13 ทำความรู้จัก
มนต์มีนาเดินตามยานอฟมายังชายหาดทางหน้าบ้านโดยอาศัยแสงไฟสลัวจากบ้านพัก บรรยากาศกลางคืนเงียบสงบได้ยินแต่เสียงคลื่นทำให้มนต์มีนารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เธอเดินเคียงข้างเขาไปเรื่อยๆ ตาก็มองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าเห็นไฟส่องสว่างอยู่กลางทะเลก็หันมาถาม
“ไฟพวกนั้นคืออะไรคะคุณยานอฟ”
“ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไฟจากเรือของชาวประมง”
“ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวเหมือนกันนะคะ ตอนกลางคืนทั้งมืดทั้งกว้าง ผิดกับตอนกลางวันเลยนะคะ”
“ก็เหมือนคนเราแหละ มีทั้งด้านมืดและด้านสว่างอยู่ที่ใครจะเลือกมุมไหนออกมาให้คนอื่นเห็น”
มนต์มีนาไม่รู้ว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่อยากจะใส่ใจมากนักเพราะเธอจะอยู่กับเขาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขามากมาย
“คืนนี้ดาวสวยเหมือนกันนะ” จู่ๆ อยู่เขาก็พูดขึ้นมา
หญิงสาวแหงนมองไปบนท้องฟ้าแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าดวงดาวบนท้องฟ้าวันนี้สวยอย่างที่เขาพูดจริงๆ ตอนอยู่กรุงเทพเธอแทบไม่เคยเห็นดวงดาวเลย
“สวยมากจริงๆ ด้วยค่ะ ตอนนี้กรุงเทพแทบไม่เห็นดาวเลยจำได้ว่าดูดาวจริงจังครั้งสุดท้ายก็ตอนไปทัศนศึกษาตอน ม.6 จากนั้นก็ไม่เคยมีโอกาสได้มอง บ้านที่มีนอยู่ก็ไม่เห็นดาวเลย แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ขอโทษค่ะที่ถาม” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายมนต์มีนาก็รีบขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกเธออยากรู้อะไรก็ถามมา ส่วนฉันจะตอบหรือเปล่ามันก็อีกเรื่อง เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะ”
“มีนถามว่าคุณอยู่ที่ไหน”
“ฉันเป็นลูกครึ่งไทยยูเครน”
“แต่ช่วงนี้มีนด้วยข่าวว่าเขากำลังสู้รบกันอยู่นะคะ”
อีกครั้งฉันไม่ได้อยู่ใกล้จุดที่มีปัญหากันหรอกนะ”
“แล้วมันกระทบกับงานของคุณไหมคะ”
“มันก็บ้างแต่งานของฉันไม่ได้มีอยู่ที่ยูเครนมากเท่าไหร่ เพราะที่นั่นก็แค่จุดเริ่มต้น” เขาอธิบายให้เธอฟัง
มนต์มีนาไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้ธุรกิจอะไร แต่ดูแล้วกิจการของเขาก็คงจะดีในระดับหนึ่งถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มาพักผ่อนได้เป็นเงินเดือน อีกทั้งบ้านที่เขาอยู่ก็เป็นบ้านที่เขาซื้อไม่ใช่รีสอร์ตหรือบ้านเช่าอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
เธอรู้สึกประหม่ามากเวลาที่อยู่ใกล้กับเจ้านายแบบนี้ แต่ดูเขาจะผ่อนคลายและทำเหมือนว่าเรื่องที่เขาจ้างเธอมันเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวเดินคู่กับเขามาจนสุดชายหาดด้านหนึ่งที่เริ่มจะมีโขดหินตะปุ่มตะป่ำและไม่ทันระวังเลยสะดุดก้อนหินจนสุดแต่ยังดีที่ยานอฟคว้าแขนเธอไว้ทันเขา
เขาคว้าร่างของเธอเสมาปะทะกับแผงอกกว้างของตนเอง
“เดินระวังหน่อย”
“ขอโทษค่ะก็ตรงนี้มันมืดมีนไม่ทันได้เห็น”
“พื้นมันไม่เรียบจริงๆ ด้วยนั่นแหละถ้างั้นเรากลับกันดีกว่า จับมือฉันไว้จะได้ไม่สะดุดอีก” ยานอฟยื่นมือให้มนต์มีนาจับหญิงสาวก็กลัวจะล้มจึงส่งมือให้เขาจับให้เขาโดยไม่คิดอะไร
ทันทีที่สัมผัสกับมือใหญ่มนต์มีนาก็รู้สึกแปลกๆ หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนเมื่อตอนที่เจอกับเขาบริเวณท่าเรือ
“หนาวเหรอมีนเธอเย็นเจี๊ยบเลยนะ”
“นิดหน่อยค่ะ ลมทะเลแรงเหมือนกัน” เพราะรีบออกมาจนลืมว่าตอนนี้ตนเองนั้นอยู่ในชุดนอนเสื้อกางเกงซื้อที่ตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นซึ่งพอเจอลมทะเลพัดแรงมาแบบนี้ก็รู้สึกหนาว
“งั้นเรารีบกลับกันด้วยเถอะ”
หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นกับจับใหญ่มือของเธออยู่ เธออยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาไม่มีคำว่าลูกจ้างกับนายจ้างเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยในเมื่อตอนนี้เธอคือผู้หญิงที่เขาจ้างมานอนด้วย ถึงแม้ในกฎที่เขาตั้งไว้จะไม่มีข้อไหนห้ามไม่ให้ลูกจ้างอย่างเธอหลงรักนายจ้างแต่หญิงสาวก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะเจอเขาเพียงแค่วันแรกก็แอบมอบใจให้เขาไปทั้งดวงแล้ว
“ทำไม เงียบล่ะคิดอะไรอยู่”
“เปล่าค่ะ”
“ปกติมาเที่ยวทะเลบ่อยไหม”
“ไม่หรอกค่ะมาครั้งสุดท้ายก็น่าจะสองปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเที่ยวใกล้ๆ ชะอำหัวหินหรือไม่ก็เสม็ดไม่เคยมาเที่ยวเกาะแบบนี้เลย คุณสุทัศน์บอกว่าคุณชอบเมืองไทยและชอบเที่ยวทะเลมาก”
“ใช่ฉันชอบที่นี่มากๆ ตอนอยู่บ้านก็รู้สึกสงบ และถ้าฉันอยากสนุกก็แค่ขับรถออกมาอีกฝั่งหนึ่งก็เจอกับทั้งผับทั้งบาร์เธออยากเที่ยวแบบนั้นบ้างไหม”
“ตอนที่มีนอายุยังไม่ถึงยี่สิบก็เคยจะเข้าไปเที่ยวมากๆ แต่พออายุครบและได้มีโอกาสเป็นทั้งพริตตี้และเป็นทั้งเด็กนั่งดริ๊งค์ก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะ”
“มีนว่ามันอึดอัดค่ะ เสียงมันดังอย่างหนึ่งมีนไม่ค่อยชอบกลิ่นบุหรี่ค่ะ ได้กลิ่นนานๆ แล้วมันหายใจไม่ออก ก็เลยไปทำงานเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ได้ไม่นานเท่าไหร่”
“แต่เดี๋ยวนี้กฎหมายเขาห้ามสูบบุหรี่กันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็สถานที่แบบนั้นเขาสนใจกฎหมายซึ่งเมื่อไหร่ล่ะคะ”
ยานอฟพยักหน้าเห็นด้วยเพราะทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวและกลับมาถึงบ้านก็ต้องรีบอาบน้ำสระผมเนื่องจากกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวมาทั้งที่เขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่
“คุณยานอฟสูบบุหรี่ไหมคะ”
“แต่ก่อนฉันเคยสูบแต่ตอนนี้เลิกแล้ว”
“ทำไมเลิกล่ะคะ”
“เพราะฉันไม่เห็นประโยชน์ของมันไงล่ะ ตอนเป็นวัยรุ่นก็คิดว่ามันเท่เห็นคนอื่นสูบก็สูบตาม ฉันลองมาหมดแล้วทั้งบุหรี่เหล้ายาเสพติดเกือบทุกชนิด” เพราะคิดว่าถ้าครบหนึ่งเดือนเขากับมนต์มีนาก็จะไม่เจอกันอีก
“จริงเหรอคะ” มนต์มีนาไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะลักษณะท่าทางของเขามันดุดีจนเธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาเกเรมาก่อน
“จริงสิฉันลองมาหมดแล้วทุกอย่างและก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรที่ดีกับร่างกายเลย” ยานอฟไม่ได้โกหกเพราะสิ่งเสพติดเรานั้นมันวนเวียนอยู่ในชีวิตช่วงวัยรุ่นของเขาจนเกือบจะหลงไปกับมันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตั้งสติได้และกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพราะคิดแล้วว่าถ้ายังทำตัวเสเพลอยู่อนาคตก็คงได้เป็นคนเร่ร่อนแน่ๆ เนื่องจากตัวเองไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนถ้าไม่ทำมาหากินก็คงจะอดตายอยู่ข้างถนน
“แล้วเธอล่ะเคยลองของพวกนั้นบ้างไหม”
“เคยกินแต่เหล้าค่ะแต่บุหรี่กับยาเสพติดไม่เคยค่ะ”
“ดีแล้วที่ไม่เคยลองเลย อย่าคิดจะไปลองเลยฉันเห็นมานักต่อนักแล้วสุดท้ายก็ติดจนถอนตัวไม่ขึ้น”
“แต่คุณก็ไม่ติดนี่คะ”
“ฉันก็เกือบติดเหมือนกันน่ะมีน แต่โชคยังดีที่คิดได้แต่มีหลายคนที่คิดได้ก็ต่อเมื่อมันสายเกินไป”
“คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้มีนนึกถึงเด็กคนที่เราเจอเมื่อตอนกลางวัน คุณคิดเหมือนมีนไหมว่าเขาอาจจะขโมยเงินไปซื้อพวกยาเสพติดก็ได้นะคะ”
“ก็น่าจะประมาณนั้นแหล่ะ ดูจากลักษณะแล้วก็เหมือนเด็กติดยาอยู่เหมือนกัน ถ้าเธอเจอเด็กคนนั้นอีกครั้งก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะเพราะเราไม่รู้ว่าเขามีพวกพ้องคนอื่นอยู่ที่นี่หรือเปล่าเกิดเขาทำอันตรายขึ้นมาจะแย่”
“มีนคงไม่ไปแถวนั้นอีก”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงไปตรงนั้นล่ะไปรอฉันหรือเปล่า”
“เปล่านะคะ คุณสุทัศน์บอกว่าคุณจะมาถึงค่ำๆ มีนก็เลยขอให้เขาเช่ามอเตอร์ไซค์และขับรถไปเที่ยวรอบๆ เกาะค่ะ”
“นี่มาวันเดียวก็เที่ยวรอบเกาะแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ มีนก็แค่ขับรถวนดูว่ามีอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง”
“เอาไว้ถ้าวันไหนอากาศไม่ร้อนเท่าไหร่เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกันก็ได้ แต่ฉันคงไม่ขี่คันที่จอดอยู่หน้าบ้านหรอกนะ”
“คุณยานอฟขี่มอเตอร์ไซค์เป็นด้วยเหรอคะ”
“เป็นสิฉันก็เคยใช้ชีวิตวัยรุ่นมาก่อนนะ”
“นั่นสิคะมีนไม่น่าถามเลยผู้ชายทุกคนก็น่าจะขี่มอเตอร์ไซค์เป็นทั้งนั้นนอกจากขับรถไปเที่ยวรอบเกาะแล้วได้ทำอย่างอื่นอีกไหม”
“มีนไปซื้อขนมแล้วก็โทรบอกเพื่อนว่าถึงที่นี่แต่มีนไม่ได้บอกนะคะว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปที่นี่ส่งให้เขาดูค่ะ แค่บอกเขาว่าถึงอย่างปลอดภัยแล้ว” หญิงสาวรีบพูดยาวเหยียดเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอไปบอกเพื่อนว่าตนเองอยู่ที่ไหน
“ฉันรู้ สุทัศน์บอกฉันแล้ว อันที่จริงฉันก็ไม่ได้กำหนดตายตัวหรอกนะว่าห้ามติดต่อกับคนอื่นแต่ที่ไม่อยากให้ใครรู้เพราะฉันไม่ชอบความวุ่นวาย”
“มีนเข้าใจค่ะ มีนก็คงจะโทรหาเพื่อนแค่วันนี้เท่านั้นเองเพราะเขารู้แล้วว่ามีนถึงที่หมายอย่างปลอดภัยระหว่างนี้ก็คงไม่มีธุระคุยกันอีก
