บทที่ 7 คนเก่าของเขา
อนาวิลพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง ปรายตามองคนตัวเล็กนอนซมบนเตียงเพราะถูกพิษไข้เล่นงาน ถ้าเมื่อคืนเขาไม่รุนแรงกับเธอ เช้าวันนี้คงไม่ป่วย ยิ่งคิดยิ่งหนักใจทำได้แค่ส่ายศีรษะไปมา ก่อนนำอุปกรณ์ลดไข้มาเช็ดตัวหญิงสาว
“ฮึก พ่อขาแม่ขา แก้วหนาวเหลือเกิน...” เสียงหวานสั่นเครือ ในขณะนัยน์ตาคู่สวยยังคงปิดสนิท หยาดน้ำใสไหลรินข้างแก้มนุ่มนิ่มกระทั่งตกสู่หมอนใบใหญ่
“แก้วลดา” ฝ่ามือใหญ่พยายามจะเขย่าคนตัวเล็กเพื่อเรียกสติ แต่แก้วลดายิ่งส่งเสียงร้องดังด้วยประโยคเดิมซ้ำ ๆ หลายครั้ง จนอนาวิลต้องขึ้นไปนอนข้างหญิงสาวพร้อมกับกอดร่างแน่งน้อย
“ไม่เป็นไรแล้วนะแก้ว ฉันอยู่ตรงนี้” พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากจุมพิตบนหน้าผากกลมกลึง หลายนาทีผ่านไป แก้วลดาเริ่มเงียบลง
“เฮ้อ กว่าจะยอมนอนดี ๆ” เขามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างหลงใหล ตอนป่วยน่าเอ็นดูยิ่งนักจนอดไม่ได้จะจูบแก้มนุ่มหนัก ๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะนอนหลับพร้อมเธอ
สองชั่วโมงผ่านไป หลังจากแก้วลดาได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่ม อาการป่วยเริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่งแต่ยังเวียนหัวเล็กน้อย
“คุณธันย์” ดวงตากลมโตมองคนที่นอนกอดตัวเองแน่นราวกับกลัวจะหายก่อนเขาจะเริ่มรู้สึกตัว
“ตื่นแล้วเหรอแก้ว” อนาวิลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เขาค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นนั่งพลางสลัดความง่วงออกไป
“คุณมานอนห้องแก้วได้ไงคะ”
“ฉันก็มาดูแลคนป่วยไง”
“ไม่ต้องมายุ่งกับแก้วเลย ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่รังแกแก้วจนป่วย” แอบเบะปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้
“พูดมากแก้วลดา ถ้าหายป่วยแล้วก็ลุกขึ้นไปทำอะไรให้ฉันกินหน่อย”
“เชอะ ไอ้คนเผด็จการ” แก้วลดามองตามแผ่นหลังกว้างพร้อมบ่นพึมพำ เธอแทบอยากจะกรีดร้องลั่นห้องที่ถูกเขาบังคับให้ทำตามคำสั่งทุกอย่าง
บทลงโทษที่เธอโกหกเขาเรื่องลูก คือต้องทำหน้าที่ทุกอย่างที่เขาต้องการรวมถึงเรื่องบนเตียง ต่อให้อยากปฏิเสธมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะเขาขู่ไว้ เธอเห็นว่าแค่หกเดือนก็เลยยอม อีกอย่างจะได้ไม่ติดค้างกันด้วยจะได้จบ ๆ ต่างคนต่างอยู่ ระหว่างนี้ทำได้แค่อดทน
นับจากวันนั้นผ่านมาสองวัน แก้วลดากลับมาทำงานตามปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอนาวิลยังคงเป็นความลับ ผู้คนในบริษัทไม่มีใครล่วงรู้สักคน
“พวกแกฉันมีอะไรจะมาบอก” ขวัญดาววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในแผนกมาหาเพื่อน ๆ
“อะไรของแก” สายป่านถามขึ้นพลางทำหน้างุนงง
“มีอะไรหรือเปล่า เรื่องใหญ่เหรอ” แก้วลดาเอี้ยวหน้ามองเพื่อน
“ใหญ่สิ” ขวัญดาวทำหน้ามีเลศนัย
“อะไรของแกวะ รีบเล่ามาเลยฉันกับแก้วร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว”
“ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ฉันจะบอก” ขวัญดาวหันมองซ้ายขวาก่อนกวักมือเรียกเพื่อนทั้งสองให้เข้าใกล้ตัวเอง
“เรื่องอะไรขวัญ” แก้วลดารู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆ
“เมื่อกี้ฉันเอาเอกสารไปให้ท่านประธานเซ็น รู้ไหมฉันเจอใคร”
“ใครเหรอ” สายป่านถามขึ้นมองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสวยมากอยู่ในห้องท่านประธาน”
“ลูกค้าหรือเปล่าขวัญ” แก้วลดาพูดขึ้น
“ขวัญว่าไม่น่าจะใช่ เพราะผู้หญิงคนนั้นตอนมองท่านประธานแววตาของเธอเป็นประกาย อารมณ์แบบมองคนรัก”
“แกมั่วหรือเปล่าขวัญ ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานยังไม่มีแฟน” สายป่านแย้ง
“มั่วหรือเปล่าไม่รู้แต่ฉันจะบอกให้นะ ผู้หญิงคนนั้นเรียกท่านประธานด้วยชื่อเล่น เรียกว่าธันย์ขาแบบนี้เลย”
“เหรอ” สายป่านทำหน้าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ขณะแก้วลดาเริ่มหน้าซีดเผือด
“ฉันเคยได้ยินมาว่าท่านประธานเคยมีแฟนแต่เลิกไปนานแล้วตั้งแต่เจ็ดปีก่อน หลังจากนั้นท่านประธานไม่เคยคบกับใครจริง ๆ เลยมีแค่ควงเล่น ๆ ฉันว่าบางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นแฟนเก่าของท่านประธานก็ได้”
“ไม่มีการมีงานทำเหรอถึงได้ทำตัวเหมือนว่างงาน” เสียงของมณีนุชดังขึ้น ทำให้วงสนทนาแตกกระเจิดกระเจิง
“น้องแก้วคะ”
“คะ” แก้วลดาค่อย ๆ เงยหน้ามองหัวหน้าแผนก
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ พี่เห็นน้องแก้วหน้าซีดจังเลย ไม่สบายเหรอ” มณีนุชเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกเอ็นดูแก้วลดาเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“เปล่าค่ะ” ฝืนส่งยิ้มแก่มณีนุช เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลังจากได้ยินเรื่องของอนาวิลกับผู้หญิงคนอื่น รู้สึกเจ็บแปลบตรงหัวใจ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นพี่ฝากเอาแฟ้มนี้ไปให้ท่านประธานเซ็นหน่อย” มณีนุชวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
“ค่ะ” มือเรียวคว้ามากอดแนบอกแล้วนำแฟ้มเอกสารไปให้อนาวิลเซ็นตามคำสั่ง
เมื่อมาถึงห้องทำงานของชายหนุ่ม เธอพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอื้อมมือเคาะประตู ซึ่งวันนี้ซอนย่าไม่ได้มาทำงาน แก้วลดาจึงต้องไปหาเจ้านายหนุ่มโดยตรง
“เข้ามา” เสียงทุ้มเจ้าของห้องตอบกลับ มือเรียวดันประตูเข้าไปข้างในเชื่องช้า
“ขออนุญาตค่ะ มีเอกสารต้องให้ท่านประธานเซ็นด่วน” แก้วลดาตรงไปโต๊ะทำงานอนาวิลพร้อมวางเอกสารลง
“แก้ว” อนาวิลเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา ก่อนปรายตามองใครอีกคนนั่งอยู่ตรงโซฟารับรองแขก ซึ่งแก้วลดาก็หันไปมองตามชายหนุ่ม จึงทำให้เห็นสาวสวยอย่างที่ขวัญดาวพูด
“โอ๊ย” เสียงร้องของธีรดาดังขึ้น อนาวิลรีบลุกขึ้นไปดูอย่างไวด้วยความเป็นห่วง จนลืมใครอีกคนกำลังมองตามแผ่นหลังแกร่งด้วยความรู้สึกปวดหนึบ
“เป็นอะไรเหรอรดา”
“ไม่รู้อะไรเข้าตารดา เจ็บจังเลย” มือเล็กของธีรดาพยายามจะขยี้แต่ถูกห้ามไว้
“อย่าขยี้รดา เดี๋ยวผมเอาออกให้นะครับ” อนาวิลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แค่ฟังก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงธีรดามากแค่ไหน
การกระทำของอนาวิลและธีรดา ตกอยู่ในสายตาของแก้วลดา เธอมองคนทั้งสองตลอดเวลาจนรู้สึกจุกอก และหายใจไม่ค่อยสะดวก หน้างดงามร้อนผ่าวราวกับน้ำตากำลังคลอเบ้า
แก้วลดาเบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างชักช้า พยายามสั่งจิตตัวเองห้ามร้องไห้ ห้ามมีน้ำตา เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“รดาดีขึ้นหรือยังครับ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ธันย์กลับไปทำงานเถอะ รดาไม่กวนแล้ว”
แม้แก้วลดาจะไม่มองคนทั้งสอง แต่ทุกบทสนทนาของพวกเขากระทบดังก้องโสตประสาทของเธอ
“แก้ว”
“คะท่านประธาน” เธอมองคนตรงหน้าที่ไม่รู้เดินมานั่งตอนไหน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” อนาวิลพูดให้ได้ยินแค่สองคน
“ท่านประธานช่วยเซ็นเอกสารหน่อยนะคะ เอกสารด่วนต้องรีบใช้” แก้วลดาพูดด้วยน้ำเสียงโทนปกติ เธอไม่อยากให้แฟนของเขาเข้าใจว่ากระซิบอะไรกัน
“อืม” ตอบรับในลำคอสั้น ๆ ตวัดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษ จากนั้นยื่นให้แก่คนตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะท่านประธาน” ส่งยิ้มอ่อน ๆ พลางเอื้อมมือรับแฟ้มเอกสารมากอด ระหว่างกำลังจะหมุนตัวเยื้องย่างออกจากห้อง เสียงของอนาวิลดังขึ้น
“เดี๋ยวก่อน” เสียงที่ดังของชายหนุ่มทำให้แก้วลดาหันมอง ไม่เว้นธีรดาก็มองตามด้วย
“คะ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัย อนาวิลมองหน้างดงามของคนตรงหน้าก่อนชำเลืองมองธีรดา ซึ่งกำลังมองเขากับแก้วลดาอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กจนลับหาย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยลืมไปว่าทุกอิริยาบถของเขาถูกธีรดาจ้องอยู่
“ธันย์คะ เที่ยงนี้เราไปทานข้าวด้วยกันเถอะ” พูดพลางเดินไปหาชายหนุ่ม
“อืม”
“ธันย์ชอบผู้หญิงเมื่อกี้เหรอคะ” มองคนตรงหน้าอย่างจับพิรุธ
“ผมจะชอบได้ไง เธอเป็นพนักงานในบริษัทของผม”
“นั่นสิ เท่าที่รดารู้มาคุณไม่ชอบกินของหวานเพราะมันเลี่ยน งั้นธันย์อย่าคิดที่จะลองกินเลย ของพวกนี้กินมากไม่ดีต่อสุขภาพ” ธีรดาเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย แม้คำปฏิเสธของอนาวิลบอกไม่คิดอะไรกับแก้วลดา แต่สายตาที่มองก็พอเดาออก
“ผมขอเคลียร์งานก่อน”
“ได้ค่ะ” ส่งยิ้มหวานก่อนหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่เดิม
