บทที่5. หงุดหงิด
ชายหนุ่มผมยาวลดกล้องลงเมื่อเขามองเห็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยืนมองดูรถหรูสัญชาติเอเชีย เขาเพ่งสายตาครู่หนึ่งเพื่อทบทวนความทรงจำก่อนจะยิ้มออกมาแล้วเดินตรงไปทักทาย
“สวัสดีครับคุณฟรานเชสโก้”
ฟรานเชสโก้ ซิวีลิอาโน่ย้ายสายตาจากรถสปอร์ตตรงหน้ามาที่ต้นเสียงด้านหลัง ชายหนุ่มยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่คิดว่าจะเจอลอยที่นี่”
“ผมต่างหากที่น่าจะพูดประโยคนี้” ลอยยิ้มกว้าง “มาเมืองไทยนานแล้วหรือครับ”
“เพิ่งมาได้สี่ห้าวันนี่เอง” ฟรานเชสโก้พยักหน้ารับแล้วมองหนุ่มรุ่นน้องที่สะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ “นี่มาทำงานเหรอ”
“ครับ...มาเก็บภาพทำโบว์ชัวร์ให้รุ่นพี่นะครับ” ฟรานเชโก้หลิวตามองไปยังบรรดาพริตตี้สาวๆ ที่โปรยยิ้มให้
“งานแบบนี้ไม่น่ามีคนพลาด”
“พอดีแฟนรุ่นพี่เขาคลอดลูกครับ ผมก็เลยได้มาแทน” ลอยหัวเราะเขินๆ “แล้วคุณฟรานเชสโก้มานี่เพราะเรื่องงานหรือส่วนตัวละครับ”
“ทั้งสองอย่างแต่คราวนี้คงอยู่นานหลายเดือน” ฟรานเชสโก้โคลงศีรษะไปมา “ว่างๆ แวะมาที่ออฟฟิศหน่อยซิ มีงานอยากให้คนมีฝีมืออย่างนายทำ”
“ฝีมือผมไม่เท่าไหร่หรอกครับ” ลอยพูดอย่างถ่อมตัว “ผมก็มัวแต่ทำโน้นทำนี่จนเรียนตามรุ่นน้องไม่ทันแล้ว”
“อ้าวเหรอ นึกจบแล้วนะเนี้ย”
“รุ่นน้องจะเรียกผมปู่รหัสอยู่แล้ว”
“เฮ้ย อย่ายืนคุยเฉยๆ แบบนี้เลย มาช่วยเลือกรถให้ฉันสักคันดีกว่า” ฟรานเชสโก้พยักหน้าเป็นเชิงเรียกลอยให้เดินตาม “ฉันต้องอยู่เมืองไทยนานเลยคิดจะหารถไว้ใช้สักคัน”
ลอยทำหน้าเหลอหลา เออหนอ คนรวยนี่คิดจะซื้ออะไรก็ซื้อ แม้แต่ซื้อรถคันหลายล้านแต่ก็ทำเหมือนซื้อเสื้อตลาดนัด แต่ คนอย่างฟรานเชสโก้ ซิวีลิอาโน่จะเคยเดินตลาดนัดด้วยเหรอ ลอยเดินตามร่างสูงใหญที่สวมชุดสูทสีเข้มสีหลักที่เขาใส่ประจำ คงไม่มีใครเชื่อว่าเขารู้จักผู้ชายคนนั้นแน่ๆ แต่ที่เขารู้จักถึงขั้นค่อนข้างสนิทสนมก็เพราะเมื่อสามปีก่อนฟรานเชสโก้บังเอิญซื้อรูปวาดของเขาที่แกลอรี่ของรุ่นพี่คนหนึ่งแล้วชอบใจงานสไตล์ของเขา และนั้นเป็นเหตุให้เขาและฟรานเชสโก้ได้พบกัน ทีแรกเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนหยิ่งทระนงแต่ในความจริงเขามีความอ่อนไหวและอ่อนโยนโดยดูได้จากงานศิลปะที่เขาเสพ ต่อมาฟรานเชสโก้สนับสนุนทั้งด้านการงานและการเงินจนทำให้ใช้ชีวิตในฐานะศิลปินไม่ลำบากนัก
สีสันของงานมอเตอร์โชว์ที่สำคัญคือบรรดาเหล่าพริตตี้หน้าตาดีทั้งหลาย เจ้าของค่ายรถแต่ละยี่ห้อต่างคัดสรรพริตตี้ดีๆ ที่เป็นตัวแทนรถแต่ละรุ่น ไม่ใช่แค่ความสวยเท่านั้นยังสามารถอธิบายคุณสมบัติของรถแต่ละรุ่นให้ลูกค้าใจมั่นใจที่จะควักเงินซื้อรถอีกด้วย นอกจากรถยนต์และมอเตอร์ไซค์แล้วยังรวมถึงอุปกรณ์ตบแต่งรถทุกชนิด ทั้งยางรถยนต์และเครื่องเสียง
นริศรู้สึกเข่าอ่อนแทบหมดแรงยืนเวลาที่เดินผ่านบูธมอ-เตอร์ไซค์ ค่ายรถต่างๆ ช่างคัดเลือกพริตตี้สวยสุดเซ็กซี่เร้าอารมณ์ชะมัด เสื้อผ้าก็น้อยชิ้นจนแทบอยากจะยื่นมือไปช่วยปิด เขานึกเสียดายที่ไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปมาด้วยเห็นแต่คนอื่นถ่ายรูปพริตตี้เสียจนงงว่ามาดูรถหรือดูสาวๆ
“เป็นไรทำไมเหงื่อแตกแบบนี้ละ” เจฟฟ์เอ่ยถามเพื่อนที่เหงื่อแตกพลั่กๆ
“รู้สึกเหมือนความดันขึ้นเลือดกำเดาจะไหลวะ” นริศสารภาพ “ฉันไม่เคยมางานมอเตอร์โชว์เลยวะ ดูแต่ในเนท”
“ตั้งสติหน่อยไอ้ต๊ะ เดี๋ยวไป๋รู้เข้าจะโกรธเอายิ่งขี้งอนอยู่ด้วย” เจฟฟ์เตือนเพื่อนแล้วหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“รู้แล้วๆ อย่าไปบอกไป๋ละกัน” นริศพยักหน้ารับแล้วเร่งเดินไปบูทที่ไปรยาอยู่ทันทีแม้ในใจจะเสียดายอยู่ลึกๆ “หวังว่าไป๋คงไม่แต่งตัวโป๊ขนาดนี้นะ”
“ไม่หรอกพวกรถหรูเขาแต่งตัวมิดชิดกว่านั้น” เจฟฟ์หัวเราะ “เป็นห่วงขนาดแอบตามมาดูแบบนี้ทำไมไม่ขอเป็นแฟนไปให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราววะ”
“ถึงเวลาแล้วจะพูดเองแหละ” นริศแสร้งทำหน้ารำคาญกลบเกลือนความรู้สึกในใจ เขาขลาดเกินไปที่จะยอมรับเรื่องนี้
ทั้งสองใช้เวลาราวๆ สิบกว่านาทีก็มาถึงบูทที่หมายซึ่งเป็นรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นชื่อดัง นริศกวาดสายตามองแค่ไม่กี่นาทีเขาก็พบเจ้าของร่างเพรียวหุ่นนางแบบกำลังโปรยยิ้มหวานพร้อมกับพูดบรรยายถึงโปรโมชั่น นริศรู้สึกเหมือนลืมหายใจไปชั่วขณะที่เห็นไปรยาในชุดเดรสสีดำเป็นมันวาวชายกระโปรงเป็นระยายสองชั้นด้วยผ้าชีฟองเพิ่มความหวานและมีเสน่ห์วันนี้ไปรยาไม่ได้ใส่วิกผมสั้นแต่ปล่อยผมยาวเหยียดตรงถึงกลางหลังแต่แต่งสีไฮไลน์ดูโดดเด่นยามแสงชัตเตอร์มากระทบ เธอเหมือนมีเวทมนต์ที่แปลงร่างได้ ใครจะเชื่อว่าสาวสวยและเซ็กซี่คนนั้นจะเป็นคนเดียวกับเด็กเรียนสวมแว่นตาหนาเตอะในตอนกลางวัน
“อ้าว...พี่ลอย”
เสียงเจฟฟ์ทักทำให้นริศสะดุ้งและหันไปมอง ลอยยืนอยู่ข้างหลังชายคนหนึ่งที่ดูหรูหราไฮโซและดูท่าทางเขาไม่สนใจพวกของนริศกับเจฟฟ์แม้แต่น้อย
“เจฟฟ์ก็มาด้วยเหรอ” ลอยทักตอบแล้วหันไปพูดกับฟรานเชสโก้เป็นเชิงขออนุญาตก่อนก้าวยาวๆ มาทางนริศและเจฟฟ์
“ผมพาเจ้าต๊ะมาหาไป๋ครับ” เจฟฟ์พยักเพยิดไปทางนริศที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ”แล้วพี่ลอยมาดูรถหรือมาทำงานครับเนี้ย
“ทำงานซิ คนอย่างพี่ไม่มีปัญญาซื้อรถหรอก” ลอยหัวเราะในลำคอแล้วมองดูหน้าตาหงุดหงิดของนริศ “ไม่รู้ว่าไป๋ก็มาทำงานที่นี่”
“นั้นไงครับ” เจฟฟ์ชี้ให้รุ่นพี่ดู
ลอยมองตามนิ้วมือของเจฟฟ์แล้วก็เจอความงามที่สะกดใจ เขายกกล้องขึ้นแล้วกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาตญาณ ไปรยาหันมาเห็นนริศ,เจฟฟ์และลอยพอดีหญิงสาวเห็นลอยกำลังเล็งกล้องถ่ายรูปมาทางเธอ เธอจึงยิ้มและโพสท่าให้อย่างสนุกสนานเพราะรู้สึกว่ามีเพื่อนสนิทมองอยู่จึงไม่ขัดเขิน โดยไม่รู้ว่ากิริยาของเธอดึงดูดสายตาของใครคนหนึ่งให้จ้องมองได้เนิ่นนาน
ฟรานเชสโก้มองเจ้าของเรือนร่างชวนหลงใหลในชุดเด-รสสีดำด้วยความพอใจ ความปรารถนาบางอย่างปลุกเร้าทำให้เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วพิจารณาหญิงสาว แม้ว่าคราวนี้เธอจะมีผมยาวไม่ได้เป็นทรงบอบสั้นเหมือนที่เคยเห็น แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งและดื้อรั้นยังคงอยู่และทำให้เขามั่นใจว่าใช่คนๆ เดียวกัน
“เหมือนจะเคยเห็นรถรุ่นนี้ที่ยุโรป” ฟรานเชสโก้เอ่ยขึ้นเจตนาให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบในชุดเดรสสีดำได้ยิน
ไปรยานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ผู้ชายลักษณะนี้สไตล์นี้ไม่ได้เจอกันได้บ่อยๆ เขาไม่ใช่แบบที่จะเดินชนไหล่กันได้ตามตลาดนัดหรือจตุจักร แม้ว่าครั้งที่แล้วจะเจอกันยามค่ำคืนแต่เธอก็มั่นใจว่าเป็นคนๆ เดียวกัน โดยเฉพาะในแสงกลางวันเช่นนี้เขาก็ยังคงดูเท่ห์และสมาร์ท ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้สึกถึงความสูงของเขาที่ข่มให้เธอกลายเป็นตุ๊กตาผ้าตัวเล็กๆ แม้เธอจะสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้วก็ตาม
“ใช่ค่ะ รถรุ่นนี้เราเคยเปิดตัวที่ยุโรปเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมและเสียงเรียกร้องสาวกรถสปอร์ตในเมืองไทยให้นำเข้า เราจึงจัดให้ตามคำเรียกร้องค่ะ”
ฟรานเชสโก้พยักหน้ารับอย่างพอใจ “รายละเอียดละครับ”
“รถรุ่นนี้พกพาหัวใจรหัส K20A ปริมาตรความจุ 1,998 cc. ขุมพลัง 201 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิด 193 นิวตันเมตร ที่ 5,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แบบธรรมดา 6 สปีด สุดอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6.6 วินาที น้ำหนักรถ 1320 กิโลกรัม ภายนอกมากับรูปทรง สปอร์ต แฮชต์แบ็ค 3 ประตู ออกแบบอย่างกลมกลืนตัวถังคงคอนเซ็ปต์รูปทรง 3 เหลี่ยม ส่วนสปอยเลอร์หลังกลมกลืนไปกับท้ายรถเป็นอย่างดี บ่งบอกความเป็น Type R ด้วยโลโก้สีแดงไฟหน้าแบบ HID สเกิร์ตหน้า – หลัง กระจกบานหน้าเป็นแบบตัดรังสี UV ส่วนที่เหลือจะเป็นกระจกแบบ Glass Green พร้อมตัดรังสี UV อุปกรณ์ครบครันมากมายเช่น ที่ฉีดน้ำทำความสะอาดกระจกหน้าทำงานสัมพันธ์กับที่ปัดน้ำฝน ที่ปัดน้ำฝนกระจกบานหลัง ล้ออัลลอย 18” พร้อมยางขนาด 225/40 R18 ดิสก์เบรก Brembo ขนาดใหญ่พิเศษ หน้า 300 มม. พร้อมช่องระบายความร้อน / หลัง 260 มม. ระบบควมคุมการทำงานของล้อแบบ LSD
ภายในสอดคล้องกับภายนอกด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย เบาะนั่งเป็นแบบ Bucket Seat หุ้ม Alcantara สีแดงสลับดำ ให้การโอบกระชับอย่างดี พร้อมที่นั่งสำหรับติดตั้งเก้าอี้นิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตพร้อมหุ้มหนังแท้เฉพาะ Type R แตกต่างด้วยด้ายเย็บ และโลโก้ตรงกลางที่เป็นสีแดง หัวเกียร์แบบสปอร์ตเฉพาะของ TYPE R แป้นเหยียบที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งหมด ด้าน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ จอแสดงความเร็วแบบ Multiplex จอแสดงผลการทำงานต่างๆของเครื่องยนต์และไฟแสดงการทำงานของเครื่อง i-VTEC วิทยุ CD แบบ 6 แผ่นพร้อมลำโพง 6 ตัวช่องเชื่อมต่อ USBปุ่ม Start/Stop พร้อม Keyless Entry ส่วนความปลอดภัยมีให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัย ELR/ALR แบบ 3 จุดพร้อมระบบป้องกันการดึงกลับ ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบป้องกันการลื่นไถล VSA ระบบควบคุมการทรงตัว TSC ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย ระบบเตือนแรงดันของลม ยางพวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับตามความเร็วของรถ ระบบควบคุมความเร็ว และอุปกรณ์ดับเพลิงภายในรถ รถรุ่นนี้มีให้เลือกสองสี คือสีแดงและสีขาวซึ่งมาพร้อมแคมเปญพิเศษ รับส่วนลด 200,000 บาททันทีในงานนี้เท่านั้นค่ะ”
ไปรยาพูดยาวรวดดียวจบแล้วอดยิ้มแบบภูมิใจไม่ได้ ใครต่อใครชอบคิดว่าพริตตี้งานมอเตอร์โชว์-โชว์แต่ความเซ็กซี่แต่จริงๆ เธอต้องทำงานหนักกับการจดจำข้อมูลของสินค้า และหาวิธีพูดเพื่อจูงใจคนให้ซื้ออีกด้วย โดยเฉพาะรถยนต์ซึ่งเป็นของชิ้นใหญ่และต้องใช้เงินจำนวนมาก
ฟรานเชสโก้รู้สึกชอบใจกับการนำเสนอของหญิงสาว เขาแน่ใจว่าเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หากเป็นที่อิตาลี่ทุกคนจะกรูเข้ามาหาเขาเพื่อเสนอสินค้าและบริการนานาชนิดแต่เธอไม่รู้จักเขา แต่นั้นยิ่งทำให้เขาประทับใจ
ไม่ซิ ต้องเรียกว่า ‘ถูกใจ’ ต่างหาก
“สั่งจองได้ทีนี่เลยใช่ไหม”
ไปรยาตะลึงเล็กน้อยแล้วเก็บอาการไว้ ตลอดการทำงานหลายวันมานี่เธอเห็นมาเยอะแล้วพวกที่ชอบ ‘โชว์ป๋า’ ทำเป็นควักเงินมาจ่ายเป็นค่าจอดรถแต่เอาเข้าใจมีเพียงไม่กี่รายที่จะ ‘ซื้อ’ จริงๆ
“ทางนี้ค่ะ” ไปรยาเชิญเขาให้เดินไปที่เคาน์เตอร์ แต่ชายหนุ่มหยุดเดินสำรวจดูรถอีกรอบแล้วหันมาทางเธอ
“คุณชอบสีอะไร”
“ค่ะ” ไปรยาถามกลับอย่างงงๆ
“ผมถามว่าคุณชอบสีอะไรระหว่างแดงกับขาว”
“ทำไมต้องถามฉันด้วยละคะ”
“ก็รถรุ่นนี้มีสองสี ผมก็เลยอยากหาคนช่วยเลือก”
“ฉันไม่ใช่เจ้าของ คุณเลือกเองดีกว่าค่ะ”
“ถ้าผมอยากให้คุณเป็นเจ้าของร่วมละว่าไง”
ไปรยาหยุดอึ้งไปหลายวินาที เธอจ้องมองอีกฝ่ายแต่เขาไม่ได้ยิ้มเล่นหัวแต่ในแววตาเขามีรอยเจ้าเล่ห์แฝงอยู่
“ฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับคนอื่นค่ะ” ไปรยาเชิดหน้าตอบอย่างไม่หวั่นไหวกับสายตาเร่าร้อนที่เขามองมา การท้าทายกันด้วยสายตาทำให้เธอรู้สึกเหมือนรอบข้างไม่มีใครเลยนอกจากเธอกลับเขา
“เจอของถูกใจแล้วหรือครับ” ลอยเอ่ยถามกับฟรานเชสโก้แล้วหันไปยิ้มให้กับไปรยา “วันนี้สวยเหมือนเดิมนะ”
“รู้จักกันเหรอ” ฟรานเชสโก้ถามลอยทั้งที่สายตายังอยู่ที่ไปรยา
“ครับ รุ่นน้องแล้วก็เพื่อนของเพื่อน” ลอยยักไหล่เพราะไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ยังไง
“เพื่อนของเพื่อน”
“นั่นเจฟฟ์กับนริศครับ” ลอยแนะนำชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา
ฟรานเชสโก้มองดูชายหนุ่มที่ลอยแนะนำ ชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาลูกครึ่งส่วนอีกคนหน้าตาไทยแท้ ทั้งสองหนุ่มยกมือไหว้ตามมารยาทไทยแต่คนที่ชื่อนริศมองเขาอย่างเคืองๆ ตาขวางๆ ชอบกล แต่ของแบบนี้ไม่ต้องอธิบายก็พอจะรู้ว่าเพราะอะไร
“ท่าทางนายจะยุ่ง เดี๋ยวฉันไปจัดการเรื่องรถ แล้วว่างๆ เข้าไปหาที่ออฟฟิศด้วย ฉันอยากได้รูปสวยๆ ไปประดับโรงแรมหน่อย อ้อ...จะชวนเพื่อนไปด้วยกันก็ได้”
ฟรานเชสโก้พยักหน้าให้นิดๆ แล้วหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ไปรยานิดหนึ่งก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจัดการซื้อรถที่ตัวเองต้องการ ลอยโคลงศีรษะอย่างงงๆ เจฟฟ์กับนริศมองหน้ากันก่อนหันไปยิ้มให้ไปรยานิดหนึ่ง
“ขอตัวทำงานก่อนนะ”
“ต๊ะจะรอนะ เลิกงานจะไปส่ง” นริศรีบบอกก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกไป
“ฮืม...ขอบใจ”
นริศมองร่างเพรียวเดินไปทำหน้าที่ของตัวเอง ลอยชวนเจฟฟ์และนริศออกไปนั่งหาอะไรดื่มรอเวลาไปรยาเลิกงงาน นริศหงุดหงิดที่เห็นคนมาจีบไปรยาแบบนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้คือสายตาห่วงใยของเพื่อนคนหนึ่งที่มองอย่างเก็บอารมณ์เสมอมา
เพราะมันคือความรู้สึกที่พูดไม่ได้ และเขาเองก็ยอมไม่ได้ที่จะเสียเพื่อนไปเพราะความรู้สึกในใจของตัวเอง.
