บทที่ 2 ต่อ 1
เมื่อเพลงบรรเลงจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นด้วยความชื่นชม หญิงสาวผู้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของงานพนมมือไหว้ขอบคุณทุกคนอย่างงดงามสร้างความปลาบปลื้มชื่นชมแด่แม่เลี้ยง พ่อเลี้ยงแห่งคุ้มอินจำปายิ่งนัก
“อัคคี นายอัคคีภัย นี่เพลงจบแล้วยืนบื้ออยู่ได้” แม่เลี้ยงเกศราใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างของอัคคีเบาๆ ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งนิดๆ แล้วรีบกะพริบตากลบเกลื่อนพิรุธ
“ครับก็เพราะดีนะครับ” ชายหนุ่มกระแอมในลำคอเล็กน้อยแก้เก้อ
“ก็แหงล่ะ น้องอ้อนของพี่ทำอะไรก็ดี ก็เด่นเข้าตาหนุ่มๆ เสมอแหละ ดูสิสงสัยหนุ่มๆ แถวนี้เป็นแฟนคลับของน้องอ้อนกันหมดแล้ว” พ่อเลี้ยงบุ้ยใบ้ไปทางด้านอโนมาซึ่งได้รับความสนใจจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ล้อมหน้าล้อมหลังแย่งกันพูดคุยกับสาวสวยของงานในค่ำคืนนี้เพื่อจะได้มีโอกาสสานต่อความสัมพันธ์ในอนาคต แต่ภาพนั้นกลับทำให้อัคคีร้อนรุ่มนัยน์ตาร้อนผ่าวด้วยความขัดเคืองทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกแบบนั้นแต่อาการที่คันยุบยิบเจ็บจี๊ดๆ ในหัวใจโดยไม่รู้สาเหตุแค่ได้เห็นชายคนอื่นอยู่ใกล้หรือพูดคุยกับเธอ
“ก็เป็นธรรมดาแหละครับเขาสวยก็ไม่แปลกที่มีคนสนใจเขา” ชายหนุ่มพยายามซ่อนความขัดเคืองจากน้ำเสียงแต่ก็ไม่มิดเท่าที่ควร
“อ้อ ยอมรับว่าเขาสวย แล้วสนใจมั้ยล่ะ” พ่อเลี้ยงอินคำแกล้งถาม
“สนสิครับ เฮ้ย! พี่หลอกถามผมเหรอนี่ ร้ายกาจมากเลย” กว่าจะรู้ตัวว่าเผยความในใจออกมาโจ่งแจ้งเขาก็เสียรู้สองสามีภรรยาตัวร้ายซะแล้ว “นี่รวมหัวกันแกล้งผมนี่” ชายหนุ่มโอดครวญ
“ก็แหงละ ผู้ร้ายปากแข็งอย่างนายมันก็ต้องทำแบบนี้ล่ะ ว่าไงสนใจเขาใช่มั้ยล่ะ แต่คงยากเพราะน้องอ้อนเขาค่อนข้างไว้ตัวโดยเฉพาะกับผู้ชายเจ้าชู้และไร้หัวใจ”
“ก็ไหนว่าเขาเป็นม่าย” ชายหนุ่มถามอย่างหยิ่งๆ น่าหมั่นไส้
“เป็นม่ายแล้วยังไง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะง่ายกับทุกคนนี่” คราวนี้พ่อเลี้ยงเป็นคนออกหน้าแทน
“ผมก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เขาเอ่ยเกรงๆ เมื่อเห็นว่าแววตาของสองสามีภรรยาเริ่มมีแวววิบๆ ขุ่นขวาง
“ก็ผมเคยเจอแต่พวกแม่ม่ายที่แรงสูงช่ำชองไวไฟนี่นะไอ้ประเภทที่ไว้ตัวสงวนท่าทีก็เห็นแค่แรกๆ พอได้ลองมีอะไรกับใครเข้าหน่อยก็ดีแตกกันทั้งนั้นแหละ โว้วๆ นี่ผมพูดเหมารวมนะพี่ไม่ได้ว่าน้องสาวคนสวยของพี่เลยนะ” ชายหนุ่มรีบยกมือทำท่าห้ามเมื่อเห็นทีท่าเอาเรื่องของแม่เลี้ยงเกศราที่กำลังเงื้อมือจะฟาดมาที่แขนแกร่งของเขาแต่ก็หาพ้นไม่เพราะฝ่ามือน้อยๆ นั่นหากแต่ทรงพลังก็ฟาดลงมาเต็มๆ สองสามที
“นี่แน่ะๆ ปากดีนักไอ้คนปากมอม แล้วอย่ามาจีบน้องอ้อนเขาเชียว” แม่เลี้ยงกล่าวเคืองๆ “นอกจากจะไม่ให้จีบไม่ให้เข้าใกล้แล้วนะ ฉันนี่แหละจะเป็นก้างขวางคออย่างดีเลยคอยดู” คาดโทษคนต้นเรื่องเสร็จก็เดินสะบัดหน้าไปหาเป้าหมายที่ทำท่าอยากออกมาจากวงล้อมหนุ่มๆ เต็มทีของอโนมา
“เอาล่ะค่ะหนุ่มๆ ทั้งหลาย แม่เลี้ยงขอตัวน้องอ้อนไปด้านโน้นก่อนนะคะ ถ้าสนใจยังไงเดี๋ยวยื่นใบสมัครที่แม่เลี้ยงได้นะคะ คิดแค่ใบละแสนเดียวเองค่ะ” แม่เลี้ยงเกศรากล่าวอย่างอารมณ์ดีแล้วพาร่างระหงออกมาจากวงล้อมหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อย่างสุภาพ แต่กระนั้นก็ทำให้หนุ่มๆ มองตามตาปรอยเลยทีเดียว
“เฮ้อ นี่ถ้าพี่เกดไม่มาหาอ้อนมีหวังอ้อนยืนตากน้ำค้างทั้งคืนแน่ค่ะ” อโนมาเป่าลมออกจากปากบางสวยอย่างโล่งใจและยิ้มให้แม่เลี้ยงอย่างอ่อนหวาน
“เป็นน้องสาวพี่เกดแล้วไม่มีทางถูกทิ้งให้ตากน้ำค้างหรือแทะเล็มหรอกค่ะ”
“นี่ก็ดึกแล้วอ้อนคงต้องขอตัวกลับแล้วล่ะค่ะพี่เกด” หญิงสาวยกข้อมือดูนาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ
“เดี๋ยวพี่เกดให้คนที่คุ้มไปส่งนะคะ แล้วพรุ่งนี้เราจะไปรับน้องอ้อนตอนเจ็ดโมงนะคะ แล้วเราไปรับตาสิงโตด้วยกันและเลยไปเที่ยวบ้านน้องอ้อนเลย” คนพูดจัดตารางการเดินทางให้เสร็จสรรพ จนคนที่ด้อยอาวุโสกว่าไม่กล้าที่จะขัดด้วยน้ำใจไมตรีที่แม่เลี้ยงเกศรามีให้ท่วมท้น
“แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าบ้านอ้อนน่ะยังไม่เจริญเท่าไรยังต้องเข้าไปจากปากทางหลวงอีกหลายกิโลเมตรนะคะ และไม่มีอะไรที่จะอำนวยความสะดวกอย่างในเมือง” หญิงสาวกล่าวอย่างเกรงใจเพราะกลัวว่าการเดินทางไปเยี่ยมบ้านของเธอนั้นจะสร้างความลำบากให้แม่เลี้ยงคนงาม ด้วยตอนนี้ทั้งพ่อแม่ของเธอก็ลาออกจากราชการแล้วหันมาทำสวนผักสวนผลไม้เล็กๆ อยู่ที่บ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริได้หลายปีแล้ว
“โธ่น้องอ้อน พี่เกดของน้องอ้อนน่ะก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่อ่อนเหยาะแหยะมาแต่ไหนแต่ไรแล้วละครับ ยิ่งเรื่องผจญภัยเดินป่าเดินเขานี่น่ะเขาชอบนักล่ะ” พ่อเลี้ยงอินคำเอ่ยสนับสนุนเมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของอโนมา
“ใช่ค่ะน้องอ้อน ยิ่งตาสิงโตน่ะชอบมากเลยการได้ไปเที่ยวแบบสมบุกสมบัน ไม่มีปัญหาค่ะเอาเป็นว่าถ้าน้องอ้อนไม่รังเกียจเรา เราก็เดินทางไปเที่ยวแบบมันส์ๆ กันเลยนะคะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะพี่เกด ถ้าอย่างนั้นอ้อนขอตัวกลับก่อนนะคะแล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” หญิงสาวไหว้ลาทั้งสองสามีภรรยาผู้ใจดีอย่างนอบน้อมและเดินตามคนขับรถที่ทางแม่เลี้ยงกำชับให้ไปส่ง
เธอลงเรือนไปที่ลานจอดรถด้านล่างที่รายล้อมด้วยดอกไม้เมืองเหนือนานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ ทำให้เธออดที่จะสูดกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นั้นไม่ได้ และเมื่อเดินผ่านซุ้มดอกแก้วที่ออกดอกขาวสะพรั่งเต็มต้น อีกทั้งไม้ดอกอื่นๆ เช่น ประยงค์ บุหงาส่าหรี ราตรี ที่ยิ่งดึกยิ่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ดอมดม หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกแก้วสีขาวสะอาดนั้นเบาๆ และโน้มกายลงสูดกลิ่นหอมนั้นอย่างอดไม่ได้
“ผู้หญิงกับดอกไม้เป็นของคู่กันอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ นะครับ...น้องอ้อน” เสียงทุ้มกังวานที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้หญิงสาวซึ่งกำลังเพลิดเพลินอยู่กับกลีบดอกไม้สีขาวสะอาดหันขวับไปมองแล้วต้องนิ่งงันเมื่อเห็นว่าตัวต้นเสียงนั้นอยู่ใกล้ชิดเธอเพียงแค่ช่วงแขนเดียว
