บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตอนที่ 4

"คุณภักษ์ใจร้ายจัง...ตอนเย็นก็อยู่ด้วยกันแท้ๆ ก็ไม่ยอมชวนปายมานั่งดื่มด้วยนะคะ" สายตาคมเข้มปะทะเข้ากับร่างระหงเฉิดฉายในชุดสีแดงเพลิงเว้าหน้าจนเห็นเนินอกขาวอวบโผล่ล้นออกมา หล่อนสวมชุดสั้นเพียงคืบเปลือยเรียวขานวลเนียนที่กำลังเยื้องย่างใกล้เข้ามาดุจนางพญา

เครื่องหน้าแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางจัดจ้านแต่สวยสะท้าน...ริมฝีปากหยักได้รูปวาดระบายด้วยลิปสติกสีแดงเข้มเกือบดำ ดวงตาใส่คอนเทคเลนส์สีเขียวอมเทา ติดขนตาปลอม แต่งแต้มด้วยอายแชโดว์ไล่ระดับสี

สวย...หากนี่คือเมียน้อยคนล่าสุดที่ทำเอาภักษ์ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าแก้ปัญหาไม่จบเขาก็ไม่แปลกใจเลย เพราะหล่อนดูมีระดับมากกว่าที่ใครจะมาเฉดหัวทิ้งได้ง่ายๆ

"ผมคิดว่าเราคุยกันจบแล้วนะปาย..."

"ทำไมตัดรอนปายแบบนั้นล่ะคะที่รัก...พอดีปายมาทำงานที่ตึกนี้เหมือนกัน เพิ่งจะเสร็จเลยแวะมาหาอะไรดื่มบังเอิญจังที่ได้พบคุณ" เจ้าหล่อนจิกตามองภักษ์และเจรจาอย่างมีจริต

"ผมกับเพื่อนกำลังจะกลับ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียอย่างขัดไม่ได้

"ว้า...แย่จัง งั้นก็ตามใจเถอะค่ะ ว่าแต่..." หล่อนเบียดตัวเข้าหาภักษ์ที่นั่งกำแก้วเหล้าในมือเสียแน่น แล้วโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างริมกกหูของชายหนุ่ม

"อย่าลืมข้อตกลงของเรานะคะ...ไม่อย่างนั้น เราได้เห็นดีกันแน่" มือของหล่อนค่อยๆ จับลูบไปตามท่อนแขนแข็งแรงแล้วกำมือใหญ่ที่กุมแก้วเหล้าก่อนจะฉกแก้วใบนั้นมาไว้ในมือ

ยกขึ้นสูง...พร้อมๆ กับเงยตัวผละออกมาจากการเบียดชิด...

"แล้วฉันจะรอนะคะ หึ หึ" ฉ่า...

"เฮ้ย!!!" ภักษ์สะดุ้งโหยงแล้วลุกดีดตัวออกจากโต๊ะตัวนั้นทันทีเมื่อหล่อนเทเหล้าในแก้วใส่บนตักของเขาจนเปียกชุ่มไปหมด เขาสะบัดมือปัดไปตามกางเกงด้วยความหัวเสีย

ปัง! แก้วในมือที่เหลือเพียงร่องรอยหยดน้ำจากความเปียกชื้นถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะ หล่อนเหยียดสายตามองขายหนุ่มที่ยืนจ้องหล่อนเช่นกันด้วยแววตาดุดัน แล้วก็หมุนตัวเดินฉับจากไปไม่หันหลังกลับมามองอีก ปล่อยให้ผู้ถูกกระทำกำปั้นชกอากาศด้วยความเจ็บแค้นใจ

"นังตัวแสบ!"

"เฮ้ย! เป็นยังไงบ้างวะมึง...ใจเย็นๆ เช็คบิลก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปหาที่อื่นคุยกัน" ราวินได้สติ...หลังจากมองสำรวจรูปร่างหน้าตาและการกระทำของหญิงสาวปริศนาจนตาค้าง คาดไม่ถึง...แล้วจึงหันมาคุยกับเพื่อนก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานเพื่อคิดเงินและค่าเสียหาย

เขารู้สึกหงุดหงิดและโกรธแทนเพื่อนแต่ก็เลือกที่จะอยู่เฉยเพราะถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว อีกอย่างภักษ์ก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกันในปมบาปครั้งนี้

"คนนี้เหรอวะ...เมียน้อยมึง ดูไม่เหมือนพวกผู้หญิงหิวเงินเลยนะ"

"น้อยไปสิ...แม่นี่คิดจะจับกูเลยล่ะ พอกูจะเลิกก็เคยแค้นใจ รังควานไม่หยุด ลามปามจนครอบครัวฉันจะแตกหักก็เพราะแบบนี้ เห็นหรือยัง...ว่าร้ายแค่ไหน" น้ำเสียงของภักษ์ทุ้มห้าวขุ่นใจยิ่งนัก เขาหายใจหอบแรงทั้งโกรธทั้งอายสายตาคนในร้านที่มองแทบถลนหลุดออกมาด้วยความสอดรู้

"ไปเถอะ...ขืนอยู่เดี๋ยวก็ได้กลับมาสร้างเรื่องอีก" ชายหนุ่มหยิบเงินในกระเป๋าแล้ววางบนถาดใส่บิลโดยไม่รอเอาเงินทอนแล้วรีบลากเพื่อนออกไปจากร้านนั้นทันที เพื่อเข้าห้องน้ำทำความสะอาดรอยเหล้าที่เปื้อนเป้ากางเกงเป็นลำดับแรก

"กูก็เห็นใจมึงนะภักษ์ แต่ใจหนึ่งก็สมน้ำหน้าจริงๆ...เป็นไงล่ะ ชอบผู้หญิงสวย ไม่รู้จักพอ พบของจริงเข้าให้แล้วไหมล่ะมึง" เมื่อภักษ์เสร็จธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงเดินไปยังลานจอดรถทางด้านหลัง พลางบทสนทนาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

"กูจะไปรู้เหรอวะ...ว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก นี่ถ้าไม่กลัวติดคุกนะ กูแทบจะจ้างมือปืนไปเก็บให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยมึงรู้ป่ะ"

"ขนาดนั้นเชียว...”

"ที่มึงเห็นนี่มันยังน้อยไปนะ...ฉันจะบอกให้ แม่นี่ตั้งใจทำลายชีวิตกู ทำลายครอบครัวกูให้ย่อยยับป่นปี้ เขาหาว่ากูไปหลอกเขา...ทั้งๆ ที่ตอนคบกันก็บอกไปแล้วว่ามีลูกมีเมีย ให้เขาอยู่ในที่ของเขา" น้ำเสียงมือไม้ท่าทางของภักษ์บ่งบอกถึงความโมโหสุดๆ เขาเต็มที่กับการได้ระบายปลดปล่อยความอัดอั้นนี้เมื่อมันถึงจุดที่ไม่อาจทนไหวแล้ว

"แต่กูก็ไม่เชื่อหรอกว่ามึงพูดความจริงกับเขาทุกอย่าง...ไม่งั้นเขาจะโกรธเป็นฝืนเป็นไฟตามล้างตามผลาญมึงขนาดนี้เหรอวะ"

"มันก็มีบ้าง...กูเป็นผู้ชายนะเว้ย แต่ก็ไม่ถึงกับรับปากรับคำจะอยู่กินไปจนแก่เฒ่าลงหลักปักฐานอะไรขนาดนั้น เฮ้อ...แม่นั่นเข้าใจผิดแล้วก็คิดไปเอง มั่นหน้าไปเองพอผิดหวังก็คิดว่าเป็นเพราะกูไปให้ความหวังเขา "แบบนี้นี่เอง...กูว่ามึงควรเคลียร์กับเมียมึงก่อนเลยอันดับแรก แล้วก็เลิกพฤติกรรมเจ้าชู้ประตูดินซะที ส่วนยัยปายอะไรนั่นนานๆ ไปก็คงรามือ หรือไม่อีกไม่นานก็อาจจะเจอคนใหม่แล้วลืมมึงไปเองนั่นแหละ ผู้หญิงแบบนี้คงอยู่ตามใครไม่ได้นาน"

"กูก็หวังให้เป็นแบบนั้น...ตอนนี้กูเข้าหน้าที่บ้านเจินไม่ติดเลย ทุกคนมองกูเหมือนตัวประหลาด"

"ก็สมควร..."

ภักษ์เหลือบมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาค่อนคอดที่อีกฝ่ายไม่ยักจะให้กำลังใจเขาเลย แล้วถอนหายใจหนักหน่วง

"สรุปเอายังไงต่อมึงกับกู...จะกลับเลยไหมหรือจะไปต่อกันดี" เหตุที่ถามเพราะตัวเองสิ้นอารมณ์สุนทรีไปแล้วจากการถูกรังควานเมื่อครู่ และสังเกตอาการของราวินก็ดูเบื่อหน่ายไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

"กลับก่อนก็ได้...กูมีธุระต้องไปทำต่อด้วย" ราวินกล่าวในขณะที่กดรีโมทปลดล็อครถ

"ธุระป่านนี้เนี่ยนะ...กับอีหนูคนไหนวะ"

"จะว่าไปก็ไม่เชิง" ที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่เพราะเขามีธุระเรื่องผู้หญิงจริงๆ แต่ไม่ใช่ประเภทอย่างที่ภักษ์กำลังคิดอยู่เท่านั้น

"เอาอย่างนั้นก็ได้...ช่วงนี้กูคงเก็บตัวว่ะ ปวดหัวชะมัด"

"มีอะไรให้กูช่วยก็บอกมาละกัน อย่าเพิ่งฆ่าตัวตายซะล่ะ" ราวินตบบ่าเพื่อนแล้วยักคิ้วให้หน่อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเองและขับวนออกไป

"มีอะไรว่ามา..." ชายหนุ่มหยิบบลูธูทเสียบใส่หูแล้วกดเบอร์โทร. ออกไปยังปลายสายที่ต้องการจะสื่อสาร อีกฝ่ายรายงานตามตามคำบัญชา

"ฉันจะไปเดี๋ยวนี้...แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่ผิดตัว" เขาย้ำ...และปลดบลูธูทออกเมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน เมื่อครู่ก่อนจะแยกจากภักษ์ลูกน้องของเขาส่งข้อความไลน์มาบอกเรื่องที่เขาสั่งให้ไปสืบ ทุกอย่างเร็วทันใจ...อย่างที่มารดาเขาได้ดักคอเอาไว้ ลองเขาอยากจะทำอะไรจริงจังแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถ

รถเเล่นเฉี่ยวไปตามท้องถนนไปตามเส้นทางสายนอกเมือง เร่งความเร็วขึ้นเมื่อคนขับร้อนใจใคร่อยากจะรู้เห็นสิ่งที่เขาส่งคนไปค้นสืบเสาะหา ให้ทุกอย่างมันจบลงเร็วๆ ก็ดี...จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อให้เสียเวล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel