๙ หลงเธอมธุรดา (๑)
๙
หลงเธอมธุรดา
กว่าจะได้ขนของเข้ามาในบ้านจัดสรรก็บ่ายแก่เพราะคุณพณณกรไม่ยอมตื่น คีรินทร์เห็นเรือนหอของตนเองครั้งแรกก็ไม่ค่อยชอบใจนัก อาจด้วยเป็นบ้านที่ทางโครงการทำขึ้นให้มีลักษณะเหมือนกันแทบทุกหลัง ไม่มีเอกลักษณ์เอาเสียเลยจนคุณวิศวกรคิดจะเปลี่ยนแปลงใหม่ อย่างน้อยสวนของบ้านก็ขอแบบยิ่งใหญ่อลังการหน่อยแล้วกัน
ข้าวของบางส่วนถูกจัดวางเพราะมารดามาเตรียมไว้ก่อนหน้าแล้ว ช่างเจ้าแผนการกันเสียเหลือเกิน เนียนจนเขาจับไม่ได้ และแม้กระทั่งเพื่อนที่ทำงานยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้วิศวกรหนุ่มผู้หล่อเหลาไม่โสดแล้ว
เก็บไว้เป็นความลับก่อนดีกว่า เผื่อหย่ากันจะได้ไม่มีใครมาถามถึงสาเหตุ คิดดังนั้นจึงตัดสินใจจะไม่บอกคนในบริษัท แต่ยกเว้นสกลไว้หนึ่งคนเพราะมันเป็นเพื่อนสนิท คงต้องบอกความจริงทุกอย่าง
“แม่จะกลับเลยเหรอ” จัดของเสร็จแล้วทุกคนพากันขึ้นรถจะกลับไร่ สองสามีภรรยาเดินมาส่งที่หน้าบ้านก่อนลูกชายจะถามขึ้น
“งอแงเป็นเด็ก มีเมียแล้วนะเรา ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเถอะ แล้วเสาร์อาทิตย์ไหนว่างก็กลับบ้านบ้าง ถ้าจะให้ดีก็รีบมีหลานให้แม่อุ้มดีกว่า” ตบบ่าลูกคนเล็กพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นั่นสิ ฉันอยากอุ้มหลานเต็มแก่ มีหลานตาแล้วคราวนี้เอาหลานปู่บ้าง” สองหนุ่มสาวถึงกับพูดไม่ออก จนต้องแสร้งเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้บรรยากาศกระอักกระอวน แค่อยู่บ้านหลังเดียวกันเพียงสองคนเธอก็กังวลจะแย่อยู่แล้ว
“ไว้ถ้าว่างนิ้งจะกลับบ้านนะคะ” คุณบุลลาพยักหน้ายิ้ม ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ที่มีลูกชายเป็นพลขับ ภูตะวันโบกมือลาน้องชายและน้องสะใภ้ขณะที่ร่างบางก็มองเขาเช่นกัน
น่าเสียดายเหลือเกินที่เธอไม่มีวาสนาได้เคียงคู่ชายหนุ่ม และสถานะที่เธอเลือกนั้นมันยิ่งทำให้ห่างไกลจากเขาออกไปทุกที
“หาว ง่วงชะมัดเลย เธอจะทำอะไรก็ทำไปเลยนะ ฉันจะนอน” เดินเข้าบ้านพลางปิดปากหาว หล่อนพรูลมหายใจออกช้าๆ เขานอนก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องพูดกวนประสาท
เรือนหอของหล่อนไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นขนาดกลางที่เหมาะแก่การอาศัยเป็นครอบครัวขนาดเล็ก พื้นที่หน้าบ้านมีลานกว้างและที่จอดรถ ด้านข้างคือสวนหย่อมและซุ้มชิงช้าไว้สำหรับพักผ่อน กลางวันแบบนี้แดดร้อนจนต้องเข้าบ้าน
เลื่อนประตูปิดลงเสียงเบา ด้านหน้าเป็นห้องรับแขกมีสมาร์ททีวีหน้าจอกว้างกว่าห้าสิบสองนิ้วตั้งไว้ หล่อนเดินตรงไปยังห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบเนื่องจากคุณบุลลาซื้อมาไว้ให้ เปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มมาดื่ม คั้นสดจากผลไม้ที่ไร่ ชื่นใจเป็นที่สุด
ดวงตากลมเหลือบมองรูปภาพวันหมั้นที่ใส่ชุดไทยยืนถ่ายรูปข้างกันก็อดชื่นชมในความหล่อของสามีตนเองไม่ได้ ถ้าลดความกวนประสาท หรือขี้แกล้ง พูดจาไม่รักษาน้ำใจได้ ก็นับว่าคีรินทร์น่าคบเหมือนกัน
“ทำอะไรกินดีนะ” บ่ายสามโมงแล้ว อีกไม่นานก็ถึงเวลาอาหารเย็น ดีที่หน้าหมู่บ้านมีตลาดสดและมินิมาร์ทจึงไม่ยากในการเดินทางไปซื้อวัตถุดิบหรือของสด
และที่ชอบมากกว่านั้นคือใกล้โรงเรียนที่เธอสอนแต่อาจจะไกลจากที่ทำงานของร่างสูงสักหน่อย ทว่ารถไม่ติดขับไม่เกินสามสิบนาทีน่าจะถึงบริษัท
“อือ ทำต้มยำทะเลดีกว่า” เห็นวัตถุดิบแล้วก็คิดเมนู ก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนที่มีห้องนอนสามห้อง แต่ไม่สามารถแยกห้องได้เพราะคุณบุลลาจัดเสื้อผ้าให้หล่อนเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็ได้นอนห้องเดียวกับคีรินทร์
ทว่ากำลังจะคุยกับชายหนุ่มเรื่องแยกห้อง อย่างไรก็ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความสมัครใจอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็ไม่อยากนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม กลัวว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายตนเอง แค่คิดก็อดทำหน้าเครียดไม่ได้
ค่อยหมุนลูกบิดเสียงเบา เข้ามาภายในห้องที่เย็นจนคิดว่าอยู่ขั้วโลกเหนือ เดินไปหยิบรีโมทแอร์มาดูพบว่าเขาเปิด 16 องศา
บ้าไปแล้ว!
นี่คิดว่าตัวเองเป็นหมีขาวต้องอยู่อากาศหนาวๆ หรือไง มองคนบนเตียงที่ห่อตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่มก็ส่ายหน้าทันที ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา พยายามทำตัวปกติที่สุดแล้วค่อยเปิดประตูออกช้าๆ
หล่อนเลือกจะลงไปข้างล่างแทนการอยู่บนห้องเดียวกันกับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ เป็นการแต่งงานที่รวดเร็วจริงๆ แทบไม่ต้องเตรียมงานอะไรด้วยซ้ำ ซองไม่แจก ไม่ประกาศให้เพื่อนได้รับรู้ ส่วนมากก็เป็นพวกคนงานที่ทราบว่าเธอไม่โสดแล้ว
ส่วนเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้บอกใครเลยสักคน อีกทั้งไม่ลงโซเชียล คิดว่าจะปล่อยให้มันเงียบแบบนี้น่าจะดีกว่า
ท้องฟ้าเริ่มมืดคนที่นอนหลับใหลจึงลืมตาตื่น เอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียงให้สว่างก่อนลุกนั่งสะบัดศีรษะสองสามครั้งให้หายมึน มองนาฬิกาเห็นเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ค่อยลุกยืนแล้วใส่สลิปเปอร์เดินออกจากห้อง
กลิ่นอาหารลอยมาแต่ไกลจนต้องเดินตามไป มาหยุดที่ห้องครัวเห็นภรรยาสวมชุดกันเปื้อนแล้วตั้งใจทำอาหารเย็นก็เผลอมอง แปลกเหมือนกันที่หล่อนมีเสน่ห์เวลาอยู่ในห้องครัว แบบนี้เขาเรียกว่านางก้นครัวหรือเปล่า
“ตื่นแล้วเหรอคะ นิ้งกำลังจะตั้งโต๊ะ คุณคีรอก่อนนะคะ” เงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่ ก่อนจะบอกเขาแล้วหันไปสนใจอาหารเหมือนเดิม
“ทำอะไรกิน” ถามเสียงแหบเพราะยังตื่นไม่เต็มตา
“มีต้มยำรวมมิตร ไข่เจียวทรงเครื่อง แล้วก็น้ำพริกกะปิค่ะ” เขามองไข่เจียวสีเหลืองก็กลืนน้ำลายด้วยความหิว นอกจากรสมือแม่แล้วก็ชอบฝีมือการทำอาหารของมธุรดาเนี่ยแหละ ทำอะไรก็ดูจะอร่อยไปเสียหมด
“ทำไมฉันไม่ได้เลือกไข่เจียวทรงเครื่องว่าใส่อะไรบ้าง” ทำทีเป็นไม่สบอารมณ์เพื่อแกล้งร่างบาง
“ไว้คราวหน้าจะถามก่อนนะคะ” ต้มยำเสร็จเรียบร้อยจึงตักใส่ถ้วย แล้วนำไปวางที่โต๊ะอาหารขนาดกลาง ดีที่อยู่ใกล้ครัวไม่ต้องเดินไกล
“เดี๋ยวฉันตักข้าวให้” อาสาพลางเดินไปหยิบจานแล้วก็ทัพพีมาคดข้าว นำไปวางยังที่นั่งของตนเองแล้วทำให้หญิงสาวบ้าง รินน้ำใส่แก้วไปวางไว้ด้านขวาเพื่อจะได้จับถนัดมือ
เมื่ออาหารครบแล้วทั้งสองจึงนั่งประจำที่ เริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็นโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา คีรินทร์หิวเพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง จึงจัดการอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยงต้องเพิ่มอีกจาน เล่นเอาคนทำยิ้มหน้าบานยามเห็นสามีเจริญอาหาร
“นิ้งมีเรื่องจะคุยกับคุณคีค่ะ” เห็นเขาอารมณ์ดีจึงคิดจะใช้โอกาสนี้พูดกับเขาให้รู้เรื่อง
“ว่ามาสิ” เคี้ยวข้าวแล้วพยักหน้ารับ ไม่ค่อยสนใจจะฟังสักเท่าไหร่เพราะเอร็ดอร่อยกับอาหารเลิศรส
“เราน่าจะแยกห้องนอนกันนะคะ ไหนๆ เราก็ไม่ได้แต่งงานกันด้วยความเต็มใจ ถ้าอยู่ห้องเดียวกันก็อึดอัดเปล่าๆ” คีรินทร์เงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้าม ตักข้าวเข้าปากไม่ได้ตอบอะไรปล่อยให้ความเงียบปกคลุม
“คุณคีคะ” หล่อนเรียกเขาซ้ำ
“เสียใจด้วย ฉันไม่ต้องการแยกห้อง ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้วก็ทำให้เหมือนคู่แต่งงานหน่อยสิ ใช้นามสกุลวิจิตรประภาแล้วไม่ตักตวงหน่อยหรือไง หือ สินสอดก็ได้ไปตั้งสองล้าน ไหนจะทองอีก มันอยู่ในช่วงกอบโกยนะ ยิ่งถ้าเธอมีหลานให้แม่ฉันได้ก็จะอาจจะได้ของขวัญเป็นที่ดินสักผืน ไม่ต้องการหรือไง ตอบตกลงแต่งงานเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”
โทนเสียงที่เขาใช้ราบเรียบแต่มันเหมือนมีดที่พุ่งตรงเข้ามาปักตรงกลางใจของเธอ ดวงตากลมโตวาวด้วยหยาดน้ำใส พูดไม่ออกเพราะก้อนสะอื้นมาจุกยังลำคอ พรูลมหายใจออกช้าๆ แล้วตอบเขาเสียงสั่นทำเอาคนฟังทำตัวไม่ถูก
“นิ้งไม่ได้อยากเข้ามาปอกลอกหรือต้องการเงินของคุณเลย ที่นิ้งตกลงแต่งงานกับคุณก็เพราะว่าหนี้ที่เคยติดคุณพ่อของคุณไว้ มันอาจจะดูหน้าอายที่ยอมแต่งงานเพื่อใช้หนี้ แต่นิ้งไม่ได้มีทางเลือกเยอะหรอกค่ะ คุณคีอิ่มหรือยังคะ ถ้าอิ่มแล้วฝากล้างจานด้วยนะคะ” เช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาออกอย่างรวดเร็ว
ลุกยืนแล้วเดินขึ้นบนบ้านทันที ทำเอาร่างสูงพูดไม่อออก ก่อนจะรีบตะโกนไล่หลังเสียงดัง “อย่าล็อคประตูนะ!” ไม่รู้ว่าเธอได้ยินไหมแต่เขาก็หวังว่าจะไม่ต้องนอนนอกห้อง
หมดอารมณ์จะกินทว่าข้าวยังไม่หมด สุดท้ายก็ต้องจัดการอาหารบนโต๊ะจนเกลี้ยงแล้วค่อยนำไปล้าง เขาคิดเรื่องที่ตนเองพูดเมื่อสักครู่แล้วเริ่มรู้สึกผิดกับหญิงสาว
“พูดแรงไปหรือเปล่าวะ” พึมพำเสียงเบา แล้วค่อยเดินมาดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกดโทรออกหาเพื่อนสนิท ไม่นานปลายสายก็รับเขาจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว
“ไอ้กลกูมีเรื่องจะถาม” ใบหน้าคมเครียดจนคิ้วขมวด
‘กูก็มีเรื่องจะถามมึงเหมือนกัน แต่งงานทำไมไม่เชิญกู’ จากที่กำลังจะปรึกษาแต่เจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะรู้ก็ทำเอาตกใจเหมือนกัน
“มึงรู้ได้ไงวะ”
‘พี่มึงแท็กรูปโชว์หราขนาดนั้น ไม่รู้ก็บ้าแล้ว แสดงว่าไม่ได้เข้าเฟซบุ๊กดูเลยใช่ไหม เพื่อนเข้าไปแสดงความยินดีกับมึงเต็มไปหมด สาวๆ อกหักเป็นแถว แล้วเป็นไงมาไงแต่งงานสายฟ้าแลบวะ ไหนบอกจะอยู่เป็นโสดควงสาวเล่นไปวันๆ พูดไม่จริงนี่หว่า’
มือหนายกขึ้นมาเกาศีรษะ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพราะขนาดเขาเองยังรู้ก่อนวันแต่งแค่วันเดียว แล้วเป็นช่วงเย็นแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจด้วยซ้ำ
แต่ที่ทำให้ยอมแต่งงานก็เพราะ...จูบหวานๆ ของคุณภรรยา
“กูอยากจัดแบบส่วนตัวเลยไม่บอกใคร โทษทีว่ะมึง” เป็นข้ออ้างที่สกลรีบโต้กลับทันที
‘ส่วนตัวมาก โต๊ะจีนเป็นร้อยไหมในภาพที่กูเห็น’ แล้วพี่ตะวันจะโพสภาพเขาทำไมวะ อุตส่าห์คิดว่าจะไม่บอกใครแล้วแท้ๆ
โทษพี่ชายตนเองแล้วทำหน้ายุ่งยาก เขาไม่ได้เข้าไปเช็คโซเชียลเพราะไม่มีเวลา เป็นวันหยุดที่เหนื่อยจนร่างแทบแหลก วันศุกร์โสดวันเสาร์มีเมียซะงั้น ส่วนวันนี้เขาก็จะจัดการรวบหัวรวบหางคนที่บอกให้แต่งงานกันแค่ในนาม
ใครจะไปยอม เสียเงินสองล้านทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้มหน่อยสิ จะมานอนจับมือมองตากันเฉยๆ ไม่ใช่นายคีรินทร์หรอก
“มึงก็โอเว่อร์ ห้าสิบเองเถอะ” แก้ไขความเข้าใจผิดทำเอาเพื่อนถอนหายใจเสียงดัง นี่ถ้าไม่เห็นเป็นเพื่อนสนิทจะด่าให้สักที
‘ครับพ่อคุณ แล้วมึงโทรหากูทำไม ธุระคืออะไร’ ร่างสูงนิ่งคิด ที่จริงก็จะโทรมาบอกเรื่องแต่งงานแล้วให้สกลเก็บเป็นความลับ แต่ตอนนี้คงไม่สำคัญแล้วล่ะ
“คือจริงๆ กูมีเรื่องจะบอกว่ะ งานแต่งของกู...” เขาเล่าทุกอย่างให้เพื่อนสนิทฟัง ปลายสายเงียบไปอย่างใช้ความคิด ขณะที่บางครั้งก็แสดงอารมณ์ประกอบการฟังบ้าง เล่นเอาคีรินทร์อยากวางสายถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในตอนนี้ที่พอจะปรึกษาได้
มธุรดาอาบน้ำเสร็จก็สวมเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาว ไม่ลืมใส่ชุดชั้นในทั้งที่ปกติไม่ค่อยใส่นอนเพราะอึดอัด แต่อยู่ในห้องสองต่อสองกับชายหนุ่มไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่ ดวงตากลมมองบนเตียงกว้างแล้วเปิดตู้เพื่อหยิบหมอนข้างมาอีกใบ
ต้องกันไว้เยอะๆ แยกฝั่งชัดเจนไม่ให้ล้ำเส้น แต่ถ้าเขายังเข้ามาใกล้ล่ะ...
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มเมื่อคิดออกว่าตนเองนำอะไรมาด้วย เดินไปหยิบสเปรย์พริกไทยมาใส่ไว้ใต้หมอน เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ถ้าคีรินทร์คิดจะทำอะไรไม่ซื่อจะฉีดเข้าที่ตาเลย มันอาจจะทำให้แสบแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ต้องขู่ให้กลัวเสียบ้าง ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นดีนัก คิดถึงคำพูดของเขาเมื่อสักครู่ก็เจ็บปวดที่อีกฝ่ายตีค่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงหิวเงิน ถ้ามีทางเลือกอื่นก็ไม่อยากแต่งด้วยหรอก หากต้องหย่ากันหล่อนก็มีแต่เสียกับเสีย
แอ๊ด
ประตูถูกเปิดออกคุณครูคนเก่งเลยขึ้นบนเตียงทันที หล่อนจองพื้นที่ใกล้ระเบียงหันหลังให้คนมาใหม่ ไม่อยากเห็นใบหน้าคมสักเท่าไหร่
