ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
“ดีจ้ะ ว่าแต่พี่ก็นั่งกินลมชมวิวมานานละ ตัวชักเหนียวๆ พี่ว่าพี่เข้าไปอาบน้ำดีกว่า แล้วเราจะได้ออกไปหากินอาหารค่ำกัน ดีไหมกิ่ง”
“งั้นพี่วาวาอาบก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวกิ่งขอไปเล่นที่ชายหาดสักครู่” เพราะเธออยากเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามลำพัง และก็อยากจะตัดสินใจด้วยว่าจะทำงานในวงการบันเทิงไปอีกนานแค่ไหน สาเหตุก็เพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองจะอิ่มกับงานด้านนี้แล้ว ที่ตอนแรกเธอก็ไม่ได้อยากจะมาเป็นนักแสดงนักหรอก แต่เพราะต้องการหาเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวโดยไม่ต้องไปรบกวนบิดา ที่กำลังมีความสุขกับภรรยาใหม่ รวมถึงลูกคนใหม่ จนเธอรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน และเพราะสาเหตุนี้ทำให้เธอตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้เกือบห้าปีแล้ว บางคนอาจจะคิดว่าระยะเวลามันน้อยเกินไป แต่สำหรับเธอ เธอคิดว่ามันนานแล้ว เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงชีวิตส่วนตัวก็หายไปจนหมด ทำให้เธอคิดอยากจะหันหลังให้วงการบันเทิงแล้วมีครอบครัวเล็กๆ ที่น่ารัก แต่ความฝันคงไกลเกินเอื้อม เพราะทุกวันนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีเนื้อคู่เหมือนคนอื่นๆ หรือไม่
“น้องกิ่ง! น้องกิ่ง!” วาวาขานเรียกพร้อมทั้งเขย่าแขนของดาราไปด้วย เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะใจลอยไปถึงไหนๆ
“มีอะไรคะพี่วาวา” เมธินีทำหน้าเหลอหลา
“พี่น่ะไม่มีอะไรหรอก แต่น้องกิ่งสิ เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วนี่ได้ฟังที่พูดหรือเปล่าจ๊ะ” วาวาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พลางนึกสงสัยอยู่ว่าดาราสาวมีอะไรในใจหรือไม่ ถึงได้ดูเหม่อๆ
“เอ่อ...แล้วพี่วาวาพูดว่าอะไรเหรอคะ”
“พี่บอกว่าตอนนี้มันเย็นมากแล้ว น้องกิ่งอย่าออกไปเดินเลยนะ พี่เป็นห่วง” ผู้จัดการสาวเตือนด้วยความเป็นห่วง เพราะสมัยนี้อันตรายมีอยู่รอบตัว
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะพี่วาวา แต่มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่วาวาไปอาบน้ำให้สบายตัวเถอะค่ะ กิ่งไปเดินเล่นเดี๋ยวเดียวเอง แล้วจะรีบกลับมาอาบน้ำ แล้วไปกินอาหารค่ำกันด้วยนะคะ” พูดจบเมธินีก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบหมวกสวม ตามด้วยแว่นดำ ก่อนจะหันมารุนหลังให้ผู้จัดการสาวที่นับถือเป็นแม่อีกคนหนึ่ง เพราะพี่วาวาคอยดูแลเธอมาอย่างดี อะไรผิดก็ว่าผิด ไม่เคยที่สปอยทำให้เธอต้องเสียคน แล้วยิ่งเธอก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงโด่งดัง พี่วาวาก็ยิ่งคอยเตือนไม่ให้เธอหลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทอง ซึ่งทุกวันนี้เธอก็จดจำและ ไม่เคยถือตัวว่าเป็นดาราดัง ไปกองถ่ายเธอก็ยกมือไหว้ทุกคน ไม่เคยแบ่งแยก ชนชั้น
“รีบไปรีบมานะน้องกิ่ง”
“รับทราบ” เมธินีทำท่าตะเบ๊ะเหมือนทหารแล้วรอจนผู้จัดการสาวหายเข้าไปในห้องพัก เธอจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มาเสียบไว้ที่กระเป๋ากางเกง ที่ตอนแรกก็ไม่ได้อยากพกไปแต่เพื่อความสบายใจของพี่วาวาเลยคิดว่าพกไปด้วย แต่ขณะที่เธอเพิ่งจะได้เดินเล่นได้ไม่ถึงห้านาทีโทรศัพท์ก็แผดร้องขึ้นมา ครั้นเมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้ามาเป็นบิดา ปากอิ่มสวยก็ขยับยิ้มเพียงเล็กน้อย เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือนที่บิดาโทรมาหา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” เมธินีทักทายเสียงเรียบๆ
“ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน” คนเป็นพ่อถามเสียงเครียด
“กิ่งมาพักผ่อนที่กระบี่กับพี่วาวาค่ะ คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ แต่กิ่งบอกก่อนนะคะว่ากิ่งยังไม่ได้กลับเร็วๆ นี้” เพราะเธอและพี่วาวาตั้งใจมาพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็เพิ่งจะผ่านไปแค่สองวันเท่านั้น หากท่านจะให้เธอกลับบ้านไป เพื่อจะไปงานที่เกี่ยวข้องกับภรรยาใหม่ เธอไม่ไปเด็ดขาด
“น้องสาวของลูกหายออกจากบ้าน พ่อกับแม่กังวลใจกันมาก เพราะนรีหายไปสองวันแล้ว พ่ออยากให้กิ่งช่วยตามหาน้อง ได้ไหมกิ่ง” คนเป็นพ่อเอ่ยขอร้อง ข้างกันนั้นก็มีผกาสินีคอยรอฟังอยู่ไม่ห่าง
