บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 จบตอน

“คุณอัคคี”

“พี่จำได้ว่าขอให้เรียกพี่ว่าพี่ไฟนะครับน้องอ้อน” เขากล่าวเสียงเรียบหากแววตาพราวระยับอย่างพึงพอใจเมื่อจับได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังตื่นตระหนก

“ดิฉันคงไม่กล้าตีตัวเสมอหรอกค่ะคุณอัคคี ฉันก็แค่คนธรรมดาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจขนาดที่คุณต้องลดตัวมาสนิทสนมด้วย” หญิงสาวพูดอย่างไว้ตัวอย่างเปิดเผย ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจและขุ่นเคืองนิดๆ ที่หญิงสาวตรงหน้ากล้าพูดตรงๆ อย่างตัดไมตรีเขา ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ากำลังฮอต เสน่ห์ร้อนแรงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ค่อนประเทศ

“ใครว่าล่ะครับน้องอ้อนน่ะน่าสนใจสำหรับพี่สิครับ ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ต้องทำหน้าที่สารถีขับรถไปส่งน้องอ้อนที่โรงแรมแน่นอน” ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจก็แน่ล่ะเขาอุตส่าห์ลงมาดักรอและสกัดดาวรุ่งคนขับรถของแม่เลี้ยงเกศราเพื่อจะหาโอกาสเข้าใกล้หญิงสาวตรงหน้านี่นา หญิงสาวทำหน้าเหวอเมื่อเจอมุกนี้เพราะไม่คิดว่าเพลย์บอยตัวอันตรายอย่างอัคคีจะกล้าลดตัวลงมาทำอะไรที่มันไม่ค่อยจะมีเหตุมีผลในสายตาและความคิดของเธอ

“แล้วคนขับรถที่พี่เกดบอกว่าจะไปส่งฉันล่ะคะ” หญิงสาวทำท่าระแวงแล้วมองซ้ายมองขวาหาคนขับรถที่เธอเดินตามมา แต่พอเผลอชื่นชมดอกไม้นิดเดียวเท่านั้นคนขับรถตัวดีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“พอดีคำหล้าปวดท้องกะทันหันก็เลยวิ่งไปเข้าห้องน้ำ พี่เห็นท่าว่าไม่ดีกลัวว่าเขาจะนานก็เลยอาสาไปส่งน้องอ้อนเอง หรือว่าน้องอ้อนไม่ไว้ใจพี่ครับ” ชายหนุ่มต้อนหญิงสาวอย่างไม่ยอมให้หลีกเลี่ยงและนึกสนุกที่เห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอ เหมือนลูกกวางที่พลัดตกหลุมนายพรานแล้วกระวนกระวายหาทางออกไม่เจอ สร้างความพอใจให้ชายหนุ่มยิ่งนัก

“อีกอย่างนี่ก็เริ่มดึกแล้ว พี่เกดกับพี่อินก็กำลังส่งแขกและเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เห็นว่าจะไปรับตาสิงโตที่ไปเข้าค่ายลูกเสือ และก็จะไปเที่ยวเชียงรายด้วยเลยต้องเตรียมพักผ่อนเอาแรงไว้เที่ยว”

ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับผายมือไปที่รถคันหรูบอกกลายๆ ว่า เชิญครับคุณผู้หญิง ด้วยสีหน้าพราวยิ้มอย่างคนที่เหนือกว่า จนคนที่ทำท่าว่าจะหันหลังกลับขึ้นเรือนนั้นจำต้องก้าวขึ้นรถที่ชายหนุ่มเปิดประตูรอ

“ขอบคุณค่ะ”

สั้นๆ แค่นั้นที่หญิงสาวเอ่ยกับเขาและนิ่งเงียบมาตลอดเส้นทางจากคุ้มอินจำปามาถึงบ้านพักในโรงแรม หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขาเพียงนั่งเงียบๆ มือประสานกันไว้บนตักและหันหน้ามองข้างทางอย่างกับว่ามีอะไรน่าสนใจนักหนา ทั้งๆ ที่มันมืดมิด

“หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับน้องอ้อน”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบเมื่อลงมาเปิดประตูให้หญิงสาวเมื่อเห็นท่าว่าเธอจะเปิดประตูลงมาเสียเองอย่างกับว่าเขาเป็นตัวอันตรายไม่น่าเข้าใกล้

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณอัคคี” เธอไหว้เขาตามมารยาทแล้วทำท่าว่าจะผละไปหากเสียงทุ้มนั้นไม่ทัดทานไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องทำท่าว่ากลัวพี่จะกินขนาดนั้นก็ได้ครับ พี่เป็นคนที่มีความยับยั้งชั่งใจพอสมควรแม้ว่าตอนนี้มันจะน้อยนิดก็เถอะ”

“ดิฉันคิดว่าคุณอัคคีคงจะเข้าใจอะไรผิดไปนะคะ ที่ดิฉันแสดงออกว่าไม่อยากอยู่ใกล้คุณไม่ใช่เพราะกลัวหรือเรียกร้องความสนใจอะไรทั้งนั้น แต่เพราะฉันทำไปทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของฉันเอง เพราะไม่อยากสู้รบปรบมือกับใครและไม่อยากเป็นของเล่นไฮโซอย่างคนอื่นๆ หวังว่าคุณคงเข้าใจและขอบคุณอีกครั้งที่มาส่ง ลาก่อนค่ะ คุณอัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล”

หญิงสาวอธิบายอย่างพยายามระงับอารมณ์ แล้วเดินจากไปด้วยท่วงท่าที่มั่นคงสง่างาม ทิ้งให้เสือร้ายอย่างอัคคีมองตามอย่างมาดหมายในตัวเธอ

“เธอคิดว่าเธอจะรอดจากมือฉันไปได้หรืออโนมา อะไรที่ฉันอยากได้มันก็ต้องได้ ไม่นานหรอกเธอจะต้องเป็นของฉัน”

ชายหนุ่มมองตามร่างบางที่เดินจากไปจนเธอเข้าไปในบ้านหลังน้อยจึงขับรถกลับไปที่คุ้มอินจำปาและในใจก็คิดหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อที่จะได้อโนมา มาดับไปที่ร้อนเร่าของตน แต่หากอัคคีจะมีโอกาสล่วงรู้อนาคตเขาจะรู้ว่า นอกจากอโนมาจะมาดับไฟเร่าร้อนในใจของเขาได้แล้ว ยังทำให้ไฟที่ว่าร้อนๆ เช่นเขากลายเป็นไฟที่ให้ความอบอุ่นและพร้อมจะแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน...

ภายในบ้านพักหลังน้อย อโนมาปิดม่านลูกไม้สีขาวแสนสวยลงแล้วถอนใจเบาๆ อย่างหนักใจกับการที่ได้เจอผู้ชายที่รังสีอันตรายแผ่กระจายอยู่รอบตัว ใครบ้างไม่รู้จัก อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล คนนี้ และเธอเองก็รู้จักเขาดีทีเดียว เขาอาจจะจำเธอไม่ได้แต่เธอกลับจำเขาได้ขึ้นใจแต่มันไม่ใช่ความประทับใจแต่มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอต้องจดจำเขาจนวันตายด้วยวาจาที่ร้ายๆ ของเขาในวันวาน และเพราะคำพูดของเขาในวันนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งจนวันนี้เช่นกัน

หญิงสาวหลับตาลงใบหน้าสวยหวานนั้นเศร้าหมองเมื่อนึกถึงวันวานที่แสนจะเจ็บปวดเธอมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่ออยู่คนเดียวชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยวกวนอยู่แต่ในอดีตที่หวนกลับไปแก้ไขไม่ได้ยิ่งช่วงแรกๆ ที่เธอเริ่มตั้งท้องเธอยิ่งเครียดและเงียบงันจนเดือดร้อนเพื่อนรักทั้งสองต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวว่าเธอจะทำอะไรโง่ๆ หรือเครียดจนทำให้สุขภาพย่ำแย่มากกว่าเดิมเมื่อนึกถึงเพื่อนแล้วเธอก็รีบโทรถึงเพื่อนสาวแสนดีทั้งสองทันทีโดยเริ่มที่แม่แมงปอตัวน้อย

“ไงแม่แมงปอทำอะไรอยู่จ๊ะ” เธอถามปลายสายได้ยินเสียงดนตรีแว่วๆ

“กำลังเล่นเพลงใหม่ๆ อยู่น่ะแก พรุ่งนี้มีสอนเด็กๆ แทนแม่น่ะ” เสียงใสๆ ของอรุณนารีส่งมาตามสาย

“แล้วลูกสาวเป็นไงบ้างซนรึเปล่าวันนี้”

น้ำเสียงเมื่อพูดถึงลูกสาวตัวน้อยที่เมื่อนึกถึงลูกทีไรจิตใจที่ห่อเหี่ยวพลันชุ่มฉ่ำเหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมใจ และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เธอมีแรงที่จะสู้กับทุกๆ อย่าง

“ไม่ซนแล้วเดี๋ยวนี้ลูกสาวเราเขาเป็นสาวแล้ว วันนี้เห็นกำลังหัดเล่นเพลงวิมานดินกับคุณตาคุณยาย ชีบอกว่าจะเอาไว้ไปเล่นให้พี่ซันฟัง แล้วหล่อนเชื่อไหมว่าโลกมันกลมจริงๆ” อรุณนารีบอกอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมถึงว่าอย่างนั้นล่ะแก”

“ก็พี่ซันที่ลูกสาวสุดสวยของเราพูดถึงน่ะเป็นน้องชายต่างแม่ของยัยเนตร ลูกยัยมิรันตีสุดแสบคู่ปรับเก่าเราไงแก ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่าโลกกลมจริงๆ” เสียงใสนั้นเล่าอย่างนึกสนุกเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ชื่อ มิรันตี...

“ใช่แก โลกกลมจริงๆ กลมมากๆ ด้วย”

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่เธอกับลูกสาวได้พบเจอกับบุคคลที่ไม่พึงประสงค์พร้อมๆ กัน

“ยังไงก็ช่วยดูๆ ให้หน่อยละกัน แค่นี้นะแก”

ว่าแล้วเธอก็วางสายแล้วยกมือเรียวลูบหน้าอย่างคนที่กำลังครุ่นคิด และแล้วภาพในอดีตที่อยากจะลืมก็ลอยเข้ามาอย่างไม่ได้รับเชิญ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel