บท
ตั้งค่า

ตอนที่หนึ่ง เหตุแห่งหายนะ 6

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า สายฝนเริ่มซาลงพร้อมกับที่จำนวนของศัตรูก็น้อยลงทุกที สร้างกำลังใจให้ทหารเวียงเชียงรุ้งฮึกเหิมต่อสู้ได้มากขึ้น ขณะที่ศัตรูล้มตายใกล้หมดสิ้นนั้น ทหารคนหนึ่งของเวียงเชียงรุ้งกลับอาศัยช่วงจังหวะเข้ามาที่รถม้าที่ประทับของพระโอรสแล้วฆ่านางกำนัลและแม่นมทิ้งทั้งหมด มันมีหน้าที่ต้องเอาหน่อเนื้อทั้งสองของเวียงเชียงรุ้งไปถวายองค์ตุมคำแห่งรามัญเพื่อเป็นองค์ประกันให้เวียงเชียงรุ้งต้องยอมศิโรราบแก่รามัญและจักรคำโดยไม่มีข้อแม้

องค์ตุมคำนั้นทรงชาญฉลาด พระองค์ทรงรู้ว่าหากแม้นล้มล้างราชวงศ์นี้สิ้นเสียประชาชนก็คงจะไม่ภักดีต่อพระองค์เป็นแน่ จึงดำริที่จะเอาองค์โอรสทั้งสองมาเป็นองค์ประกันบีบบังคับให้เวียงเชียงรุ้งต้องเป็นเมืองใต้บรรณาการจะดีเสียกว่า นั่นเป็นพระราชดำริที่ทำให้ทหารเวียงเชียงรุ้งอย่างมันนิยมกษัตริย์ต่างเมืองมากจนคิดทรยศบ้านเมืองตน อีกทั้งองค์ตุมคำยังพระราชทานทองคำแก่ครอบครัวยากจนของมันสิบกำปั่นใหญ่เพื่องานนี้ มันจึงยอมเป็นไส้ศึกให้แก่รามัญโดยดุษฎี

คนทรยศชาติคว้าพระโอรสมาได้เพียงหนึ่งเพราะว่าทหารอีกคนที่ร่วมมือนั้นตายไปแล้ว คงไม่เป็นไรเจ้าชายเพียงหนึ่งก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เวียงเชียงรุ้งต้องยอมศิโรราบแก่รามัญ กษัตริย์ที่แสนพระทัยงดงาม ไม่โปรดการสู้รบและไม่ฝักใฝ่อำนาจเหนือเมืองอื่นอย่างเจ้าหลวงแสนสุริยะนั้นคงยอมอยู่ใต้ฝ่าพระบาทแห่งองค์รามัญโดยง่าย ไม่มีเมืองไหนที่จักอยู่ยืนมั่นคงได้โดยที่ไม่เอาเปรียบเมืองอื่น หรือไม่สู้รบเหยียบเมืองอื่นให้ต่ำแล้วให้เมืองตนอยู่สูงกว่า หากยังคงภักดีอยู่กับพ่อเมืองที่รักสงบ เมืองคงล่มสลายในเร็ววัน เลือกแปรพักตร์เสียแต่ตอนนี้ ในภายหน้าจะได้สบาย มันคิดเช่นนั้น

แต่กว่าที่จะมีคนสังเกตเห็นความผิดปกติก็เมื่อมันอุ้มพระโอรสฝ่าวงล้อมของทหารที่มัวแต่สู้รบกันออกมาได้สำเร็จ

“พระโอรสทรงถูกลักพาตัว” เสียงนางกำนัลที่หลบอยู่กรีดร้องขึ้นมา ทุกคนได้ยินแจ่มแจ้งก็หันไปมองตามทหารของเวียงเชียงรุ้งที่อุ้มพระโอรสเข้าไปยังทุ่งดอกไม้แล้ว

“ไอ้คำเมืองรึนั่น” หนานหลวงอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคนที่ตนไว้ใจจะกลายเป็นคนทรยศ เขารีบวิ่งตามไปพร้อมทหารบางส่วนเพื่อช่วยเหลือพระโอรส

“คุ้มครองพระโอรสอีกพระองค์ในรถให้ได้ ฆ่าศัตรูให้หมด” เจ้าหลวงแสนสุริยะทรงสั่งการ และทรงฟาดฟันกับศัตรูที่เหลืออยู่ไม่กี่คนเพื่อคุ้มครองพระโอรสที่ทรงกันแสงแผดลั่นอยู่เพียงพระองค์เดียวในรถม้า ทั้งยังทรงห่วงพระโอรสอีกองค์ที่ถูกพาไป พระองค์ทรงหวังว่าหนานหลวงจะช่วยเหลือพระโอรสของพระองค์ได้

เมื่อกำจัดศัตรูได้เสียหมดสิ้นเจ้าหลวงแสนสุริยะจึงเสด็จเข้าไปในรถม้า ทรงอุ้มพระโอรสไว้แนบพระอุระ ทรงสั่งการให้ทหารสองสามคนจัดการกับศพพวกศัตรูแล้วก็รีบเสด็จไปทอดพระเนตรพระโอรสอีกพระองค์พร้อมกับเจ้านางสร้อยสุดาจันทร์

ที่ลานดิน เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทรงไม่ได้ถูกทำร้ายใดๆ หากแต่...เจ้าหลวงแสนสุริยะหาได้ทอดพระเนตรเห็นพระโอรสอีกพระองค์ไม่ มีเพียงผ้าห่อพระวรกายที่เจ้านางทรงกอดไว้ด้วยความตรอมตรมพระทัย หนานหลวงที่ก้มหัวแนบพื้นอยู่ไม่ห่างก็กำลังร้องไห้เสียใจ

“เกิดอะไรขึ้น” พระสุรเสียงตรัสก้องกังวาน

“เจ้าพี่” พระชายาทรงถลาเข้ามาหา รับเจ้าชายน้อยไปไว้ในอ้อมพระพาหาด้วยความอาดูร

“เกล้ากระหม่อมสมควรตายที่ไม่สามารถรักษาชีวิตพระโอรสได้” หนานหลวงร้องไห้ออกมา น้ำตาแห่งชายชาติทหารรินไหล เขาตามคำเมืองลูกน้องที่ทรยศมาจนถึงริมน้ำระมิงค์ เมื่อหมดหนทางหนีและรู้ว่าโทษแห่งการทรยศยังไงเสียก็ต้องตายมันก็คว้ามีดขึ้นมาปาดคอปลิดชีพตนเองเสียแล้วโดดน้ำลงไป แต่ทว่าคำเมืองไม่ได้ตายคนเดียวเท่านั้นในอ้อมแขนของคนใจบาปยังมีเจ้าชายน้อยที่ทรงจมดิ่งลงสู่แม่น้ำตามมันไปด้วย ท่ามกลางสายตาของคนที่วิ่งตามมาช่วย พวกเขากระโดดน้ำตามลงไปเพื่อหวังช่วยพระโอรสน้อย แต่หาเจ้าชายน้อยเท่าไรก็ไม่พบ งมขึ้นมาได้เพียงแต่ศพของคำเมืองพร้อมกับผ้าหุ้มพระวรกายสีฟ้าอ่อนของเจ้าชายสุริยวงษ์ ส่วนพระวรกายของเจ้าชายนั้นหายสาบสูญไปกับสายน้ำเสียแล้ว...

“เจ้าทำดีที่สุดแล้ว” พระองค์ตรัสได้เพียงเท่านั้น พระทัยของคนเป็นบิดาแตกสลายเมื่อพระโอรสองค์โตหายสาบสูญ

เหล่าทหารยังพยายามอย่างเต็มที่ ต่างช่วยกันลงไปงมหาพระโอรสไม่ยอมหยุดจนพระองค์ทรงต้องบอกให้พอ ด้วยโหรหลวงที่ติดตามมาถวายคำทำนายชะตาชีวิตของพระโอรสว่า

“ชีวิตของเจ้าชายสุริยวงษ์ไม่ใช่ของพระองค์อีกแล้วพระเจ้าค่ะ ดวงวิญญาณของเจ้าชายมิได้อยู่ที่เวียงเชียงรุ้งอีกแล้ว แม้แต่พระวรกายก็จักจมดิ่งหายสาบสูญ” โหรหลวงทำนายด้วยน้ำตา การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของเวียงเชียงรุ้งนัก

เจ้าหลวงแสนสุริยะทรงถอนพระปัสสาสะด้วยความเหนื่อยล้าในพระทัยเมื่อทรงเจอเรื่องร้ายอีกครั้งทำให้พระองค์ทรงนึกถึงความหลัง เหตุการณ์ในวันนั้นมิอาจลืมเลือนได้ หลังจากที่สูญเสียเจ้าชายสุริยวงษ์ไปแล้วพระองค์และพระชายาทรงสถาปนาเจ้าชายน้อยอินทรชิตเป็นเจ้าฟ้าชายแทนพระเชษฐา เจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ทรงเฝ้าแต่โทษว่าเหตุการณ์วันนั้นคงไม่เกิดขึ้นถ้าหากพระองค์ไม่ทรงดื้อรั้น ยิ่งพระสวามีสั่งให้ทหารเผาเสาอินทขีล และห้ามประชาชนสักการะผาผีคุ้ม เจ้านางยิ่งเสียพระทัยจนประชวรอย่างหนัก หนึ่งปีต่อมาเจ้านางสร้อยสุดาจันทร์ก็ทรงสิ้นพระชนม์ เพราะทรงตรอมพระทัย

ต่อมาเจ้าหลวงแสนสุริยะทรงทำสงครามกับจักรคำและรามัญด้วยความกล้าหาญ แม้ว่าพระองค์จะทรงรักสงบและไม่อยากระรานใคร หากแต่บ้านเมืองถูกรุกล้ำจนเป็นสาเหตุให้พระโอรสและพระชายาต้องจากไป พระองค์ก็ทรงสู้โดยไม่ขลาดกลัว และสามารถเอาชนะเมืองทั้งสองได้โดยที่รามัญนั้นไม่มายุ่งเกี่ยวกับจักรคำและเวียงเชียงรุ้งอีกเลย แต่หันไปสู้รบกับเมืองอื่นทางเหนือแทน เจ้าหลวงมังนียอแห่งจักรคำนั้นถูกประหารชีวิต เจ้าหลวงแสนสุริยะทรงโปรดให้สถาปนาเจ้าชายหล้าอินทร์ พระโอรสของเจ้าหลวงมังนียอเป็นกษัตริย์แทน

เจ้าชายน้อยหล้าอินทร์เพิ่งมีพระชนมายุเพียงสามชันษา ทรงว่าราชการไม่ได้ พระองค์จึงทรงให้คนของเวียงเชียงรุ้งที่ไว้ใจได้สำเร็จราชการแทนนับแต่นั้นบ้านเมืองก็สงบสุขเรื่อยมา แต่ก็มีหลายเสียงกราบทูลเตือนพระองค์เรื่องเสาอินทขีลและผาผีคุ้มที่พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้เลิกสักการะว่าเป็นการผิดผี แต่พระองค์ก็ไม่ได้ใส่พระทัยเพราะบ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นปกติสุขดี

จนเมื่อสี่ปีที่แล้วเวียงเชียงรุ้งที่แสนอุดมสมบูรณ์ก็เกิดแล้งขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายน้ำระมิงค์ที่เคยหล่อเลี้ยงไพร่ฟ้าก็แทบจะแห้งขอด ทั้งนาข้าว ทั้งพืชผักปลูกไม่ได้เพราะไร้น้ำมาใช้ในการเกษตร เมื่อฝนเกิดไม่ตกต้องตามฤดูกาลสี่ปีติดกันประชาชนก็เริ่มอดอยาก องค์เจ้าหลวงทรงต้องเอาเงินจากท้องพระคลังไปซื้อข้าวจากต่างเมืองมาแจกจ่ายประชาชนผู้ยากไร้ หลายคนบอกว่าเป็นสิ่งที่ผาผีคุ้มเตือนลูกหลานให้ไปเซ่นไหว้เสียก่อนที่เมืองจะเกิดเภทภัยไปมากกว่านี้ แต่พระองค์ก็ทรงไม่สามารถกลับคืนวาจาที่ได้สั่งห้ามประชาชนได้แม้ว่าจะร้อนพระทัยที่เห็นไพร่ฟ้าเดือดร้อนก็ตาม

พระองค์ทรงให้โหรหลวงทำนายชะตาเมืองถวาย โหรหลวงแนะนำให้เปลี่ยนชะตาเมืองโดยการเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครองเสีย พระองค์เองก็ทรงเห็นด้วยเพราะเจ้าฟ้าชายอินทรชิตขณะนี้มีพระชนมายุยี่สิบห้าชันษาแล้ว ทรงอยู่ในวัยเหมาะสมที่จะขึ้นครองราชย์ได้แล้ว หากเปลี่ยนรัชสมัยแล้วบ้านเมืองจักร่มเย็นขึ้นพระองค์ก็ทรงยินดี

ทันทีที่ประกาศว่าจะสถาปนาเจ้าฟ้าชายอินทรชิตขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ฟ้าฝนที่ไม่ตกต้องก็รินรดลงมาให้พื้นดินได้ชุ่มฉ่ำ สามารถทำมาหากินได้เป็นปกติสุขแทบจะในทันที เหล่าประชาชนต่างก็เตรียมการเฝ้ารอเฉลิมฉลองวันสถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่ด้วยความยินดี

หากแต่คนที่กำลังจักเข้าพิธีสถาปนานั้นยังคงประทับนอนนิ่งหายใจรวยรินอยู่เช่นนี้ พิธีสถาปนาจะเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน เจ้าหลวงแสนสุริยะทรงลูบพระพักตร์ด้วยความเหนื่อยล้าไม่รู้ว่าปัญหานี้จักมีทางออกเช่นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel