2
“รอบนี้คุณนัสจะมาอยู่กี่วันคะ” เธอเอ่ยถามขณะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
“ไม่มีกำหนด” ประโยคของเขาทำให้เธอถึงกับหน้าแดง ถึงเขาจะไม่ได้ทวงสิทธิ์การเป็นสามี แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าจะไม่ทำแบบนั้น เขารับปากแต่งงานกับเธอด้วยท่าทีเยือกเย็น ไร้ความโกรธเคืองหรืออยากปฏิเสธ ท่าทีนิ่งๆ ของเขาทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ค่ะ” เธอรับคำพลางกัดปากตัวเอง แต่เขาเป็นเจ้าของบ้าน เธอจะไล่เขาก็กระไรอยู่ เพราะเขาก็เป็นสามีของเธอด้วย ก่อนที่มารดาของเขาจะจากไปก็ขอร้องให้เธอดูแลบ้านหลังนี้แทนท่านด้วย เธอจึงไม่กล้าทิ้งบ้านที่คนตายได้ฝากฝังเอาไว้ อีกทั้งเธอก็อยู่ที่นี่มาแต่อ้อนแต่ออก ผูกพันกับบ้านหลังนี้เป็นอันมาก
“ทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ฉันอยู่อย่างงั้นแหละ” เขาดักคอ มองหน้าหญิงสาวไม่วาง
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอรีบตอบ เขาเป็นเจ้าของบ้านจะให้เธอไล่เขาหรือไม่อยากให้เขาอยู่ได้อย่างไรกัน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีมาหาพิมพ์กุลที่บ้าน เขาคือพัลลภ รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยและยังเป็นเพื่อนบ้านของเธอด้วย
พนัสมองหญิงสาวที่ออกไปต้อนรับแขกคนสำคัญพร้อมด้วยขนมนมเนย น้ำสมุนไพรเย็นๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย เขารู้ว่าเธอเป็นคนสวยน่ารัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากจะให้ผู้ชายคนไหนๆ มาเกี้ยวพาราสีหรือมาจีบจนถึงเรือนชาน
ไม่ใช่แค่พัลลภแต่ยังมีผู้ชายคนอื่นๆ หมั่นแวะเวียนเข้ามาหาหญิงสาวที่บ้านไม่เคยว่างเว้น นั่นทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดมานานหลายวันแล้ว
“เนื้อหอมจริงนะ มีผู้ชายมาหาถึงบ้านบ่อยๆ เธอไม่ได้บอกผู้ชายพวกนั้นไปเหรอว่าเธอมีสามีแล้ว” พนัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน นั่นทำให้พิมพ์กุลสะดุ้งสุดตัว
เธอสัมผัสได้ว่าเขากำลังโกรธเคืองเธอที่มีผู้ชายมาหาถึงบ้าน
“กุลแค่ออกไปต้อนรับธรรมดาค่ะ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย”
“อย่างนั้นเหรอ แล้วได้บอกมันไปไหมว่ามานั่งอี๋อ๋อกับผู้หญิงที่มีผัวแล้วมันน่าเกลียดแค่ไหน” เขาจับแขนของเธอดึงเข้ามาหาจนร่างน้อยเข้าปะทะกับอกกว้างเต็มแรง
“คุณนัส”
“ตราบใดที่เธอยังไม่หย่าขาดจากฉัน ก็ไม่ควรที่จะทำตัวไร้ยางอายแบบนี้” เธอตกใจกับประโยคของเขา
“ปล่อยนะคะ”
“เราก็แต่งงานกันสักระยะแล้ว เธอไม่คิดที่จะทำอะไรให้มันสมบูรณ์เลยเหรอ” พนัสเอ่ยถามด้วยท่าทีคุกคาม หลังจากที่เขาปล่อยให้เธอได้รับประทานอาหารและอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับเธอ
“ทำอะไรคะ” พิมพ์กุลเอ่ยถาม หัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะโลดออกมาจากอก
“ไม่รู้จริงๆ เหรอ” เขาตวัดอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขนพาเธอเดินเข้าห้องนอน
“คุณนัส” พิมพ์กุลร้องประท้วงในขณะที่เขาแนบร่างทาบทับเข้ามาหากักกอดร่างของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
“ยังดีนะที่จำได้ว่าฉันเป็นผัว” พนัสซุกไซ้เข้าหาซอกคอหอมกรุ่นของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เธอดิ้นเขาก็กดมือวางไปกับเตียงนอนกว้าง
“คุณนัส ปล่อยนะคะ”
“เธอสมควรที่จะพูดคำนี้เหรอ” เขาเลิกคิ้วเอ่ยถาม นั่นทำให้เธอชะงักไป
“เข้าใจว่ากุลเป็นเมียของคุณนัสแล้ว แต่อย่าทำอะไรรุนแรงได้ไหมคะ”
“ถ้าไม่อยากให้ทำอะไรรุนแรง เธอก็ควรที่จะยินยอมและไม่ขัดขืนแบบนี้” ในขณะที่เธอจะร้องประท้วงอีกครั้งเขาก็กอบกุมแก้มนุ่มๆ ของเธอเอาไว้ทั้งสองข้างก่อนจะบดจูบริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม
“อื้อ...” เธอร้องครางได้แค่นั้นเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมาบดเบียดเข้าหาอย่างดุดัน
เธอปิดปากเบี่ยงหลบเขาก็จับปลายคางสวยเอาไว้ ทำให้เธอต้องอ้าปากรับรสจูบดูดดื่มของเขาเข้าเต็มๆ ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่มหวานของเธออีกครั้ง ทำให้ลิ้นของเธอสอดรัดเข้าหากันกับเขาอย่างดูดดื่ม
เธอร้องครางเสียงหลง รู้สึกวาบหวามเมื่อปลายลิ้นได้สัมผัสกันและกันอย่างดูดดื่ม เพียงแค่ส่วนปลายของลิ้นสัมผัสกันก็เกิดความรัญจวนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นของฉันนะ” เขาเอ่ยขอเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เธอยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาก็บดจูบเธออีก จูบจนปากของเธอแทบช้ำ
