย่างไร และอีกไม่กี่วันก็จะถึงคืนวันเพ็ญแล้ว เธอไม่อยากคิดเลยว่า ป้าของเธอจะทรมานมากมายขนาดไหน เธอทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม
.
รศยารู้สึกกระสับกระส่ายและหวาดกลัว เมื่อมาถึงคืนวันเพ็ญอีกครั้งหนึ่ง หล่อนไม่อยากตกอยู่ใต้อำนาจของภูตมนต์ซึ่งมันจะต้องสะกดหล่อนให้ทำร้ายคำหยาด แม้หล่อนจะรู้ตัวและพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพลังของภูตมนต์ดำได้
หล่อนรู้และเห็นทุกครั้งที่หล่อนลงมือทารุณคำหยาด มีบ่อยครั้งที่หล่อนพยายามต้านพลังของภูตมนต์ด้วยการยั้งมือ ไม่ทำร้ายคำหยาดหนักนัก แต่ก็ไม่สามารถจะต้านได้นาน เมื่อภูตมนต์ดำรู้ว่าหล่อนต่อต้านและพยายามช่วยคำหยาด มันจะยิ่งส่งพลังมาสะกดหล่อนให้ลงมือหนักขึ้น
“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว รศยา”
รศยาถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ ๆ ภูตมนต์ดำก็ปรากฏกายขึ้น ณ เบื้องหน้าของหล่อน
“ไม่ ข้าไม่ทำ ข้าจะไม่ทำอีกต่อไป”
ภูตมนต์ดำแสยะยิ้ม
“แต่เจ้าเป็นเมียข้า เป็นทาสของข้า ตามประเพณี เมียคือทาสที่ต้องรับใช้สามี และเจ้าคือเมียของข้า”
“ไม่”
รศยายกมือปิดหูแล้วกรีดร้องออกมา
“ข้าไม่ยอม ไม่ยอมอีกแล้ว ไม่มีวันนั้น ไม่มีวัน”
“กระนั้นหรือ รศยา”
“อย่านะ อย่า ไม่ ข้าไม่ยอม ไม่..”
รศยากรีดร้องสุดเสียงแล้วพยายามจะหนี แต่ไม่อาจจะทัดทานอำนาจเวทมนต์ของมนต์ดำได้ มันร่ายมนต์สะกดหล่อน แต่ว่าด้วยอำนาจของดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์และดวงจิตที่มั่นคงต่อสามี ทำให้หล่อนไม่ถึงกับถูกสะกดจนจำอะไรไม่ได้
แต่มันเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นที่อยากจะลุกอยากจะตื่นแต่ก็ตื่นไม่ได้ ครั้นจะหลับก็หลับไม่ได้ เมื่อมนต์ดำสะกด ทำให้หล่อนมองเห็นมนต์ดำแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าครองนครภพธรรมสามีของหล่อน
“ท่านพี่ ท่านพี่”
หล่อนรู้สึกเหมือนร้องเรียกเขา เมื่อมองเห็นเขาก้าวเข้ามาหา ร่างบางถูกรั้งเข้ามาหาจนแนบสนิท เรียวปากอิ่มที่เผยอออกถูกฉกทาบลงมา ในคราแรกอ่อนโยน อบอุ่นละมุนละไม จนหัวใจของหล่อนอ่อนยวบลงด้วยความรักที่ฝังลึก ครั้นผ่านเลยไป มันเหมือนมนต์สะกดถอย
ใบหน้าของสามีกลับกลายเป็นใบหน้าของภูตมนต์ดำที่น่าสะพรึงกลัว หล่อนพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ไม่อาจจะทัดทานพละกำลังนั้นได้ เสื้อผ้าอาภรณ์ของหล่อนถูกฉีกกระชากออกอย่างไม่ใยดี ร่างเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิด อยากจะหนีก็ไม่สามารถขยับตัวได้ อยากจะร้องก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกได้
ความอ่อนโยนนุ่มนวลแปรเปลี่ยนไป เมื่อฝ่ามือที่หนาและสากตะปบลงที่ไหล่เปลือยของหล่อนก่อนที่มันจะฉกทาบริมฝีปากหนาลงมาดูดซับอย่างหนักแล้วไล่จูบไปทั่วบ่าไหล่ ซอกคอแล้ววกกลับมาหาทรวงอกที่แม้จะอวบอิ่มแต่ก็นุ่มนิ่มตามวัย ทว่ายังคงหอมหวานไม่ส่างซา
“เนื้อตัวของสาวเมืองลับนครนี่ช่างหอมเสียจริง นี่ขนาดเจ้ามีอายุขนาดนี้ยังหอมหวานปานนี้ แล้วหากเป็นมัชฌิมาเล่า จะหอมหวานสักปานใด”
ภูตมนต์ดำกระซิบเสียงพร่าเมื่อวางฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กายของรศยาที่เกิดอาการเร่าร้อนแม้จะรู้สึกรังเกียจและเสียใจอยู่มากก็ตามที ที่หล่อนต้องมือชายอื่นที่ไม่ใช่สามีทั้งที่ตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอมีสามีเดียวไปชั่วชีวิต
ริมฝีปากหนาดูดซับไปตามบ่าไหล่แล้วแผ่นหลังเลื่อนต่ำลงไปยังเอวกลึงสะโพกผายแล้วพลิกจูบไซ้มายังด้านหน้า แตะปลายลิ้นลงยังเจ้ายอดสีชมพู พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่เลื่อนไล้ลูบคลำบีบเคล้นสำรวจเคล้าคลึงไปทั่วร่าง
รศยารู้สึกถึงความกักขฬะและหยาบช้าได้ด้วยรสสัมผัสที่หนักหน่วงรุนแรง ไม่มีความอ่อนโยนนุ่มนวล แต่มันก็ทำให้หล่อนหวิวสะท้านและไหวหวั่น แม้อยากจะต่อต้านอย่างที่สุดแต่ก็ทำไม่ได้
ร่างเปลือยเปล่าถูกครอบครองด้วยฝ่ามือ อ้อมแขน จมูกและริมฝีปากหนา ที่ดูดซับจนเป็นจ้ำแดงเป็นปื้น ตามเนื้อตัว แทบไม่มีส่วนไหนที่เล็ดรอดจากการเคล้าคลึงโลมไล้อย่างเมามัน ร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มดูผิวเผินเหมือนพยายามดิ้นรนหลีกหนี แต่ในความเป็นจริงกำลังเร่าร้อนด้วยไฟราคะที่แผดเผาด้วยไอร้อนและความหนักหน่วงของผัสสะ
เจ็บปวด ร้อนแรงแต่แฝงไว้ด้วยพลังที่ทำให้หล่อนอยากจะไขว่คว้า แม้ในส่วนลึกจะนึกถึงใบหน้าของสามีที่จากไปเพราะน้ำมือของภูตตนนี้ก็ตาม แต่เพราะความถวิลหาในรสสัมผัส ทำให้หล่อนเผลอไผลอีกทั้งด้วยมนต์คาถา ทำให้หล่อนมิอาจปฏิเสธ
ริมฝีปากหนาพรมจูบลงยังแผ่นหลังที่เนียนสะอาดแล้วดูดซับอย่างหนักหน่วง มือฝ่ามือก็ไล้ลูบคลำกอบกุมทรวงอกที่อวบอิ่ม บีบเคล้าขยี้ขยำเคล้าคลึงด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงราวเปลวไฟ
ภูตมนต์ดำพลิกร่างบางให้นอนหงายราบทาบแผ่นหลังลงกับผืนที่นอนในห้องกว้างที่มันใช้เวทมนต์อำพรางสายตาของภูตบริวารทั้งหมด ก่อนจะเปลื้องเสื้อผ้าที่หนาและเหม็นของมันออกจากร่างที่แข็งแกร่งกำยำใหญ่โต
ข่มร่างบางอรชอรที่ขาวนวลให้เล็กลงไปถนัดตา อีกทั้งสีผิวที่ออกคล้ำของมันยังตัดกับผิวของหล่อน ฝ่ามือของมันยังคงกอบกุมโลมไล้เนื้อนวลของรศยาอย่างเมามันหิวกระหาย ริมฝีปากจูบไซ้ดูดซับอย่างบ้าคลั่ง
รศยาส่งเสียงกรีดร้องออกมาราวกับเจ็บปวดอย่างสาหัสแต่กลับแฝงไว้ด้วยความใคร่ในกายสัมผัสกับพลังทางเพศที่ลำล้ำของมัน ความกล้าแกร่งและกำยำใหญ่โตของมันทำให้หัวใจของหล่อนหวาดผวาและกึ่งกล้าอยู่ในที
