ตอนที่ 2
เกษราผวาเข้าลูบหลังหญิงวัยกลางคนทันที อาการไม่สบายไอเรื้อรังของนางเป็นมาหลายปีแล้วโดยเฉพาะช่วยที่อากาศเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
บางคืนหญิงสาวได้ยินเสียงป้าไอตลอดและตื่นนอนก็จะเห็นสีหน้าอิดโรยที่ต้องอดนอนทั้งคืนบ่อยครั้ง แม้จะพยายามพาไปหาหมอหรือขอร้องให้ทานยาแต่อาการเหล่านั้นก็ยังไม่ดีขึ้น
สองป้าหลานประคองกันขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง เกษรารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นโรคเก่าของป้ากลับมาอีกครั้ง ยิ่งพักหลังนางวรรณาดูอ่อนแรงลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“ป้าไปหาหมอไหมคะ เกดจะพาไป” เกษราจับมือนางไว้มั่น
“อย่าเลยลูก หาหมอทีก็เสียเยอะเกดเก็บเงินไว้ดีกว่า ป้าไม่เป็นอะไรมากหรอก” นางวรรณาพยายามฝืนยิ้มแต่ฝืนไม่ออก
อาการไอกลับมาอีกครั้งและคราวนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าเก่าเพราะเกษราเห็นเลือดที่ติดอยู่บนฝ่ามือของป้า
“ป้าเป็นมากแล้วนะคะ ไปหาหมอดีกว่าพรุ่งนี้เกดจะลางานครึ่งวันตอนเช้า” หญิงสาวชักใจไม่ดี
ชีวิตนี้เกษรามีญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่คือนางวรรณาเท่านั้น หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่ตนอายุได้เพียงเก้าขวบ หญิงสาวก็อยู่ในการดูแลของป้าแท้ๆ ซึ่งเป็นพี่สาวพ่อมาโดยตลอด แม้อาจไม่ได้รับความรักเท่ากับการมีพ่อแม่แต่เธอก็กล้าพูดได้ว่าทั้งชีวิตของป้ามีให้หลานคนนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้ทุนเรียนดีของคณะ หญิงสาวก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการหางานพิเศษทำเพื่อให้มีรายได้เข้ามาแบ่งเบาภาระของนางวรรณา แต่ป้าของเธอก็ยังไม่หยุดเพราะยังอยากทำงานหาเงินเข้าบ้านช่วยหลานอีกแรง
“เกดว่าป้าน่าจะหยุดทำงานได้แล้วนะคะ ตอนนี้ลำพังเงินเดือนเกดก็เลี้ยงป้าได้สบายมาก”
อาชีพซักรีดเสื้อผ้าที่นางวรรณาทำมาทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงสองปากท้องหนักเอาการไม่ใช่เล่น ไหนจะต้องไปเก็บผ้าจากบ้านลูกค้ามาซัก ตากให้แห้งแล้วรีดแขวนไว้รอเจ้าของมารับแลกกับค่าจ้างราคาถูก
ป้าไม่ขึ้นราคาตามกระแสเศรษฐกิจที่หมุนไปตามยุค ดังนั้นทั้งลูกค้าเก่าลูกค้าใหม่จึงแวะเวียนกันมาอุดหนุนไม่ขาดสาย นั่นก็เป็นอีกสาเหตุให้อาการป่วยของนางไม่ทุเลาลงแม้แต่น้อย
“อย่าเพิ่งเลยลูก ตอนนี้ป้ามีลูกค้าใหม่ๆ ตั้งหลายเจ้า อย่างน้อยค่าซักผ้าก็มาช่วยเกดจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้” นางวรรณาไอไปพูดไป
“แต่มันทำให้ป้าไม่หายสักทีนะคะ ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้ป้าต้องไปหาหมอกับเกด ตกลงไหมคะ” เกษรามัดมือชกไม่ว่าอย่างไรพรุ่งนี้จะต้องพาป้าไปหาหมอให้ได้
นางวรรณาไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นรู้ดีว่าหลานสาวห่วงใยตนมากแค่ไหน อาการป่วยอย่างไม่มีสาเหตุเป็นมาหลายปีแล้วแม้จะกินยาแพงแค่ไหนก็ไม่หายขาด ทำให้นางไม่อยากให้เกษราต้องหมดเงินไปกับการรักษาตนโดยใช่เหตุ
บ้านไอยสุวรรณ
คุณนวลพยายามจะหรี่ตามองรายการโทรทัศน์ที่เปิดไว้เป็นเพื่อนยามดึก เพื่อคอยพบกับลูกชายคนโตที่นัดแนะกันเป็นอย่างดีว่าจะกลับมาให้เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ
แต่จนแล้วจนรอดเกือบจะเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวดีเลยแม้แต่น้อย
“คุณแม่ ขึ้นนอนเถอะครับ พี่วัชคงไม่กลับแล้ววันนี้” คมกริช บุตรชายคนเล็กเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
มารดามีโรคประจำตัวซึ่งควรพักผ่อนให้เป็นเวลา ไม่ใช่มาถ่างตารอการกลับมาของคนที่ชอบทำตัวเป็นนินจาอย่างพี่ชายตน
“ตาวัชยังไม่มาเหรอลูก” คุณนวลขยับตัวบิดขี้เกียจเบาๆ เงยหน้ามองนาฬิกาที่ข้างฝาเกือบเที่ยงคืนแล้ว มิน่าเล่าถึงได้ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น
“คงไม่กลับแล้วมั้งครับคืนนี้ คุณแม่ขึ้นไปนอนดีกว่าถ้าไงพรุ่งนี้ผมจะโทร.ตามให้อีกที” บุตรชายเข้ามาประคองมารดาให้ขึ้นไปนอนพักบนห้อง
เป็นเรื่องปกติที่วัชระจะไม่กลับบ้าน เพราะตอนนี้ชายหนุ่มรับหน้าที่ดูแลกิจการทุกอย่างในครอบครัวเต็มตัวแล้ว ทั้งโรงแรมหรูย่านสุขุมวิทแล้วยังจะโรงแรมในเครือที่ต่างจังหวัดอีก ไหนจะกิจการส่งออกที่ทำมาตั้งแต่รุ่นบิดาผู้ล่วงลับไปภาระทุกอย่างตกอยู่ที่เขาคนเดียว
ถ้าเลิกงานดึกหรือมีกิจกรรมอื่นกับคนรู้ใจ วัชระก็เลือกที่จะค้างคืนที่ห้องพักโรงแรมมากกว่าที่จะกลับบ้าน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ละเลยการดูแลมารดาอันเป็นที่รักและน้องชายเพียงคนเดียวให้สุขสบายทั้งกายและใจ
สองแม่ลูกกำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดเสียงรถก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน คุณนวลชะงักหันกลับมามองยืนรอด้วยความดีเมื่อเห็นหน้าคนที่รอมาค่อนคืน
“แหม ไม่มาซะพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะ ตาวัช” คุณนวลหยอกลูกชายคนโตด้วยความเอ็นดู
“งานเพิ่งเสร็จกว่าจะเคลียร์เอกสารเรียบร้อย ผมทำให้คุณแม่อดนอนหรือเปล่าครับเนี่ย” พ่อตัวดีทำหน้าเศร้า ตรงเข้ามาสวมกอดไถ่โทษด้วยการหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่
“ไม่อดนอนแต่นอนไม่หลับมากกว่า วัชมาก็ดีแล้วไปคุยกับแม่บนห้องแล้วกัน” คุณนวลหาวน้ำตาเล็ดอีกรอบก่อนจะให้บุตรชายทั้งสองประคองขึ้นไปบนห้องนอนอีกครั้ง
