บทที่ 5 ต่อ 1
คุณรัชชุไม่ยอมให้อรชุมาออกจากเรือนน้อย เธอถูกล่ามโซ่ไว้ในเรือนเมื่อถูกจับได้ว่าคิดหนีไปกับชายคนรัก และถูกกรอกยาขับเลือดชนิดรุนแรงเพื่อให้แท้งลูกนอกไส้ อรชุมาเสียใจแทบบ้าและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนแอจากการแท้งลูกแล้วไม่ได้รับการรักษาดูแลที่ดี ส่วนชายหนุ่มซึ่งเป็นคนรักของเธอถูกจับได้เมื่อครั้งที่เขาแอบเข้ามาช่วยอรชุมาเลยถูกคนของคุณรัชชุซ้อมปางตายและถูกนำไปทิ้งในที่ ที่ไม่สามารถกลับมาช่วยอรชุมาได้
คุณรัชชุผู้แสนจะสุภาพเจ้าเสน่ห์เปลี่ยนไปเป็นคนที่กระด้างเย็นชาและไร้หัวใจไปทุกทีๆ คงเป็นเพราะทั้งรักทั้งแค้น และเหมือนโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจากภรรยาที่รักที่สุด จากหนุ่มใหญ่เจ้าสำอางกลายเป็นชายแก่ขี้เหล้าเจ้าอารมณ์ และคนที่รองรับอารมณ์โหดร้ายก็คืออรชุมากับลูก เธอต้องทนรับกับความโหดร้ายจากผู้ที่ได้ชื่อเป็นสามีด้วยดวงใจที่แตกสลาย และเด็กชายตัวน้อยๆ ก็ได้รับผลจากการกระทำนั้นเช่นกัน ทุกๆ ครั้งที่คุณรัชชุเหยียบย่ำทำร้ายร่างกายและจิตใจของอรชุมา เขาจะมาเอาตัวรัชชานนท์ไปด้วยทุกครั้ง ภาพความทรงจำเลวร้ายต่างๆ ฝังแน่นในจิตใจที่ใสสะอาด ไม่เพียงแค่นั้นคุณรัชชุก็ได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเด็กน้อยพอๆ กัน ภาพความโหดร้ายและการกระทำที่นับวันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนคุณเสาวลักษณ์เองทนไม่ไหวต้องเข้าไปจัดการเรื่องนี้ให้จบลงก่อนที่คุณรัชชุจะกลายเป็นฆาตกรและรัชชานนท์จะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ร้ายๆ ของผู้เป็นบิดา
แต่มันก็สายเกินไปเมื่อความรุนแรงและสิ่งเลวร้ายที่เด็กน้อยได้ซึมซับไปนั้นฝังลึกในจิตใจที่ใสบริสุทธิ์เสียแล้ว เมื่อไม่อาจจะทนเห็นพฤติกรรมที่เลวร้ายนั้นได้คุณเสาวลักษณ์ จึงยื่นคำขาดว่าจะหย่าจากคุณรัชชุถ้าหากยังพารัชชานนท์ไปที่เรือนน้อยทำให้คุณรัชชุไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของบุตรชาย แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นาน อรชุมาก็เสียชีวิตลงเพราะตรอมใจบวกกับร่างกายที่อ่อนแอบอบช้ำ
หลังจากนั้นรัชชานนท์ก็เริ่มเปลี่ยนไปจากเด็กน้อยที่ฉลาดสดใสเขากลายเป็นเด็กที่เก็บตัว ซึมเศร้าและชอบแสดงอาการก้าวร้าวเจ้าอารมณ์และร้ายกาจลับหลังคุณเสาวลักษณ์และพี่ๆ อยู่เสมอ จนคุณเสาวลักษณ์เองต้องพาเขาไปบำบัดจิตใจที่อังกฤษ จนอาการต่างๆ เริ่มดีขึ้น แต่มันไม่ใช่เลย รัชชานนท์ฉลาดพอที่จะซ่อนอาการผิดปรกติไว้ได้อย่างมิดชิด หากมันไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนเมื่อบทที่รัชชานนท์เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเขาได้ไปเที่ยวและดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งและรัชชานนท์เกิดสนใจผู้หญิงคนหนึ่งและเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาคลุ้มคลั่ง และข่มขืนทำร้ายร่างกายเด็กสาวคนนั้นอย่างแสนสาหัส จนคุณเสาวลักษณ์ต้องวิ่งเต้นเรื่องคดีความและรับผิดชอบเรื่องต่างๆ จากการกระทำของรัชชานนท์ แต่หลังจากนั้นครอบครัวของเด็กสาวคนนั้นก็หายหน้าไป เพราะว่าพฤติกรรมที่ใช้ลูกสาวไปเร่ขายตัว สุดท้ายพ่อแม่ของเด็กคนนั้นถูกจับได้ในบ่อนพนันและมียาเสพติดไว้ครอบครอง และเด็กคนนั้นก็หายไปไหนไม่มีใครรู้...
คุณเสาวลักษณ์ถอนใจอย่างอ่อนล้า แววตาเศร้าหมองอโนมาทรุดกายลงข้างร่างบอบบางของคุณเสาวลักษณ์ที่สั่นเทาด้วยแรงสะอื้น พลางกุมมือนางไว้อย่างปลอบโยน
“หนูอ้อนรู้ไหมว่าตานนท์ต้องเก็บกดและทรมานเพียงใดที่เขาต้องกลายเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนรุนแรงเข้าข่ายเป็นโรคจิตที่ชอบทำร้ายร่างกายคู่นอนของตนเอง ตานนท์พยายามทำตัวให้ปรกติและเก็บงำความผิดปรกติของจิตใจไว้อย่างน่าสงสาร อีกทั้งต้องทนเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณรัชชุจนเขาเองก็เกินรับไหวเมื่อคุณรัชชุเสียตอนนั้นตานนท์อายุย่างสิบหก เขาไม่มีแม้แต่น้ำตาให้ผู้เป็นพ่อเสียด้วยซ้ำ ตลอดเวลาเขาคิดว่าพ่อไม่เคยรักเขา และคอยแต่จะทำเรื่องให้พ่อต้องเจ็บปวดตลอดมา ทั้งสองคนพ่อลูกต่างถือทิฐิจนตายจากกัน ช่างน่าสงสารจริงๆ น่าสงสารเหลือเกิน” นางถอนใจอย่างเจ็บปวด
“จนเมื่อเขาได้พบกับหนูอ้อน ตานนท์ก็เปลี่ยนไป เขาใจเย็นขึ้นมีความยับยั้งชั่งใจและเก็บอารมณ์ได้ดีขึ้น และคิดที่จะไปรักษาบำบัดอีกครั้งให้หายขาดเมื่อเรียนจบเพื่อกลับมาขอหนูอ้อนแต่งงาน แต่แม่ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้”
“โธ่นนท์...” สาวน้อยทั้งสามครางออกมาพร้อมกันเมื่อฟังเรื่องราวต่างๆ
“คุณแม่คะนนท์มีโอกาสหายเป็นปรกติจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“แม่ไม่แน่ใจหรอกลูก มันเป็นความหวังที่เลือนรางเหลือเกินเพราะตานนท์เขาซึมซับความโหดร้ายมาตั้งแต่เด็กๆ มันหยั่งรากลึกเกินกว่าจะรักษาให้หายได้ในเวลาสั้นๆ”
“แต่อ้อนว่านนท์ต้องหายค่ะ และอ้อนจะอยู่เคียงข้างนนท์เอง”
“หนูอ้อนไม่โกรธไม่เกลียดตานนท์ใช่ไหมลูก”
“โธ่ คุณแม่คะ อ้อนจะโกรธจะเกลียดนนท์ได้ยังไงคะ ยิ่งรู้อย่างนี้แล้วอ้อนยิ่งสงสารและรักนนท์มากขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ” สาวน้อยบอกอย่างจริงใจ จนคุณเสาวลักษณ์น้ำตาไหลพรากด้วยความปลาบปลื้มยินดีที่ท่านมองคนไม่ผิด
“ขอบใจจริงๆ หนูอ้อน ขอบใจมากๆ แล้วแม่จะจัดการไปสู่ขอหนูกับพ่อแม่และจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดนะจ๊ะ” คุณเสาวลักษณ์ยิ้มทั้งน้ำตา...
