เจ้าวรรศ : บทที่ ๕ ปากเหลือร้าย ใจเสน่หา【2】
“หากใคร่จะหยุดก็กระทำได้นะ น้องไม่ว่ากระไร เพียงแต่จะได้รู้ว่าเจ้าพี่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
ได้ยินแล้วองค์นวินถึงกับหน้าตึง ที่จะถอดใจเมื่อครู่ก็มลายหายไปสิ้น
ดูแคลนกันถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดเล่าจะยอมพ่ายแพ้กัน!
หลับหูหลับตาท่องเอาบทกลอนที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนประพันธ์ทั้งค่ำคืนออกไปอย่างรวดเร็วพลัน
๏ องค์เอ๋ยองค์เจ้าวรรศเจ้ายักษา[ กลอน ๘]
รูปนำพางดงามให้แลเหลียว
ชมเอ๋ยชมชมเจ้าเพียงองค์เดียว
งามจริงเชียวงามงดงามกว่าใคร
๏ ดุจดั่งเทพอุบัติพสุธา
งามจริงหนาพ่อเขี้ยวเจ้าหน้าใส
ครั้นได้จ้องมองแล้วดีต่อใจ
ชวนหลงใหลใคร่คิดขอจับจอง
ไม่มีตะกุกตะกักเลยแม้เพียงแต่น้อย ราบรื่นไพเราะจับจิตเหลือเกิน แม้แต่เจ้าวรรศที่ฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าองค์นวินช่างมีความสามารถนัก แม้รูปลักษณ์จะอ่อนแอบอบบาง แต่ปัญญานั้นไซร้ช่างมากมี กลอนไพเราะถึงเพียงนี้ คงมีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นจริงเช่นนั้น องค์นวินเก่งฉกาจเรื่องในตำรับตำรา แต่ไม่ประสากับในทางโลกจึงได้เป็นยักษ์หัวอ่อน ไม่สู้คนเช่นนี้
แต่จะอย่างไรก็ช่าง บัดนี้มุมปากของเจ้าวรรศกระตุกยิ้มอย่างพึงใจที่ถูกชมความงามล้ำเปรียบดั่งเทพยดา โดยหาได้ทันสังเกตว่าสีหน้าขององค์นวินนั้นดูแย่เอาการ ครั้นเอ่ยชมเสร็จก็เกิดอาการคลื่นเหียนพะอืดพะอม เหตุเพราะก่อนหน้านี้ถูกกดดันจึงได้เกิดอาการเคร่งเครียด เมื่อกระทำได้สำเร็จ แทนที่จะโล่งอกเป็นปลิดทิ้ง กลับทำท่าเหมือนจะสำรอกออกมา ทั้งยังส่งเสียงชวนให้ขนลุก
“อุ้ก...อ่อก...”
เฮ้ยๆๆ!
เจ้าวรรศเห็นอีกฝ่ายโก่งคออยู่ใกล้ๆ ก็รีบกระถดหนีโดยไว กระเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงทันที พอตั้งหลักได้ก็ย่นคิ้วยู่
“ขับกลอนชมความงามของข้าเพียงบทสองบทเท่านี้ ถึงกลับจะสำรอกอาจมออกมาเลยหรือไร”
องค์นวินพยักหน้าระรัว หน้าตาซีดเซียวประดุจว่าเก็บของในกระเพาะไว้แทบไม่ไหว ทำให้เจ้าวรรศได้นิ่วหน้ามากขึ้นไปอีก
เห็นแล้วอยากจะจับมาตีก้นนักเจ้าผักเหี่ยว กล้าดีอย่างไรมาทำท่าคลื่นเหียนใส่รูปลักษณ์ของข้า!
แท้จริงแล้วที่คลื่นเหียนเสียจนอยากจะอาเจียนเพียงนั้น เป็นเพราะองค์นวินเคร่งเครียดจนเกิดอาการพะอืดพะอมต่างหาก ทั้งที่พยายามจะกักเก็บไว้แล้ว แต่ไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นใบหน้าของเจ้าวรรศที่อยู่ใกล้ๆ องค์นวินก็...
“อ่อก...”
...ทำท่าโก่งคอจะสำรอกออกมาอีก เจ้าวรรศขมวดคิ้วยู่เลยทีเดียว
“มองหน้าข้าแล้วสำรอกเช่นนี้ จะหาเรื่องรึ”
ถามเสียงขุ่นข้อง แต่ก็หาได้รับคำตอบ องค์นวินทนไม่ไหวอีกต่อไป คว้าเอากระโถนทองมากอดไว้ในอ้อมแขน ส่งเสียงโอ้กอ้ากเป็นการใหญ่ เจ้าวรรศพ่นลมหายใจออกมาเสียเต็มแรง
หน็อย! เจ้าผักเหี่ยว! กล้าดีอย่างไรกัน!
แทบอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปเขย่าร่างขาวนวลให้เป็นรอยมือแดงเรื่อ แต่เมื่อเห็นอาการขององค์นวินแล้ว ก็กระทำเช่นนั้นไม่ลง ได้แต่ทรุดตัวนั่ง ขยับเข้าไปช่วยลูบหลังให้
องค์นวินที่กำลังไอโขลกจนใบหน้าแดงก่ำเหลือบมามอง เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังลูบหลังให้ตนอยู่ พร้อมกับพูดว่า...
“น้องช่วย ไม่ต้องเกรงใจ”
...เท่านั้นองค์นวินก็ส่งเสียงออกมาอีก
“อ่อก...โอ้ก!”
เห็นหน้าข้าแล้วคลื่นเหียนไม่หยุดหย่อนนี่หมายความเช่นไร!
ชักจะหัวเสียจริงๆ แล้ว ใบหน้าของเจ้าวรรศดำทะมึนไปหลายส่วนราวกับถูกราหูอม สูญเสียความมั่นใจในความงามดุจดั่งเทพยดามาอุบัติไปในเสี้ยวเพลานั้น
ตั้งแต่เกิดมา เพิ่งจะเคยมีอสุราตนแรกที่เห็นหน้าเขาแล้วก็โก่งคอพ่นอาจมออกมาน้ำหูน้ำตาไหลนี่ล่ะ!
องค์นวินเงยหน้าขึ้นจากกระโถน คว้าเอาผ้าเช็ดมือที่อยู่บนโต๊ะมาเช็ดปาก ปรายตามองเจ้าวรรศที่บัดนี้โกรธเกรี้ยวเสียจนเขี้ยวงอกอย่างหวาดหวั่น ใจหมายจะเอ่ยขอโทษ และอธิบายเหตุผลว่าสาเหตุที่ตนคลื่นไส้เวียนหัวเช่นนี้ เป็นเพราะอดตาหลับขับตานอนประพันธ์กลอนที่จะใช้เกี้ยว ร่างกายถึงได้มีปฏิกิริยาไม่น่าดูชม
ทว่าเจ้าวรรศหาได้มีแก่ใจจะฟังแล้ว เห็นอีกฝ่ายมองตนด้วยดวงตาแดงก่ำฉ่ำน้ำตา ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดออกมา
๏ เจ้าเอ๋ยเจ้านวินรามสูร[ กลอน ๘]
น่าอาดูรโศกาน้ำตาไหล
รูปลักษณ์แห้งห่อเหี่ยวดุจผักใบ
ไร้ธาราหลั่งไหลชโลมดิน
๏ ดวงหน้ารึก็ขาวดุจซากชืด
แลดูจืดหมดซึ่งเสน่หา
องค์เอวบางร่างน้อยทั้งกายา
เห็นแล้วพาเวียนหัวสิ้นประดี
สีหน้าของเจ้าวรรศยามขับกลอนออกมาดำทะมึนไปหลายส่วน องค์นวินรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจถึงกับบริภาษรูปลักษณ์เขาออกมาอย่างร้ายกาจ จึงรีบร้องบอก
“พะ...พี่ขอโทษ ที่พี่สำรอกอาจมออกมานั้น เป็นเพราะพี่รู้สึกไม่ค่อยดี”
“เห็นหน้าน้องแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี เจ้าพี่หมายจะว่าเช่นนั้น?”
ครานี้ องค์นวินถึงกับส่ายหน้าพรืด
“หาใช่เช่นนั้น มะ...เมื่อคืนพี่นอนน้อย”
ว่าเสียงเบาราวกับยักษ์เด็กสำนึกผิดในโทษของตน เจ้าวรรศอยากจะโกรธนัก อยากจะอาละวาดจนกว่าอีกฝ่ายจะหลั่งน้ำตาด้วย แต่เขี้ยวโค้งมนสีงาช้างก็เป็นอันต้องอันตรธานหายไปเมื่อองค์นวินคว้าเอาชายผ้านุ่งของเขาแล้วก้มหน้าก้มตาพึมพำ
“น้องวรรศ...ยะ...อย่าโกรธพี่เลย”
น่า...
จะว่าน่ารัก น่าเอ็นดู หรือน่ารังแกกันดี
เจ้าวรรศคิดไม่ตกเลยแม้แต่น้อย มองอีกฝ่ายที่ก้มหน้างุดด้วยท่าทางดุจลูกสัตว์ประหวั่นวิตกว่าจะถูกราชสีห์เขมือบแล้ว เขาก็หายหงุดหงิดใจโดยพลัน
น่าขย้ำ!
ใช่! น่าขย้ำ อยากจะขย้ำให้เนื้อตัวแดงเถือก!
ฉับพลันก็เกิดอาการมันเขี้ยวเจ้าพี่นวินเสียอย่างนั้น ก่อนที่ความคิดชั่วจะผุดพรายในหัว
“น้องจะไม่โกรธเจ้าพี่ก็ได้ แต่เจ้าพี่ต้องขยายความให้น้องว่าที่เจ้าพี่เอ่ยว่า ‘ครั้นได้จ้องมองแล้วดีต่อใจ ชวนหลงใหลใคร่คิดขอจับจอง’ หมายถึงอย่างไร”
ไยถ้อยคำเหล่านั้นเจ้าวรรศจะไม่รู้กัน เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่ประสาไปอย่างนั้น ด้วยหมายจะหยอกเย้าพี่ยาให้อายม้วน
องค์นวินตระหนักดีว่าถูกเจ้าวรรศจับโยนลงหลุมกับดักเข้าให้แล้ว เหลือบมองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นว่าเจ้าวรรศกำลังยิ้มกริ่มอยู่
โธ่เอ๋ย! พลาดท่าเสียทีแล้ว!
อยากจะเอาศีรษะโขกกับขอบโต๊ะนัก ทว่าก็มิอาจทำได้ด้วยเจ้าวรรศเอ่ยถามมาอีก
“ว่าอย่างไรเจ้าพี่นวิน เจ้าพี่หมายความว่ากระไรหรือ?”
ไม่ถามเปล่า ยังก้มหน้าลงมามองใบหน้าขององค์นวินที่ก้มอยู่อีกด้วย หูตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ระยับเลยทีเดียว องค์นวินลุกลี้ลุกลนมาในบัดดล ตอบตะกุกตะกัก
“มะ...หมายความเช่นไร นะ...น้องวรรศก็รู้อยู่แล้วนี่”
เจ้าวรรศรู้ว่าต่อให้เค้นอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่กล้าพูดหรอก แต่ก็เอาเถิด ไม่พูดก็ไม่พูด เขามีวิธีไล่ต้อนอย่างอื่น
“ครั้นได้จ้องมองแล้วดีต่อใจ...ท่อนนี้น้องรู้ว่าเจ้าพี่หมายถึงรูปร่างหน้าตางดงามของน้อง แต่ชวนหลงใหลใคร่คิดขอจับจอง...น้องไม่เข้าใจนัก”
พูดจบแล้วก็ใช้มือข้างหนึ่งช้อนปลายคางขององค์นวินให้เงยหน้าขึ้นสบตา ก่อนเจ้าวรรศจะยิ้มเผล่
“จับจองที่ว่า หมายถึงจับจองที่ใดกัน...ตรงนี้”
แล้วก็ลากปลายนิ้วไปแตะริมฝีปากสีแดงชาดขององค์นวิน แสร้งลูบไล้แผ่วเบาไปคราหนึ่งให้อีกฝ่ายอกสั่นขวัญแขวน จากนั้นก็เลื่อนลงมายังอุราแล้วว่าเสียงแผ่ว
“ตรงนี้...”
แม้จะสวมอาภรณ์ปกคลุมร่างกายท่อนบน ต่างจากเจ้าวรรศที่มักนุ่งผ้านุ่งผืนเดียวร่อนไปมาทั่วตำหนัก แต่องค์นวินก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนจากฝ่ามือหยาบกร้านของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรับความรู้สึกได้ชัดเจนเสียด้วยเมื่อเจ้าวรรศแกล้งลากปลายนิ้วฉวัดเฉวียนไปถูกเอายังตุ่มไตเม็ดน้อยเสียจนลุกชัน
องค์นวินเม้มริมฝีปากอย่างรวดเร็วเมื่ออาการกำหนัดก่อเกิดขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ขณะที่เจ้าวรรศยังไม่หยุดเล่นสนุกแต่เพียงเท่านี้ เมื่อได้แตะต้องยังแผ่นอกแล้ว ก็ลากลูบลงมายังหน้าท้อง พลันก็ไปหยุดที่หน้าขาข้างหนึ่งใกล้กับส่วนกลางของลำตัว ก่อนจะว่าเสียงแผ่ว
“หรือตรงนี้...”
องค์นวินซึ่งไม่ประสาเรื่องสังวาส ไม่เคยให้ผู้ใดแตะต้องเรือนกายแม้แต่ตอนลงสรง ครั้นถูกเจ้ายักษ์เกเรลูบไล้เข้าไปคราหนึ่ง ความกำหนัดก็พวยพุ่งไปทั่วร่าง เพลิงราคะแผ่ซ่านอย่างมิอาจสะกดกลั้นไว้ ยิ่งเจ้าวรรศเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบพร่าที่ข้างหู
“บอกน้องสิจ๊ะว่าจะจับจองตรงไหนดี”
องค์นวินก็มิอาจทนได้ไหวอีกต่อไป ปลดเปลื้องทุกอารมณ์หมายออกมาทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้แตะต้องสิ่งใดไปมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
“อื้อ...”
เสียงครางกระเส่าประหลาดแว่วเข้ามาในหู เจ้าวรรศผละออกเล็กน้อย เห็นดวงหน้าขององค์นวินแดงเรื่อ อีกทั้งยังลามไปยังใบหูและลำคอ พลันก็เอะใจขึ้นมา เหลือบตามองไปยังส่วนกลางของลำตัวอีกฝ่ายทันใด ก่อนจะประสบกับร่องรอยเปียกชื้นของโจงกระเบน เท่านั้นก็เข้าใจได้ในชั่วเพลานั้นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
“เจ้าผักเหี่ยว!”
ไม่แน่ใจนักว่าที่ส่งเสียงดังนั้นเป็นเพราะตกใจ จะตำหนิ หรือจะกระทำสิ่งใด เจ้าวรรศเองก็สับสนพอดูชม
ก็ผู้ใดจะไปคิดกันเล่าว่าแตะต้องหยอกเย้าเพียงเล็กน้อยจะทำให้องค์นวินเหาะดั้นเมฆไปเที่ยวชมแดนสุขาวดีได้น่ะ!
แต่อีกใจหนึ่งก็ระเริงรื่นเสียเหลือเกิน เสียดายนักที่ไม่ได้เห็นสีหน้าขององค์นวินยามสุขสมอารมณ์หมาย ใคร่อยากรู้เหลือเกินว่าจะน่าเอ็นดูเพียงใด
ทว่า...สำหรับองค์นวินแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นช่างน่าอดสูนัก ครั้นเห็นว่าตนถูกเจ้าวรรศจับได้ หยดน้ำตาก็ร่วงกราวดุจดั่งพิรุณ ส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันควัน
“ฮึก...”
เจ้าวรรศได้สติในเพลานี้ อันที่จริงเขาจะหยอกเย้าต่อดั่งเช่นเมื่อวานก็กระทำได้ หากแต่ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นองค์นวินหลั่งน้ำตา กลับรู้สึกผิดขึ้นมา เหนือกว่านั้น...เอ็นดูเสียจนแทบขาดใจ
ต่อให้ปากคอเราะราย ชอบต่อว่าบริภาษเพียงใด แต่ใจก็มิอาจหักห้ามไม่ให้เสน่หา ทั้งที่รูปลักษณ์ก็หาได้ชวนให้อภิรมย์เท่าใดนัก แต่การกระทำนั้น...
...น่าจับมากอดให้ร่างแหลกนัก!
ไม่คิดเปล่าเสียด้วย เห็นองค์นวินปล่อยให้น้ำตาร่วงเผาะ เจ้าวรรศก็อดไม่ได้ที่จะคว้าอีกฝ่ายมาตระกองกอด มือหนึ่งลูบหลัง อีกมือลูบท้ายทอย
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าพี่เจ้าขา หลั่งมธุรสกามานั้นไซร้เป็นเรื่องปกติของยักษาน่ะ เพียงแต่เจ้าพี่อาจจะใช้เวลาน้อยไปสักหน่อย”
ยังมีหน้ามาพูด ก็เพราะเจ้ามิใช่รึ ข้าถึงได้หลั่งออกมาให้อับอายเช่นนี้น่ะ!
องค์นวินอยากจะทุบอีกฝ่ายนัก แต่ทำได้แค่ซุกใบหน้าลงบนไหล่แกร่ง อ้าปากกัดลงไปบนกล้ามเนื้อแน่นๆ ทีหนึ่งด้วยโกรธขึ้ง เจ้าวรรศรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวไหล่เล็กน้อย ครั้นเหลือบตาไปมองก็เห็นว่าองค์นวินแยกเขี้ยวงับอยู่ทั้งที่น้ำตายังไหลก็อดขบขันไม่ได้ ส่งเสียงหัวเราะในลำคอมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
กล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะเย้ย!
องค์นวินโกรธจริงๆ แล้วในครานี้ ผละริมฝีปากออกมาก็แผดเสียงอยู่ในอุราแกร่งของเจ้าวรรศ
“ขะ...ข้า...ข้าจะเอาหน้าเจ้าจุ่มกระโถนอาจม!”
เจ้าวรรศก็แทนที่จะสำนึก ดันหรรษาเข้าไปใหญ่
“จุ่มก็ดี น้องจะได้ลงสรงชำระล้างกายพร้อมกันกับเจ้าพี่เลย ไหนๆ เจ้าพี่ก็จะต้องไปล้างอยู่แล้วนี่นะ”
เจ้าเล่ห์ ลูกไม้แพรวพราวยิ่งนัก หากได้ลงสรงกับเจ้าวรรศแล้วล่ะก็ มีหวังได้ถูกกลั่นแกล้งไม่หยุดหย่อนเป็นแน่ องค์นวินถึงไม่กล้าที่จะปริปากบริภาษสิ่งใดอีก ได้แต่กลั้นก้อนสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าวรรศ ขณะที่เจ้ายักษ์เกกมะเหรกเกเรตัวต้นเหตุเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
จะปากร้ายเพียงใด แต่ใจก็เสน่หาไปแล้ว หลังจากนี้ เจ้าพี่นวินเจ้าขาคงถูกรังแกไม่เลิกราอย่างแน่นอน...
