บทที่ 5 อยู่อย่างอดทน
“เหอะ ไม่ผิดอย่างที่ฉันคาดไว้” ควินตันชำเลืองมองกล่องกำมะหยี่สีแดงบนตักแก้มหวาน แค่นหัวเราะในลำคอซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ในนั้นคือสิ่งใด
“คุณแม่ให้มาค่ะ” เธอบอกเสียงแผ่วเบา
“แล้วทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ เธอเองก็อยากได้ไม่ใช่เหรอ” ควินตันหันมองคนข้างกายสลับกับมองท้องถนนระหว่างขับรถกลับบ้าน
“หวานปฏิเสธไปแล้วค่ะ แต่คุณแม่ไม่ยอม”
“งั้นเหรอ” ถามราวไม่เชื่อคำอธิบายจากปากคนตัวเล็ก
“เพื่อความสบายใจของคุณควินตัน งั้นหวานคืนให้คุณก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยื่นกล่องกำมะหยี่แก่เขาอย่างไม่ลังเล เธอไม่ปรารถนารับมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉะนั้นตัดปัญหาโดยการให้เขา
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ” คนอย่างเธอคำไหนคำนั้น แม้จะเกิดมาจนแต่มารดามักสอนไม่ให้ทำตัวเป็นคนกลับกลอก อย่าหวังที่อยากจะได้ของคนอื่น
“อย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอฟ้องแม่ฉันล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หวานไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“ดี” ควินตันคว้ากล่องเครื่องเพชรมาวางบนตักแกร่ง จากนั้นสนใจขับรถต่อโดยไม่สนทนากับแก้มหวานอีกเลย กระทั่งรถแล่นเข้าจอดในรั้วบ้าน
“พรุ่งนี้เช้าเตรียมอาหารให้ฉันก่อนไปทำงานด้วย” คนกำลังจะเปิดประตูลงจากรถหยุดชะงัก
“คุณควินตันอยากทานอะไรเหรอคะ หวานจะได้ทำถูก” เธอมองคู่สนทนาอย่างรอคอยคำตอบจากริมฝีปากหยักได้รูป
“ขอเป็นกาแฟดำกับข้าวต้มกุ้งละกัน”
“ได้ค่ะ”
“ลงไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” โบกมือใหญ่ไล่คนตัวเล็กลงจากรถ ก่อนหยิบกล่องเครื่องเพชรมาเปิดดู
“คุณแม่ให้ของดีขนาดนี้เลยเหรอ” คาดไม่ถึงมารดาจะใจดีกับแก้มหวานถึงขั้นนี้ แต่เขาไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนนั้นหลอกเอาของแม่ตนเองเด็ดขาด เขาต้องทำทุกวิถีทางหย่ากับเธอให้ได้ก่อนเธอจะปอกลอกแม่เขามากกว่านี้
หลังจากแก้มหวานอยู่ในห้องนอน เธอเดินไปริมหน้าต่างแล้วทอดสายตามองคนในรถไม่ยอมลงสักทีจนอดแปลกใจไม่ได้
“แล้ววันหนึ่งคุณจะเข้าใจ หวานทำไปเพราะอะไร” ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือข้าวของเงินทองเธอไม่เคยอยากได้สักนิดเดียว แค่อยากชดใช้บางอย่างให้เขาคืนเท่านั้น
“อุ๊ย!” แก้มหวานหลบแทบไม่ทันเมื่อปรายตามองคนตัวโตบังเอิญเห็นเขามองมายังห้องนอนตนเอง “เกือบไปแล้วยัยหวาน” มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าอก
“คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ” ควินตันยกยิ้มมุมปาก เขาส่ายหัวไปมาพลางยกกล่องกำมะหยี่ขึ้นดูก่อนเข้าข้างใน
ในใจชายหนุ่มกำลังคิดว่าแก้มหวานอาลัยอาวรณ์เครื่องเพชรที่แม่ให้เธอแต่ดันโดนเขายึดไปเสียดื้อ ๆ สำหรับเขาเธอคือผู้หญิงหน้าเงินหวังมรดกผู้อื่น
ความเหนื่อยล้าของร่างกายทำให้หญิงสาวหลับง่ายดาย ทว่านอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย
“ฮึก” แก้มหวานพยุงกายลุกขึ้นนั่งพิงหลังเล็กกับหัวเตียงพร้อมนั่งชันเข่า ความฝันที่เธอไม่ได้ฝันมานานตั้งแต่ห้าปีก่อนวนเวียนกลับมาอีกครั้ง สร้างความหวาดผวาแก่เธอไม่น้อย
“ขอโทษ” ใบหน้าจิ้มลิ้มซบกับหัวเข่ามนด้วยความเสียใจกับความฝันเมื่อสักครู่ เพราะเธอคนเดียวเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนจึงเกิดขึ้น
ผ่านไปนานเท่าไรไม่สามารถล่วงรู้ได้กระทั่งแสงแดดในตอนเช้าสาดกระทบปลายเตียง ตามด้วยเสียงนกน้อยร้องเจื้อยแจ้วอย่างไพเราะ
“เช้าแล้วเหรอ” ผงกศีรษะขึ้นมองแสงในห้อง จากนั้นไม่รอช้าแบกร่างอ่อนล้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมทำอาหารเช้าแก่เจ้าของบ้าน
อาหารเช้าโดยฝีมือแก้มหวานถูกนำไปจัดเรียงบนโต๊ะพร้อมกาแฟดำ ขณะเดียวกันควินตันเดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี เขาปรายตามองคนตัวเล็กในชุดนักศึกษาแวบหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนนั่งตำแหน่งตนเอง
“หวานขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเสร็จหน้าที่เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ เพราะถึงอย่างไรเขาคงไม่อยากร่วมรับประทานอาหารกับเธอ
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ” ไม่ทันเดินพ้นห้องอาหารก็หมุนตัวไปมองเขา
“เธอไม่กินข้าวเช้าเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วนั่นจะไปไหน แต่งตัวแบบนั้นมีเรียนเหรอ” เขาไม่เคยสนใจเมียตีทะเบียนคนนี้เลยจึงไม่รู้เธออายุเท่าไรและยังเรียนอีกหรือเปล่าแล้วอยู่ปีอะไร เขาสนแค่เรื่องเดียวคือต้องการหย่ากับเธอให้เร็วที่สุด
“ค่ะ วันนี้หวานมีเรียนเช้า”
“อืม” ตอบรับในลำคอ
“หวานไปได้แล้วใช่ไหม” เธอเห็นเขาไม่พูดอะไรต่อหลังจากเงียบหลายนาทีจึงเอ่ยถาม
“ยัง”
“เอ่อ คุณควินตันมีอะไรให้หวานทำอีกเหรอคะ”
“เย็นนี้ฉันน่าจะไม่กลับ มีเคสผ่าตัดคนไข้ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็น”
“ค่ะ” ดีเหมือนกันเธอไม่ต้องลางาน ยิ่งลางานหลายวันเธอไม่มีเงินใช้
“คุณแม่กับคุณพ่อจะกลับอิตาลีสัปดาห์หน้า รู้แล้วใช่ไหม” บุพการีอาศัยอยู่อิตาลีและทำธุรกิจที่โน่น เขาอยู่ไทยตั้งแต่เด็กกับลุงที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ส่วนพี่ชายเพิ่งย้ายมาอยู่ไทยตอนแต่งงาน
ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลมาเฟีย แต่เขาไม่ชอบด้านนั้นเลยมาเอาดีด้านการเป็นหมอแทน
“หวานรู้แล้วค่ะ คุณแม่บอกเมื่อวาน”
“อืม”
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ” เท้าเล็กหยุดชะงักอย่างไว
“คุณควินตันมีอะไรจะใช้หวานเหรอคะ” คิ้วเรียวเลิกขึ้น
“จะรีบไปไหน นัดผู้ชายคนไหนไว้ล่ะท่าทางรีบร้อน” เขาเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทางของคนตัวเล็กทำราวจะไปจากตรงนี้ให้ได้
“เปล่าค่ะ หวานไม่ได้นัดผู้ชาย” เธอแค่กลัวไปขึ้นรถเมล์ไปเรียนไม่ทัน ช่วงเช้ายิ่งรถติด
“ฉันไม่สนใจหรอก เธอจะนัดใครไว้ที่ไหนเพราะถึงยังไงฉันจะหย่ากับเธออยู่ดี”
ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่น ตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอได้ยินคำนั้นนับไม่ถ้วนจากปากเขา เอาเข้าจริงแอบเจ็บจี๊ดเหมือนกันถึงไม่ได้รักแต่รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าเหลือเกินไม่ต่างกับสินค้าบุบสลายที่คนอื่นไม่เอาหรือทิ้งก็ไร้ความหมายอยู่ดี
“ฉันพูดแค่นี้ถึงกับเงียบเลยเหรอ” หรี่ดวงตามองปฏิกิริยาของแก้มหวาน
“คุณควินตันไม่มีอะไรจะใช้หวานแล้วใช่ไหมคะ” รีบพูดให้จบรีบจากไปดีกว่า เธอไม่อยากฟังวาจาเชือดเฉือนจากคนเย็นชาไม่เคยนึกถึงจิตใจเธอสักครั้ง
“ไปเรียนยังไง”
“รถเมล์ค่ะ”
“อืม” ตอบรับแค่นั้นเขารับประทานอาหารต่อ ไม่เหลือบมองคนตัวเล็กยืนนิ่งเป็นธาตุอากาศกลางห้องอาหาร
“หวานขอตัวนะคะ” คราวนี้เธอไม่ฟังคำทัดทานจากเขาอีกแล้ว มือเรียวคว้ากระเป๋าผ้าบนเก้าอี้และเดินฉับอย่างไว ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังเข้าเรียนสายแน่นอน
“นี่แค่เริ่มต้น ฉันจะทำให้เธอเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอร้องให้หย่ากับฉันเอง”
แก้มหวานยืนคอยรถเมล์เกือบยี่สิบนาที ยังคงไร้สายที่ผ่านมหาวิทยาลัย เธอเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้จึงไม่ค่อยคุ้นชินเส้นทาง เลยไม่รู้ต้องเผื่อเวลานานแค่ไหนรถถึงจะมา
เสียงบีบแตรรถดังขึ้นทำให้แก้มหวานสะดุ้งจากนั้นแหงนหน้ามองรถคันดังกล่าวซึ่งกำลังลดกระจกลงมา
“หวาน ใช่เธอจริงด้วย”
“ไทเกอร์” ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าเจ้าของรถดังกล่าวเป็นเพื่อนตัวเอง
“หวานอยู่แถวนี้เหรอ”
“อืม”
“ขึ้นรถมาสิเราไปมหาลัยด้วยกัน”
“จะดีเหรอไทเกอร์” เธอเกิดอาการลังเลเล็กน้อย กลัวว่าถ้านั่งรถไปกับไทเกอร์หนุ่มสุดหล่อ บ้านรวยคนนี้มีหวังคงโดนสาว ๆ ในมหาวิทยาลัยหมายหัวแน่
“ดีสิหวาน เราเป็นเพื่อนกันนะ” ถึงในใจจะรู้สึกกับแก้มหวานมากกว่าคำว่าเพื่อนก็ตาม แต่วินาทีนี้ต้องบอกอย่างนั้นไปก่อนเดี๋ยวเธอไม่ยอมขึ้นรถ
“เร็วสิหวานถ้าช้ากว่านี้รถจะติด”
“ขอบใจนะไทเกอร์” สุดท้ายจำใจเดินไปเปิดประตูรถและนั่งข้างเพื่อนสนิท
“คนอย่างเธอยังไงกันแน่ ปากปฏิเสธแต่นั่งรถไปกับผู้ชายคนอื่น” ควินตันว่าพลางแค่นยิ้ม
หลังจากแก้มหวานออกจากบ้านไม่ถึงสิบนาที ชายหนุ่มขับรถตามและเฝ้าสังเกตสถานการณ์บริเวณนั้นพักหนึ่ง คราแรกตั้งใจจะไปส่งเธอยังมหาวิทยาลัย แต่ช้าไปกว่ารถคันดังกล่าว
ตอนนี้ในสายตาควินตัน แก้มหวานไม่ต่างกับผู้หญิงสำส่อน
